ขยะไร้ค่า กลายเป็นทอง เมื่อเจอเนื้อคู่
ขยะไร้ค่า กลายเป็นทอง เมื่อเจอเนื้อคู่
การท่องเที่ยว กับขยะนั้นเป็นของคู่กัน ผมมั่นใจว่า โดยส่วนมากแล้ว ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อ จัดการกับขยะให้เรียบร้อย เพราะความสวยงาม สะอาดเรียบร้อยคือ หัวใจของการท่องเที่ยว สำหรับ โรงแรม นอกจากการเก็บกวาด มีถังขยะให้เพียงพอแก่ลูกค้าแล้ว ยังต้อง มีห้องเก็บพักขยะรวมเพื่อให้ รถขยะมาขนไปซึ่ง รถขยะนั้นบางครั้งไม่สามารถมารับทุกวัน ได้จึงทำให้ มีกลิ่นเน่าเหม็น ยิ่งขยะเปียกจากครัวน้ัน เวลาใส่ถุงขยะแล้วเกิดแตกนี่ถือว่าฝันร้ายมาก หกลงตรงไหนก็เหม็นไปอีกหลายวัน
การคัดแยกขยะนั้น เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายซะทีเดียว ผมเรียนหนังสือจบปริญญาโท แต่ พอถึงเวลาจะทิ้งขยะปรากฏว่า ต้องอึ้งเมื่อเจอถังขยะหลากสี มีสัญลักษ์ณ สื่อถึงขยะชนิดต่างๆ (บ้างที่มีถึง 10 ใบ) ยืนงงอยู่พักใหญ่ แก้ว กาแฟที่ถืออยู่ มีน้ำแข็งละลายเหลืออยู่น่าจะเป็นขยะเปียก แต่ ตัวแก้วทำจากกระดาษมันก็ควรทิ้งลงถังกระดาษ แต่ฝาแก้วมันก็เป็นพลาสติกซะอีก มันก็น่าจะทิ้งลงถังสำหรับขยะพลาสติก หากจะทำให้ถูกต้อง แยกชิ้นใส่ 3 ถัง (ผมว่ามันควรมีคู่มือการใช้ติดข้างถัง) แต่ได้แค่คิด ลูกๆผมก็เดินไปไกลแล้ว จะมัวแต่รักษ์โลก เดี๋ยวลูกถูกลักพาตัวในห้างข่าวกำลังดังอยู่ผมจึงตัดสินใจโยนใสถัง อะไรไปก็ไม่รู้ พร้อมกับความรู้สึกผิดหน่อยๆว่าคนเก็บขยะคงอารมณ์เสีย ทั้งๆที่เราก็มีความตั้งใจแล้ว
ความพยายามในการ recycle นั้นแรกๆพวกเราก็หัวเราะ คนเหล่านี้ ว่าโลกสวยเกินไป ทำไม่ได้จริงหรอก แต่ มาวันนี้สิ่งนึงที่เปลี่ยนความคิดคนหลายๆคน และผมว่ามันประสบความสำเร็จสูงมากคือการ Recycle พลาสติก เพราะพลาสติกสามารถนำมาหลอม ขึ้นรูปใหม่ได้ ข้อพิสูจน์ คือขวดน้ำพลาสติกที่ใช้ในโรงแรมของเรานั้น เดือนๆนึงมีหลายพันขวด ลูกค้า ถือขวดไปทุกที่ ไม่ว่าจะไปตีกอล์ฟ เดินเที่ยวรอบโครงการ ทำกิจกรรม walk rally ทุกคนถือขวดน้ำพลาสติกไปด้วย และมักจะวางลืมเอาไว้ แต่ขยะเหล่านี้กลับไม่ค่อยเป็นปัญหากับเรา เพราะ เพียงเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมงขวดเหล่านั้นจะหายไปเอง เนื่องจากขวดพวกนี้ สะอาด เก็บง่าย ขายได้ราคา คนงานและแคดดี้ของเรา หากเห็นขวดเปล่าเหล่านี้ก็จะเก็บไปด้วยเสมอเพื่อนำ ไปขาย หลายคนบอกให้ทำ สัมปทาน เลยแต่ผมคิดว่าแค่นี้มันก็ดีมากแล้วมี ตาวิเศษคอยเก็บขยะให้ พูดถึง.ตาวิเศษนึกถึง โครงการ “ตาวิเศษ”หากใครเกิดทันจะเห็นว่าสมัยนั้นขยะ เยอะมากเกลื่องกรุงเทพฯ ถึงขั้นต้องรณรงค์ให้คนทิ้งขยะลงถัง เหตุผลนึง เพราะสมัยนั้นยังไม่มีการ Recycle ขยะ
