คอลัมน์ในอดีต

สงสารชาวเชียงใหม่

ผมเขียนต้นฉบับนี้หลังการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้วด้วยอาการขรุขระพอสมควรแต่มันก็ผ่านพ้นไปได้.. แบบลุ่มๆ ดอนๆ อีกนั่นแหละ

เราได้ ส.ส.ครบ 500 คนแต่ก็ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ซึ่งคงต้องรอการประกาศ ทางการซะก่อน

ครับ.. มันอาจไม่ทันใจโก๋? แต่ก็น่าเห็นใจเพราะเราๆท่านๆห่างไกลการเลือกตั้งมานาน

ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ใครจะเป็นรัฐมนตรีก็ว่ากันไปนะครับ

แม้การเมืองจะเป็นเรื่องของทุกคน… แต่เราอยู่ฝ่ายกีฬา.. คงไม่เจาะลึกไปวิพากวิจารณ์หรอกน่ะครับ…

เอาเป็นว่า… นักการเมืองทั้งหลายช่วยกันบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้าประชาชนอยู่ดีมีสุขเถิดครับ…

สมกับที่ประชาชนฝากความหวังและเลือกท่านมา

ประเทศไทยเราชะลอมานับสิบปีแล้วนะครับ… เพื่อนบ้านมาเลเซียเขาไปไกลแล้ว… เวียดนามกำลังตามมาติดๆ…

พอกันซะทีเถอะครับ.. วงจรอุบาทว์น่ะ

เห็นแก่อนาคตเยาวชนลูกๆ หลานๆ เถอะครับ

กลับมาสู่หน้าที่ของผม.. กีฬาครับ..

ช่วงเวลานี้… การแข่งขันกีฬาเกือบทุกประเภทเงียบๆไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวที่สำคัญ…

นอกจากทีมฟุตบอลชาติไทยเราไปพลิกล็อคเอาชนะทีมชาติจีนได้ในการแข่งขันนัดพิเศษที่ประเทศจีน?… แต่ก็ไปถูกอุรุกวัยถล่มเละ 0 ต่อ 4 ตามคาดหมายเพราะเขาเหนือกว่าทุกด้าน

แฟนฟุตบอลทีมชาติไทยเขารู้ดีครับ… เขาทำใจได้ชนะบ้าง? แพ้บ้าง? เป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อไม่มีการแข่งขันกีฬาเกม?สำคัญผมเลยแวะขึ้นเครื่องกลับบ้านเชียงใหม่ว่าจะไปสัก 10 วันแต่อยู่ได้ 2 วันต้องรีบเผ่นกลับกรุงเทพฯ

ฝุ่นครับ!

เดือนที่แล้วเจอที่กรุงเทพฯ? ว่าหนักแล้วมาเจอที่เชียงใหม่หนักกว่าหลายเท่า

หายใจไม่เข้าปอดเลยครับ

เหมือนหมอกลงมืดทั่วเมืองทั้งวันจนไม่รู้เช้าสายบ่ายเย็น ห่างกัน 10 กว่าเมตรแทบจะมองไม่เห็นหน้าตาใครเป็นใคร

ฝุ่นเชียงใหม่เกิดจากการเผาไร่ข้าวโพดและซากกิ่งไม้ในสวนครับ

ที่ภาคเหนือชาวเขาปลูกข้าวโพดตามเชิงเขาเป็นพื้นที่เอียงสูงชันยากที่รถแทรกเตอร์จะไถกลบ?

เขาก็เลยต้องเผา

และเมืองเชียงใหม่นั้นมีสภาพเหมือนอยู่ในแอ่งกระทะ

ลมพัดเอาฝุ่นมาลงในเมืองและมันก็ไม่ไปไหน… ลมพัดปะทะภูเขา?วนไปวนมาอยู่ในเมืองเชียงใหม่นั่นแหละ

สมัยก่อนโน้นไม่มีนะครับไอ้ฝุ่นนี้มามีตอนนิยมปลูกข้าวโพดกันนี่แหละ

ดังนั้นตราบใดที่ยังปลูกข้าวโพดกันอยู่

ชาวเชียงใหม่ก็คงต้องหายใจเอาฝุ่นเข้าปอดตลอดไปนั่นแหละครับ

หญ้าแพรก