คอลัมน์ในอดีต

ตอนที่ 36 ลั่นทม (1)

๓๖.ลั่นทม ๑

หลังจากยายหลานกลับออกจากป่า

ก็ตั้งหน้าตั้งตาสวดมนต์แผ่เมตตากันตามที่รับมาจากพระนิรันตระทุกค่ำคืนด้วยจิตใจที่อิ่มเอมเบิกบานใ
นศีลเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

“วดีลูกพรุ่งนี้วันพระ พระคุณเจ้าจะออกจากป่ามารับบิณฑบาตที่หมู่บ้านเรา

เราจะให้หลวงพ่อไปรับบิณฑบาตหลายๆบ้านแล้วกลับมาฉันเช้าและนิมนต์ฉันเพลที่บ้านเราดีไหมวดี?”

“ดีจ้ะยาย”
ตอบแบบไม่ต้องคิดเลย อาการดีใจออกนอกหน้า ยายเอมอดหัวเราะไม่ได้
“งั้นเย็นนี้เตรียมเก็บมะลิมาร้อยมาลัยถวายพระ และพระคุณเจ้า หรือหนูอยากจะทำอะไร

ถวายก็ทำนะลูก”

“จ้ะยาย ยายจะทำอาหารอะไรใส่บาตรเช้า และฉันเพลหล่ะยาย?”
“เช้าใส่บาตรข้าวหอมมะลิกับปลาช่อนที่ยายตากไว้ก็คงพอ

เพราะวันพระพรุ่งนี้คงมีคนใส่บาตรเยอะขึ้น พระคุณเจ้าพอทราบการเดินรับบิณฑบาตแล้ว
ส่วนอาหารเพลวดีช่วยยายคิดหน่อยซิลูก”

“ยายจ๋า งั้นวดีจะทำแกงส้มไหลบัวดีไหม วดีตำน้ำพริกเอง ใส่กุ้งแห้งโขลกทำน้ำแกง
ใส่ข้าวเบือนิดหน่อยพอให้น้ำแกงข้น ๆปลาช่อนแห้งของยายยังอยู่จ้ะ ทอดเหลือง ๆ กรอบ ๆ
กินกับแกงส้ม แล้วก็ไข่เจียวหอม ๆฟู ๆ วดีแสดงฝีมือเองจ้ะยาย”

ราชาวดีมีสีหน้ามาดมั่นเต็มที่ ยายเอมมองด้วยสายตาชื่นชม

หลานสาวคนนี้มีนิสัยรักการบ้านการเรือนทุกอย่าง ทั้งอาหารการกินหวานคาว ดอกไม้ใบตอง
เย็บปักถักร้อย สมเป็นกุลสตรีจริง ๆ

“เอ้างั้นรึ ทำเองคนเดียวแน่ใจเหรอวดี?”
“แน่ใจซิจ้ะยาย วดีทำเอง ยายนั่งเฉย ๆเลย วดีตั้งใจไว้แล้ว อยากทำอาหารถวายหลวงตา

ส่วนอาหารหวานวดีว่าทำ หยกมณี ดีไหมจ๊ะยาย?”
ยายเอมพนักหน้าแทนการตอบรับ
……………………………………………
ก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ราชาวดีเดินไปเก็บดอกมะลิริมรั้วจนเกือบเต็มตะกร้า
ลมพัดแรงจนกลิ่นดอกลั่นทมที่หอมเย็นโชยมาทำให้ราชาวดีแว้บเห็นอ่างแก้วที่มีลั่นทมลอยไหวไปมา

มีเสียงกระซิบผ่านสายลมแผ่ว ลั่นทม คือ ศีล ราชาวดีม้วนตัวกลับไปริมรั้วอีกครั้งทันที โน้มกิ่งลั่นทม
และค่อยๆเก็บเฉพาะดอกที่ใจของราชาวดีอยากนำถวายพระในค่ำคืนนี้
ตอนเที่ยงคืนพระจันทร์ก็จะเต็มดวงเพราะตรงกับวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ

