คอลัมน์ในอดีต

ลั่นทม

ตะวันใกล้จะลับขอบฟ้า ก็มาถึงเรือนชานของยายเอมพอดี ยายเอมจึงเอ่ยขึ้นว่า 

“พระคุณเจ้าเจ้าค่ะ อิฉันจะขอนิมนต์ให้พระคุณเจ้าจำวัดเสียที่นี่ก่อน เพราะใกล้ค่ำแล้ว กว่าจะเข้าถึงป่าก็อันตราย อีกอย่างพระคุณเจ้าก็พึ่งจะฟื้นไข้ ยังดูอ่อนแรงอยู่” 

…ได้ฟังก็กำหนดตามคำเชื้อเชิญของยายเอม คืนนี้เรามีหน้าที่ให้ธรรมะสองยายหลานที่บ้านนี้นี่เอง “ได้ยายเอม อาตมาจะจำวัดที่บ้านยายเอมคืนนี้ คิดอยู่เหมือนกันว่าคงค่ำก่อน การเดินทางคงลำบาก” 

ราชาวดีได้ยิน ดีใจเป็นที่สุดแต่เก็บอาการเอาไว้ หลวงตาจะจำวัดบ้านเรา ดีใจจัง 

“นิมนต์ด้วยเจ้าค่ะหลวงตา” 

กลิ่นเจ้าดอกลั่นทมยามเย็นส่งกลิ่นหอมเย็นอย่างบอกกาลล่วงหน้าว่าค่ำคืนนี้ พระนิรันตระต้องทำหน้าที่ขยายความ “ลั่นทม” เจ้าดอกไม้ชนิดนี้ว่ามีสำคัญอย่างไร 

“พระคุณเจ้าพักผ่อนตามสบายนะเจ้าค่ะ วดีเอาน้ำมะตูมอุ่นๆมาถวายพระคุณเจ้าสิ วันนี้พระคุณเจ้ามิได้รับอะไรเลย นอกจากน้ำ จะได้มีเรี่ยวมีแรง” 

“ไม่เป็นไรหรอกโยม อาตมาไม่หิว อิ่มทิพย์วันนี้” อมยิ้มเล็กน้อย “เห็นญาติโยมมีความรักความเมตตาก็ปิติอย่างบอกไม่ถูกแล้วโยมเอม” 

ราชาวดีนำน้ำมะตูมอุ่นๆถวายพระนิรันตระ พระนิรันตระสังเกตเห็นทุกๆครั้งที่ราชาวดีถวายน้ำอะไรก็แล้วแต่จะมีดอกมะลิลอยมาเสมอ  

เมื่อราชาวดีถวายน้ำมะตูมเสร็จสรรพ 

พระนิรันตระ… “โยม..ชอบดอกมะลิหรือ?” 

“เจ้าค่ะ วดีชอบดอกมะลิและดอกไม้แทบทุกอย่างเลยหลวงตา วลีชอบดอกไม้ที่มีสีขาวกลิ่นหอมอ่อนๆ อย่างมะลิ, ลั่นทม, ราชาวดี นี่แหละเจ้าค่ะ” 

“แล้วโยมเข้าใจเรื่องราวของดอกไม้เหล่านี้บ้างไหม?” 

“ก็พอจะทราบบ้างจากยายเล่าให้ฟัง แต่ก็ไม่ได้ละเอียดมากมายเท่าใดนัก เพียงแต่รู้สึกรักและชอบดอกไม้สีขาวจำพวกนี้ เพราะมีกลิ่นหอมเย็น อ่อนโยน เมื่อสูดดมจึงรู้สึกชื่นใจน่ะเจ้าค่ะ” 

ยายเอมบอก… “วดีให้พระคุณเจ้าพักเสียหน่อย เสื่อสาด หมอน จัดแจงให้เรียบร้อยอยู่ในห้องพระ หนูเอามาปูที่นอกชานก่อน ลมพัดเย็นสบายพระคุณเจ้าจะได้พักผ่อน” 

ราชาวดี… “จ้ะยาย” 