ขยะที่ Recycle ได้ไม่เป็นปัญหาแล้วมีคนช่วยเก็บและแยกให้อย่างดี เหลือขยะเปียกนี่ล่ะที่เป็นปัญหาใหญ่ เศษผัก เปลือกผลไม้ เศษอาหาร จากครัว ขยะพวกนี้ ทั้งเหม็น สกปรก หนักเพราะเป็นน้ำส่วนใหญ่ ขนย้ายก็ลำบากไม่มีใครต้องการ ผมเคยคิดว่าจะทำบ่อหมักปุ๋ยขยะเอง แต่ปรากฎว่า ขยะที่ออกจากครัวนั้น วันนึงใส่ถังได้ 800 ลิตร จะต้องทำบ่อหมักที่บรรจุได้ทั้งหมด 24,000 ลิตรเป็นอย่างน้อย เพราะต้องใช้เวลา 1 เดือนในการหมัก เรื่่องทำบ่อพอไหว แต่ ค่าใช้จ่ายในการจัดการนั้นหนักกว่าเพราะต้องมี คนงานยกขยะมาเท และดูแล แล้วการขนย้าย ปุ๋ยหมัก 24,000 ลิตรจะทำอย่างไร หากดูแลไม่ดีหมักไม่ถูกวิธีกลิ่นคงเหม็นรบกวน ไปทั่ว ที่สำคัญปุ๋ยแบบนี้ผมใส่ในสนามกอล์ฟไม่ได้ เพราะมันมีกากเยอะ และมีกลิ่นเหม็น จะไปใส่ในนาก็ทำนาแค่ปีละครั้งเดียว โครงการจึงล้ม แต่ความตั้งใจยังไม่ล้ม
ขยะเปียกมันไร้ค่าไม่มีคนต้องการจนกระทั่งวันนึงได้มาเจอเนื้อคู่ ระหว่างนั่งกินเหล้ากับเพื่อน ซึ่งเป็นผู้จัดการสวนปาล์ม ใกล้ๆสนามกอล์ฟ ผมถามขึ้นมาว่าเอาขยะไม๊ เค้าบอกว่าเอา วันรุ่งขึ้นเค้าส่งลูกน้องขับแบคโฮขุดหลุมรอ ตอนเย็นส่งรถกระบะมารับขยะไปจากครัวทันที ชีวิตของขยะเปียกช่างเหมือน เจ้าหญิงในเทพนิยาย ต่อไปนี้จะไม่มีคนรังเกียจอีกแล้ว จะมีคนขับรถมารับไปดูแลทุกวัน
ต้องขอบคุณท่านเข้าของสวนปาล์ม ผมยังไม่มีโอกาสได้เจอท่าน เห็นว่าเวลามาดูสวนก็แวะมาตีกอล์ฟที่เราด้วย และขอบคุณ ผู้จัดการสวนปาล์ม ที่รับขยะเราไปดูแล ความจริงความลงตัวเรื่องนี้เกิดขึ้นได้น้ัน เพราะสวนปาล์มนั้นมีขนาดใหญ่ 500 ไร่ การทำบ่อหมักปุ๋ยจากขยะจึงไม่รบกวนใคร และมีคนงานและเครื่องจักรคอยดูแล มีต้นไม้มากมาย ให้นำปุ๋ยไปใส่ เศษเปลือกผลไม้จากในครัวเราก็แยกไว้ให้ก่อนไม่ปนกับขยะอื่น นำไปให้วัวในฟาร์มกินได้สบาย สวนปาล์มนี้ ยังปลูกผัก ไฮโดรโปนิกส์ อีกด้วย ซึ่งโรงแรมก็ซื้อมาใช้ และแนะนำให้ลูกค้าไปซื้อผักและเที่ยวฟาร์มด้วย win-win ทั้งคู่ ปีใหม่นี้พวกเราในฐานะผู้ประกอบการ คงมีความสุขเพิ่มขึ้นอีกพอสมควรเพราะได้จัดการกับขยะอย่างถูกวิธีสักที
OAT