“วดี..วดี”
เสียงยายเอมตะโกนเรียกหลานเพราะใกล้ค่ำแล้ว
“จ๊ะยาย วดีเก็บดอกไม้เสร็จแล้วกำลังจะเดินกลับ ยายไม่ต้องห่วง จ้า….”
ยายเอมมองเห็นดอกลั่นทม บนดอกมะลิในตะกร้า จึงเอ่ยถามขึ้น
“เอ้า…วันนี้ทำไมเก็บดอกลั่นทมมาด้วยล่ะลูก”
“คืนนี้วดีจะเอาลั่นทมลอยอ่างแก้ว ถวายพระจ้ะยาย คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงด้วย”
ยายเอมยิ้มให้กับหลานด้วยความอิ่มเอมใจ
“ ยายจ๋า วดีเคยเห็นอ่างแก้วของยาย ยายเก็บไว้ที่ไหนจ๊ะ
วดีจะเอามาใส่น้ำเพื่อลอยดอกลั่นทมขึ้นถวายพระคืนนี้ พอลอยถวายวันพระเสร็จ
วดีจะเอาน้ำมาอาบเป็นเหมือนน้ำมนต์ วดีจะได้สวยเหมือนแม่พิมพ์จันทร์ของวดี
ยายเคยบอกวดีไม่ใช่หรือว่า แม่พิมพ์ชอบเอาดอกลั่นทมลอยน้ำถวายพระ และนำเอาน้ำมาอาบ
โดยเฉพาะวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ตอนพระจันทร์เต็มดวง”
ยายเอมตอบหลานแบบปนหัวเราะ…
“ใช่ ๆยังจำได้ด้วยรึวดี ยายเล่าไปตั้งนานแล้วจนยายลืมแล้วนี่ แม่พิมพ์จันทร์ของหนูเขา

ไปได้ยินมาจากไหนไม่รู้ เขาบอกกับยายอย่างนั้น”

ยายเอมนั่งคิดถึงลูกสาวของตัวเองที่มาจากไปตั้งแต่คลอดราชาวดี ส่วนชัชพ่อของ
ราชาวดีก็ตรอมใจตายตามไปด้วย หนำซ้ำ ตาแม้นสามีของยายเอมก็มาตายตามกันไปอีก อนิจจัง ทุกขัง
อนัตตา

“ยาย ยายจ๋า ยายคิดอะไรอยู่นิ่งเงียบไปตั้งนานแล้ว”
“เฮ้อ! ยายก็คิดไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนแก่”
เอามือลูบหัวหลานสาวด้วยความเอ็นดู นี่ถ้ายายไม่มีหนู
ยายก็คงตายตามตาแม้นไปแล้ว….“ตู้โน้นข้างเสายายเก็บอ่างแก้วไว้ที่นั่นล่ะลูก”
“จ้ะยาย เดี๋ยววดีจะรีบทำและจะเตรียมเด็ดตำลึงเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องรีบร้อนนะ

ยาย”

“เออ..ดี ๆลูกรีบ ๆทำซะ ยายจะไปเตรียมของใส่บาตรเช้าเหมือนกัน”

ราชาวดีหยิบอ่างแก้วออกจากตู้เหมือนคุ้นเคย ตักน้ำและนำดอกลั่นทมลอยบนอ่างแก้ว ๙

ดอก ตั้งไว้ชานบ้าน ราชาวดี รีบอาบน้ำอาบท่าแต่วัน ด้วยความชุ่มชื่นหัวใจ
วันพรุ่งนี้จะได้ทำอาหารด้วยฝีมือตัวเองถวายหลวงตา
ยายคงชวนเราสวดมนต์ข้ามคืนเป็นแน่แท้เพราะพรุ่งนี้เป็นวันพระ