พระนิรันตระ รู้สึกอบอุ่นเหมือนได้กลับมาอยู่กับครอบครัวอย่างบอกไม่ถูก อาการอ่อนเพลียทั้งหลายก็หายเป็นปลิดทิ้ง ได้แต่นึกรำพึงในใจ เหตุนี้เองที่ทำให้เราได้มาพักที่เรือนหลังนี้ พระนิรันตระทอดสายตายาวไกลไปถึงชายป่า การเดินทางเพื่อแสวงธรรมครั้งนี้ทุกอย่างถูกกำหนดมาหมดแล้ว เราต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเท่าที่สติปัญญาของเราจะพึงมี หนทางของเราไม่มีให้เลือกนอกจากการหลุดพ้น เพื่อสู่หนทางพระนิพพาน การไม่กลับมาเกิดเป็นที่สุดของเราและครอบครัว หากเราทำได้ ทุกคนในครอบครัวเราทำได้คงจะเป็นอนิสงส์และผลบุญอันยิ่งใหญ่ไพศาล… 

ขณะที่ราชาวดี ปูเสื่อ เสร็จสรรพ ไม่เคยขาดพานแก้วลอยดอกลั่นทมตั้งไว้ข้างๆหมอนหนุนนอนที่เตรียมให้พระนิรันตระ 

“หลวงตาเจ้าค่ะ หลวงตาพักผ่อนที่ชานบ้านนะเจ้าคะ วดีจัดเตรียมให้เรียบร้อยแล้ว เผื่อหลวงตาพักแล้วจะมีแรงให้ธรรมะ วดีกับยายอีกคืนนี้” หัวเราะ 

“ขอบใจโยม ดีเหมือนกัน เอาเป็นว่าเรานัดกันธรรมวัตรเย็น แล้วอาตมาจะเล่าเรื่อง ดอกลั่นทมให้ฟัง” อมยิ้มอ่อนโยน 

“เจ้าค่ะ” 

พระนิรันตระ เผลองีบหลับไป 

แพร หันมาทางนี้ ในมือของพบมีดอกลั่นทมที่พึ่งเด็ดจากต้นยื่นมาเสียบข้างหูให้กับเจ้าแพร 

“ขอบใจพบสวยไหมจ๊ะ?” เอียงหน้า น่าเอ็นดู 

…พบ พยักหน้าหงึกๆ เด็กชายหญิงแข่งกันเก็บดอกลั่นทมใส่ตะกร้าเพื่อให้หญิงชราลอยถวายพระ… 

กลิ่นดอกลั่นทมริมรั้วบ้านยายเอมส่งกลิ่นหอมเย็น ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้ายิ่งทำให้กลิ่นลั่นทมที่ลอยตามลมส่งกลิ่นหอมหวลยิ่งขึ้น ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว พระนิรันตระยังคงหลับสงบอยู่ที่ชานบ้าน ราชาวดีกับยายเอมนุ่งขาวห่มขาววันนี้ เตรียมทำวัตรเย็นกับพระนิรันตระ พระนิรันตระพลิกตัวเหมือนรู้ว่าถึงเวลาทำวัตรเย็นแล้ว 

ยายเอม… “นิมนต์พระคุณเจ้าล้างหน้าล้างตา วดีเตรียมน้ำไว้ให้แล้ว” 

พระนิรันตระ… “ขอบใจโยม” พระนิรันตระมองเห็นขันน้ำลอยดอกมะลิ ส่งกลิ่นหอมชื่นใจตั้งอยู่ชานบ้านพลอยทำให้หัวใจพระนิรันตระเบิกบานไปด้วย 

น้ำอุ่นๆสำหรับดื่มตั้งไว้พร้อมสรรพ มาลัยมะลิกรองอย่างงดงามเหมือนชาววังเขาทำกัน ธูปเทียน เตรียมวางไว้บนพานสำหรับทำวัตรเย็นนี้ ช่างเรียบร้อยเหลือเกินราชาวดี 

ยายเอม ราชาวดี ก้มลงกราบพร้อมกัน 

“สวดทำวัตรเย็นกันเลยโยมทั้งสอง” 

หลังจากทำวัตรเย็นแล้วก็ทำสมาธิ พระนิรันตระเอ่ยขึ้นว่า 

“วันนี้อาตมาจะเล่าเรื่อง ดอกลั่นทม ที่ราชาวดีนำมารักษาอาตมาและเคยรักษายายเปี่ยมมาแล้วดีมั้ย?” 

