คอลัมน์ในอดีต

หนองน้ำ

            พระนิรันตระ กลับถึงกลดที่พักด้วยความอิ่มเอมหัวใจ ทั้งๆที่ยังไปไม่ถึงหมู่บ้าน หนองน้ำ ดังตั้งใจ แถมอากาศเมื่อกลางวันที่ผ่านมาร้อนอบอ้าวอีก แต่พอเข้าเขตที่พัก ความเหนื่อยล้าก็พลันหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะที่ตรงนี้มี ราชาวดี ช่องาม ล้อลมปลิวไสวแข่งกันอวดความงามยามสายลมหอบเอากลิ่นหอมระรวยผ่านมาเป็นระยะๆดุจแดนสวรรค์ในภพมนุษย์เลยทีเดียว เราจะปักหลักอยู่ที่แห่งนี้จนกว่าเราจะสำเร็จมรรคผลสู่การหลุดพ้นให้ได้อย่างที่เราตั้งมั่นเอาไว้

            ตลอดคืนนี้พระนิรันตระนั่งกรรมฐานด้วยความที่รู้สึกว่ามันยาวนานอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เสียที ยังไม่ทันไก่ขัน พระนิรันตระรีบตระเตรียมของจำเป็นติดตัว เพื่อจะไปให้ทันบิณฑบาตเช้า…ต้องถึงหมู่บ้านให้ทันพระอาทิตย์ขึ้นวันนี้ นิรันตระ…

            พระนิรันตระ เดินทางตามรอยเดินเท้าของชาวบ้านตามที่ชายชราหญิงชราบอกกล่าวเมื่อวันวาน พระอาทิตย์เริ่มส่องแสงมองเห็นหมู่บ้านเรียงรายอยู่ลิบๆ หัวใจของพระนิรันตระเริ่มเบ่งบาน ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเหมือนจะได้พบเจออะไรบางอย่างที่รอคอยมาแสนนานกว่าสิบปีที่พระนิรันตระปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าใหญ่ เจออะไรมากมายแต่ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นได้เลย แต่พระนิรันตระไม่ได้ท้อแท้แต่อย่างใด ยังคงปฏิบัติกรรมฐานอยู่อย่างเนืองนิจ…

            ตะวันโผล่พ้นยอดไม้ไก่ขันรับกันเป็นระลอกๆ ถึงหมู่บ้านแล้วมีป้ายเขียนเป็นภาษาโบราณว่า หมู่บ้านหนองน้ำ คงจะตั้งตามทัศนียภาพรอบๆละกระมัง เพราะพระนิรันตระมองเห็นหนองน้ำใหญ่ไกลสุดลูกหัวลูกตา มีภูเขาเขียวขจีล้อมรอบ กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ก็พลางสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคย

            “ยายจ๋าๆหลวงตามาแล้ว”

            ยายเอม.. “เอ้าเหรอ…ทำไมเช้าจังเลย วดีนิมนต์พระให้ยายก่อนลูก”

“ได้จ๊ะยาย”…เสียงแจ้วๆของสาวน้อย ราชาวดี… “หลวงตาเจ้าคะ นิมนต์รับบาตรที่นี่ก่อนนะเจ้าคะ”

            พระนิรันตระ หยุดยืนสงบนิ่งอยู่เหมือนถูกมนต์สะกด แพร!…เด็กหญิงวัย 10 ขวบ หน้าตาน้ำเสียงคล้ายแพรเมียรักขอข้าเหลือเกิน

            “หลวงตาๆเจ้าคะ นิมนต์รอยายหน่อยเจ้าคะ”

            พระนิรันตระ สะดุ้งเล็กน้อย แต่ยังคงสงบนิ่ง

            “ยายกำลังนำข้าวจะมาใส่บาตรหลวงตาๆมาบิณฑบาตแต่เช้า แต่เอ…หนูไม่เคยเห็นหลวงตามาบิณฑบาตที่หมู่บ้านหนองน้ำแห่งนี้เลย”

            พระนิรันตระ ยังคงยืนสงบนิ่ง ยายเอมก็เดินออกมาพร้อมขันเงินมันวับที่ใส่ข้าวขาวหอมมะลิควันกรุ่นๆ

            ยายเอม… “ต้องขอโทษนะเจ้าคะ ที่อิฉันล่าช้าวันนี้”

            พระนิรันตระพึ่งเผยอปากออกพูด… “ไม่เป็นไรหรอกโยม อาตมามารับบาตรเช้าเอง ยังกะเวลาไม่ถูก”