ยายเอมซึ่งง่วนเตรียมของอยู่ในครัว
ก็สังเกตดูอากัปกริยาของหลานก็พลอยเป็นสุขไปด้วย

“ยายจ๋าวดี ถวายดอกลั่นทมที่หิ้งพระเลยนะจ๊ะยาย วดีอาบน้ำใส่ชุดขาวเรียบร้อยแล้ว

หรือจะให้วดีรอยายจ๊ะ”

ยายเอมซึ่งตระเตรียมของอยู่ในครัวเสร็จพอดี หันมาพูดกับหลานรักว่า
“วดีถวายก่อนได้เลย ขอยายไปอาบน้ำอาบท่าเดี๋ยวทานข้าวกัน วันนี้ยายจะพาสวดมนต์

ข้ามคืนกัน”

“จ้ะยาย วดีคิดเหมือนยายเลย พรุ่งนี้วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ พอดี”
หลังจากยายเอมอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้ว
สองยายหลานก็เข้ามานั่งทานข้าวที่ชานบ้านด้วยความสุขใจ
ขณะทั้งสองยายหลานรับประทานอาหารต่างคนต่างมิได้พูดจากัน
เหมือนต่างคนต่างคิดเรื่องของความสุขสงบที่กำลังเกิดขึ้นในครอบครัว
ยายหลาน..ขอบคุณพระคุณเจ้า…ขอบคุณหลวงตา…ที่มาโปรดพวกเรา….จนกินข้าวเสร็จยายเอมจึงบอก
หลาน

“เดี๋ยวล้างจานชามเสร็จ ยายจะพาเดินไปเอาเทียนขี้ผึ้งที่บ้านยายแช่ม แกทำเทียนเอาไว้

ขาย เราไปช่วยอุดหนุนแก แกจะได้เก็บไว้ซื้อข้าวปลาอาหาร แกอยู่คนเดียว
แกมาจากฝั่งกระโน้นเหมือนกับเรา”
“ได้จ้ะยาย”
สองยายหลานพากันเดินไปที่บ้านยายแช่มที่ทำเทียนขี้ผึ้งขาย

ซึ่งไม่ห่างจากบ้านของยายเอมสักเท่าไหร่
“ยายแช่มๆอยู่รึเปล่า ฉันเองเอมจ้ะ”
“อยู่ในสวนครับ”
เจ้าของเสียงตอบเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาคมชื่อนรินทร์ เป็นหลานชายป้าแช่ม
“สวัสดีครับยาย ป้าแช่มอยู่สวนหลังบ้าน ไปเก็บผักจะมาทำกับข้าวใส่บาตรพรุ่งนี้ครับ”

“ดีเลยพ่อหนุ่ม ยายจะมาบอกด้วยว่าพรุ่งนี้จะมีพระมาเพิ่มอีก ๑ รูป
แล้วยายอยากได้เทียนขี้ผึ้งที่ป้าแช่มทำอยู่ ยังพอมีให้ยายไหมล่ะพ่อหนุ่ม”

ยังไม่ทันที่นรินทร์จะตอบ เสียงเท้าก้าวเดินเข้าบ้านของป้าแช่มดังขึ้นพอดี

เด็กหนุ่มนรินทร์หันมาบอกยายเอม

“ป้าแช่มมาพอดีครับ เดี๋ยวผมไปเรียกให้ครับ”
ขณะที่ปากพูด นรินทร์อดเหลียวมองราชาวดีที่ยืนอยู่ข้างๆยายเอมไม่ได้ ทำให้ราชาวดี

ต้องก้มหน้าลงต่ำออกอาการหนาว ๆร้อน ๆกับสายตาคู่นั้น

“เอ้า..ยายเอม ลมอะไรพัดมายามค่ำๆเช่นนี้ นั่งก่อนๆ อีหนูนั่นวดีใช่ไหม”
เสียงป้าแช่มดังเอะอะมาก่อนที่จะเห็นตัว สีหน้าท่าทางใจดี ราชาวดีอ้อมแอ้มตอบว่า
“ราชาวดีจ้ะ เรียกสั้นๆว่าวดีก็ได้จ้ะ”
นรินทร์ยังไม่ละสายตาจากราชาวดี ทำให้ราชาวดีไม่กล้าเงยหน้าขึ้นผิวหน้าร้อนวูบวาบ
“เอ้า..วดี นี่ป้าแช่มที่ทำเทียนขี้ผึ้งที่ยายเล่าให้ฟัง มาจากฝั่งกระโน้นเหมือนเรา เป็นเพื่อน