“ดีเจ้าค่ะหลวงตา วดีอยากรู้อย่างละเอียด” 

…ลั่นทม สมัยโบราณเรียก จำปาลาว เป็นดอกไม้ประจำชาติลาว นำเข้ามาสมัยพระนารายณ์มหาราชเพื่อเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับฝรั่งเศส จนถึงสมัยอยุธยาตอนปลายไทยค้าขายกัน ฝรั่งเศสถวายกับพระมหากษัตริย์ปลูกในรั้วในวัง เพี้ยนมาจากภาษาเขมรเรียก สรัลทม แปลว่า รักอันยิ่งใหญ่ ลั่นทมในภาษาไทย แปลว่า การละทิ้งแล้วซึ่งความทุกข์โศก คนมักเข้าใจว่า ลั่นทม คือระทม ซึ่งไม่ใช่อย่างที่หลายคนเข้าใจ ลั่นทมมีกลิ่นหอมเย็น สีขาวของดอกคือ ศาสนาพุทธ สีเหลืองด้านในคือ พระผู้สืบสานพระศาสนา กลิ่นคือ ศีล เมื่อเด็ดดอกมาล้างน้ำให้สะอาดลอยน้ำถวายพระ น้ำนั้นใช้เสมือนเป็นน้ำมนต์ใช้อาบ ดอกของมันนำมาตำกับผักหวานจะรักษาโรคไวรัสตับ รากของมันทำเป็นยาสมุนไพรรักษาโรคต่างๆได้ สังเกตว่าดอกลั่นทมจะไม่มีแมลงตอม เพราะยางของมันจะเป็นเกราะคุ้มครองตัวมันเอง  

โบราณเขาบอกว่า ถ้าดอกลั่นทมหันดอกเข้าบ้าน บ้านนั้นจะเป็นบ้านที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง อย่างเช่นบ้านของโยมเอมนี่แหละ อาตมามองเห็นตั้งแต่ก่อนใกล้ค่ำ มีอยู่อย่างที่อัศจรรย์ถ้าผู้ใดมีความผูกพันกับดอกไม้ชนิดนี้ เวลาที่มีเหตุเกี่ยวกับร่างกายจะใช้ประโยชน์จากดอกลั่นทมนี้ได้ 

“งั้นหลวงตาก็เกี่ยวข้องกับดอกลั่นทมซิเจ้าค่ะ หลวงตาถึงได้หายจากการเป็นลม” 

…อมยิ้ม… “คงเป็นเช่นนั้นแหละโยม” 

…ลั่นทม ลีลาวดี รักนี้นิรันดร์ สองเรานั้นรักกันนิรันดร ดังก้องอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของราชาวดี 

รุ้ง 

เสียงไก่ขันในเช้าวันใหม่ ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า ฝนโปรยปรายบางเบาทำให้เกิดครึ่งวงกลมของรุ้งงามในเช้านี้อย่างน่าอัศจรรย์ พระนิรันตระลุกขึ้นทำวัตรเช้าตั้งแต่ตะวันยังไม่พ้นขอบฟ้า 

หลังจากทำวัตรเช้าเสร็จ แสงตะวันสาดแสงมาบนชานบ้านทำให้พระนิรันตระมองเห็นขันน้ำลอยดอกมะลิตั้งไว้บนชานบ้าน นี่แสดงว่าราชาวดีกับยายเอมตื่นขึ้นมานานแล้ว แต่เอ?…ช่างเงียบเชียบ ราวกับบ้านนี้ไม่มีคนอยู่ สักครู่จึงได้ยินเสียง 

“วดีเอาดอกบัวล้างน้ำเสียหน่อยลูก จะได้ถวายพระแก้วมรกต และพระคุณเจ้า วันนี้วันพระใกล้เข้าพรรษาเสียด้วย แล้วอย่าลืมเอาผ้าเช็ดหัวเสียหล่ะ โดนละอองฝนมาเดี๋ยวจะไม่สบายเอา” 

“จ้ะยาย ยายจ๋า ยายดูนั่น รุ้งโค้งงามเหลือเกินครบเจ็ดสี ไม่รู้หลวงตาตื่นรึยัง?” 

ยายเอม…หัวเราะหลาน “พระคุณเจ้าตื่นมาทำวัตรเช้าตั้งแต่หัวดึกแล้ว” ยายเอมนึกถึงภาพที่พาหลานสาวลงเรือเพื่อเก็บดอกบัวหลวงในยามรุ่งอรุณของวันนี้ ทำไมวดีถึงได้ตัดบัวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ทั้งที่เราไม่เคยสอนเลยตั้งแต่หลานเกิดมา ทั้งท่าทางยังคุ้นเคยกับการพายเรือ แม้กระทั่งการจับช่อดอกบัวมารวมกันเป็นมัดๆก็ทำได้อย่างไม่น่าเชื่อ แปลกจริงๆ 

ราชาวดี.. “เอ้า…เหรอยายสงสัยถ้าหลวงตาได้ยินจะหัวเราะวดีแน่” 