            ยายเอมมองขึ้นไปที่ใบหน้าพระนิรันตระ  “อ้อ…พระคุณเจ้า มิน่าอิฉันไม่เคยเห็นหน้า”

            “ใช่แล้วอาตมาเดินธุดงค์มาเรื่อยและปักกลดพักอยู่ชายป่าโน่นแน่ะ”

“พระคุณเจ้าเดินทางมาไกล อิฉันนิมนต์ขึ้นเรือนฉันเช้าซะที่นี่เถอะเจ้าค่ะ”

            พระนิรันตระเปิดบาตร… “โยมใส่บาตรอาตมาก่อนเถอะ”

            ในใจพระนิรันตระสมปรารถนาแล้ว เมื่อได้รับข้าวใส่บาตรในเช้านี้

            ยายเอมพูดย้ำอีกครั้ง… “อิฉันนิมนต์พระคุณเจ้าฉันเช้าเสียที่นี่ ข้าวปลาอาหารมีพร้อม จะได้พักไปด้วยเดินทางไกลมา”

            พระนิรันตระพยักหน้ารับคำเหมือนว่าง่าย ใจยิ่งเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก… “ได้โยม อาตมารับนิมนต์”

            ยายเอม… “วดีลูกไปปูสาดให้ยายหน่อย”

            “ได้จ๊ะยาย”

            พระนิรันตระ คิดคำนึงถึงหนูน้อยบนใบบัว ได้รับอานิสงส์จากข้าแน่แท้แล้ว ข้ารู้สึกปิติยินดีมากที่เจ้าได้กลับมาเกิดในภพมนุษย์อีกครั้ง เพื่อทำหน้าที่สร้างบุญบารมีต่อ กำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆเสียงของราชาวดีก็ทำให้พระนิรันตระหยุดความคิดทันที

            “ยายจ๋า วดีกรองมาลัยดอกมะลิไว้ให้ยายด้วย ยายนำถวายหลวงตาเลยดีไหม?”

            “ดีๆลูก ใส่พานแก้วที่วางอยู่บนตู้ให้ยายเลย เดี๋ยวค่อยถวายก็ได้ลูก” ยายเอมหันมาทางพระนิรันตระ และนิมนต์ให้นั่งบนอาสนะที่มีเตรียมพร้อมไว้เสมอ

            พระนิรันตระ เดินไปนั่งบนอาสนะอย่างสงบเสงี่ยม ยายเอมคิดในใจพระองค์นี้ช่างรูปงามเสียเหลือเกิน ขาวผ่อง สะอาดสะอ้าน ที่สำคัญดูคุ้นเคย

            “ยายจ๋า อาหารยกเลยไหมจ๊ะ?”

            “มาเลยลูก พระคุณเจ้าจะได้ฉันเลย วดีมาถวายข้าวพร้อมกันลูก”

            พระนิรันตระ ยังคงอยู่ในท่าสงบนิ่งมองดูยายหลานด้วยความปิติ สองยายหลานถวายอาหารเช้าแก่พระนิรันตระ พระนิรันตระมองดูสำรับอาหารถูกจัดเรียงเหมือนชาววังที่พระนิรันตระเคยได้รับการนิมนต์เมื่ออยู่ที่วัดหนองบัว            ยายเอมนำหลาน

            “สุทินนัง วะตะ เม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง โหตุ อะนาคะเต กาเล

            ข้าวของข้าพเจ้า ขาวดังดอกบัว ยกขึ้นเหนือหัว ขอถวายพระพุทธ ขอบูชาพระธรรม น้อมนำถวายแด่พระสงฆ์ ด้วยจิตจำนง มุ่งตรงต่อพระนิพพาน ขอให้พบเมืองแก้ว ขอให้แคล้วบ่วงมาร ในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

            พระนิรันตระ รับข้าวปลาอาหารที่ยายหลานถวาย เมื่อฉันเช้าเสร็จก็ให้พร

            ยายเอมเอ่ยขึ้นพร้อมนำพานแก้วที่มีพวงมาลัยดอกมะลิที่ยังถือไว้ “พระคุณเจ้าเจ้าคะ อิฉันและหลานขอน้อมถวายมาลัยกรองด้วยฝีมือหลานสาวคนเดียว ราชาวดี ถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระคุณเจ้า”

            พระนิรันตระ สะดุ้งเฮือกอีกครั้ง ราชาวดี ราชาวดี อย่างนี้นี่เอง

มณีจันทร์ฉาย