คอลัมน์ในอดีต

สาวน้อย (2)

                “น้ำจ๊ะยาย”

                ยายเอมรับกระบอกน้ำขึ้นมาล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย และยกกระบอกน้ำดื่มที่เตรียมมาขึ้นมาดื่ม

                “ขอบใจมาก ยายว่าเราเดินต่อกันเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องรีบร้อนมาก ไปก่อนเพลจะได้มีเวลาคุยกับหลวงตา หนูอยากคุยด้วยไม่ใช่เหรอวดี”

                “จ๊ะยาย ไป๊เจ้าตูบไปต่อ” หันมาทางเจ้าตูบที่มีอาการสดชื่นไม่ต่างกับนายของมัน “ยายจ๋าๆ กลิ่นราชาวดีโชยมาแต่ไกล ต้องใกล้ป่าที่หลวงตาพำนักอยู่แน่ๆ วดีจำได้ พอถึงลำธาร มีลานหิน ถึงแม้จะนานมากแล้ว วดีก็ยังจำได้จ๊ะยาย”

                …ยายรู้วดีหนูจำไม่ผิดดอก แต่ใจยายก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าการมาครั้งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป แต่ยายก็ไม่กลัวหรอก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไปในที่สุด

                “ยายๆยายกำลังคิดอะไรอยู่ วดีเรียกยายตั้งนาน โน้นแน่ะยายเห็นไหม? เห็นกลดหลวงตาแล้ว นั่นไงป่าราชาวดี ไชโยถึงแล้วยายๆ” ..เขย่าแขนผู้เป็นยาย

                ยายเอมยิ้มรับพร้อมกับวางอาหารคาวหวานที่เตรียมมาถวายพระคุณเจ้า “แต่เอ…หันมาทางวดี หลวงตาไม่อยู่?”

                “จริงด้วย หลวงตาไปไหน แต่กลดเปิดอยู่คงไปไม่ไกล เดี๋ยววดีเดินหากับเจ้าตูบ ยายรออยู่นี่นะ”

                “ไม่ต้องหรอกลูก มากราบที่ตรงนี้แล้วนั่งสมาธิ เดี๋ยวหลวงตาก็มา”

                ราชาวดีพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก้มลงกราบตามยายเอม พร้อมกับนั่งสมาธิตามยายบอก…เงียบสงัดมีแต่เสียงลมพัดแผ่วที่หอมเอากลิ่นเจ้าดอกราชาวดีผสมมาให้ชื่นใจ สองยายหลานนั่งสงบนิ่ง…เสียงเจ้าตูบเห่าเบาๆ ราชาวดีและยายลืมตาขึ้นก็มองเห็นพระนิรันตระเอามือลูบหัวเจ้าตูบด้วยความเมตตา ในมือของพระนิรันตระมีผลไม้อยู่

                “กราบนมัสการพระคุณเจ้า”

                ราชาวดีทำตาม… “กราบนมัสการเจ้าค่ะหลวงตา”

                “วันนี้โยมมาถึงนี่ อาตมาเดินออกไปหาผลไม้เพื่อฉันเพลแค่ชายป่านี่เอง”

                “อิฉันนำอาหารคาวหวานมาถวายเพลพระคุณเจ้า วดีอยากมาเที่ยวป่าพอดี”

                พระนิรันตระ เพ่งมองราชาวดี จัดสำรับกับข้าว ช่างเหมือนชาววังเสียเหลือเกิน แตกต่างกับเด็กชาวบ้านทั่วไป ดูสงบเสงี่ยมสมเป็นกุลสตรีที่ยายเอมแกเฝ้าพร่ำสอน ของเก่าที่ติดตัวมาทุกภพชาติ แพร…เจ้านางจันทร์ฉาย

                “พระคุณเจ้าเจ้าค่ะ อิฉันกับหลานตั้งใจมาถวายเพลวันนี้ ด้วยวดีหลานอิฉันอยากมาเที่ยวป่าแห่งนี้ เลยได้ทั้งสองอย่างเลยทีเดียว ขอถวายอาหารเพลแด่พระคุณเจ้านะเจ้าค่ะ”

                “ได้ซิโยม ขออาตมาล้างมือสักประเดี๋ยวนะโยม ตามสบายเถอะ”

                ราชาวดี เหม่อมองไปรอบๆบริเวณนั้น ทำไมเราถึงคุ้นเคยกับที่ตรงนี้จังเลย เวลาที่ลมพัดเอากลิ่นเจ้าดอกราชาวดีผ่านมาให้สูดดม ราชาวดีรู้สึกอยากหลับ ราชาวดีสลัดศีรษะไปมา เอ…เราไม่เคยรู้สึกอย่างนี้เลยนี่น่าแปลกจริง ราชาวดีสะกิดขอยายเอมออกไปล้างหน้าที่ลำธารใกล้ที่พำนักพระนิรันตระ

                พยักหน้า… “เร็วเข้าเถอะลูกเดี๋ยวจะได้ถวายอาหารเพลหลวงตากัน”

“จ๊ะยาย”

                ราชาวดีเดินไปริมลำธาร อุ้มน้ำเข้าในมือทั้งสองมองลงไปในน้ำใสที่เห็นปลาแหวกว่าย ราชาวดีมองเห็นน้ำในลำธารหยั่งลึกลงไป มีแสงแวววับด้วยเพชรนิลจินดามากมาย จนแสบตา มีผู้คนเดินไปมาขวักไขว้ แต่งกายงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ ภาพที่ปรากฏในสายตาราชาวดีเหมือนในเทพนิยาย…หลวงพ่อพระสุก ตั้งตระหง่าน ผู้คนลงก้มกราบกราน

                “วดี วดี พระคุณเจ้าท่านมานั่งคอยแล้ว”

                ราชาวดีถึงสะดุ้งเฮือก! เอาน้ำขึ้นลูบหน้าอีกครั้ง “จ๊ะ จ๊ะยาย” ราชาวดีเดินกลับมายังกลดด้วยท่าทางงงๆ

                “เป็นอะไรเหรอโยม? ดูท่าทางตระหนก”

                “เออ..ไม่มีอะไรเจ้าค่ะหลวงตา”

                “มาลูกมะ ถวายอาหารเพลกันก่อนจะได้ไม่ล่วงเวลา”

“จ๊ะยาย”

                พระนิรันตระรับถวายอาหารเพล

                ยายเอม ราชาวดี กราบลงและเงยหน้าพร้อมกัน… “อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิขุ สังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ

                ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหารกับของที่เป็นบริวาร ทั้งหลายเหล่านี้แด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับซึ่งภัตตาหารกับของที่เป็นบริวารทั้งหลายเหล่านี้เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ”

มณีจันทร์ฉาย