พระนิรันตระได้ยินการสนทนาของสองยายหลานก็อดยิ้มไม่ได้ ช่างเป็นความอบอุ่นเสียเหลือเกิน ทั้งที่ขาดผู้นำแห่งครอบครัวไปนานแล้ว นี่แหละนะมนุษย์เราทุกอย่างขึ้นอยู่ที่วิธีคิดเท่านั้น อยู่กินเพียงแค่นี้ก็มีความสุขได้ พระนิรันตระเปิดประตูห้องพระออกมาชมรุ้งงามยามรุ่งสาง ทำให้สองยายหลานหยุดการสนทนาโดยปริยาย 

“กราบนมัสการพระคุณเจ้า” 

“เจริญพรโยม เอ้า…หลานยายไปไหนแล้ว ไม่มาชมรุ้งยามเช้าหรือ?” 

“ตื่นเต้นไปแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ไปเตรียมหุงข้าวต้ม เพื่อถวายอาหารเช้าให้พระคุณเจ้าอยู่” 

“เจริญพร ขอบใจ” 

ขณะที่ปรุงอาหารอยู่ในครัว ราชาวดีก็อดยิ้มในความปิติสุขของรุ้งงามยามเช้าเช่นนี้ มันอัศจรรย์จริงๆ ราชาวดีรำพึงกับตัวเอง ทำไมเราคุ้นเคยกับการเก็บบัว มันช่างดูงดงามและชื่นใจเหลือเกิน 

วันนี้ดอกบัวแรกแย้มสีชมพูสวยสดใส เหมือนต้อนรับสายรุ้ง วันพระขึ้น 15 ค่ำ แสงอาทิตย์สาดส่อง ฝนโปรยปรายหยุดลง รุ้งเคลื่อนตัวจางหาย ทำให้อากาศเช้าวันนี้สดชื่นแจ่มใสนัก 

“อาหารเช้าพร้อมถวายเสร็จแล้วจ๊ะยาย ข้าวต้มร้อนๆ ไข่เจียวกระเทียมดอง ผัดผักบุ้งซ้ำเดิม เพราะหลวงตาไม่ได้ฉันเมื่อวาน” ราชาวดีหัวเราะใส่ยายเอม 

“คงทำเป็นแค่นี้แหละ” ยายเอมแหย่หลานสาว 

“แหม่ยาย วดีทำสุดฝีมือนะจ๊ะ” 

สองยายหลานนำอาหาร ดอกบัว ถวายพระนิรันตระ พระนิรันตระก็อดยิ้มไม่ได้เพราะได้ยินสองยายหลานกระเซ้าเหย้าแหย่กัน เมื่อฉันอาหาร ให้พร กรวดน้ำเรียบร้อย แล้วพระนิรันตระก็ขอตัวกลับเข้าป่าเพื่อมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมต่อไป 

 พระนิรันตระกลับถึงกลดที่พักก็เพลพอดี จึงนำอาหารของยายหลานที่เตรียมมาให้ ฉันเพลเป็นที่เรียบร้อย พระนิรันตระเดินไปยังลำธาร แว๊บ…หนึ่งของความคิด ราชาวดีเคยเล่าว่าเธอมองลงไปในธารน้ำแห่งนี้ภาพปรากฏมีเด็กหญิง-ชายหัวจุก….พระนิรันตระจึงกำหนดจิตขณะเอามือควักน้ำในลำธารที่ใสมองเห็นปลาใหญ่-เล็กแวกว่ายไปมา มาลูบที่ใบหน้า เพ่งกสินลงไปในลำธารน้ำแห่งนี้ ลูกพ่อ…พ่อจะช่วยเจ้าทั้งสองขึ้นมาเพื่อผ่านภพมนุษย์ แล้วเราจะได้สู่หนทางการหลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้ไปด้วยกัน สไบสีเขียวมรกตที่ปลิวผ่านแวบวับตามแรงลม ข้าเข้าใจทุกอย่าง ข้าจะปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ต่อสู้และข้ามพ้นจากนิวรณ์ให้จงได้ แม้ข้าจะมีความรักความผูกพัน ทุกอย่างมีเงื่อนไขแต่ข้าจะใช้หลักเมตตาขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าถึงแก่นของธรรมนำครอบครัวของข้าสู่หนทางการหลุดพ้นให้จงได้ด้วยสติและปัญญา ซึ่งพระนิรันตระตั้งจิตอธิษฐานอย่างแน่วแน่ 

มณีจันทร์ฉาย