เก่าเพื่อนแก่กับยาย เออ…แล้วพ่อหนุ่มรูปงามนั่นล่ะใครแต่ก่อนฉันไม่เคยเห็น”

ยายเอมและป้าแช่มไม่ได้สังเกตกริยาของหนุ่มสาว คงทักทายกันประสามิตรสนิท
“อ๋อ…หลานฉันเอง พึ่งไปรับมาอยู่เป็นเพื่อน พ่อ-แม่ เขายังอยู่ฝั่งกระโน้น ไปๆมาๆ

แหล่ะ เขาเป็นห่วงฉันเลยมาอยู่เป็นเพื่อน”

ราชาวดียกมือขึ้นไหว้ป้าแช่ม และนรินทร์ ด้วยคิดว่ายังไงก็คงเป็นพี่

ป้าแช่มและนรินทร์รับไหว้ตอบ สายตานรินทร์จับจ้องมองจนราชาวดีไม่กล้าเอ่ยปากพูดสิ่งใด
นอกจากยิ้ม
ยิ้มนี่แหละทำให้นรินทร์ประทับใจในรอยยิ้มที่เห็นฟันขาวๆเรียงเป็นระเบียบของสาวน้อยราชาวดียิ่งนัก
ผู้อาวุโสทั้งสองไม่ได้สนใจอาการของหนุ่มสาว ยังคุยต่อถึงธุระที่ทำให้ต้องมาพบกันวันนี้

“เทียนขี้ผึ้ง ฉันปั้นไว้ยังพอมีอยู่ จะเอาสักเท่าใดล่ะ ยายเอม”
“เอาสักสองสามกำได้ ฉันกับหลานจุดไหว้พระทุกเช้า-ค่ำ เลยใช้มากหน่อยช่วงนี้

วดีเขาชอบสวดมนต์”

นรินทร์นั่งฟังอยู่รู้สึกทึ่ง เด็กอายุแค่นี้สวดมนต์เป็นด้วยหรือ ไม่น่าเชื่อ ยายเอมก็พูดต่อ..
“พรุ่งนี้เป็นวันพระจะมีพระคุณเจ้ารูปหนึ่งที่มาปักกลดธุดงค์อยู่ในป่า ออกมาบิณฑบาต
นะ แช่ม ใส่บาตรด้วยกันตอนเช้า ท่านพึ่งเคยมาหมู่บ้านเราครั้งนี้จะเป็นแค่ครั้งที่ ๒ ไว้ว่างๆ คุยกันต่อ
นี่ก็ค่ำมากแล้ว ฉันกับหลานจะขอลากลับก่อนล่ะ”

“จ้ะ อนุโมทนาบุญด้วยนะยายเอม หนูวดี ยายกับหลานสาวคู่นี้ใจบุญจริงๆ”

นรินทร์มองสองยายหลานเดินจากไปจนลับสายตา สะดุ้งเมื่อได้ยินป้าแช่มเรียก
“ เอ้าเป็นอะไรเจ้ารินทร์ ชอบหลานสาวยายเอมเขารึถึงมองไม่ละสายตาเช่นนี้”
ป้าช่างพูดไม่อ้อมค้อมเลยทำเอานรินทร์หน้าแดงออกอาการเขิน
“โธ่ ป้าแช่มก็ ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ ผมดูว่าน้องเขาเรียบร้อยดี”
ป้าแช่มหัวเราะเสียงดังจนเห็นฟันดำเพราะเคี้ยวหมาก…
“ข้ารู้นะเจ้ารินทร์เอ๋ย”

มณีจันทร์ฉาย