ความรัก กับ การพลัดพราก (2)
ความรัก กับ การพลัดพราก (2)
จุกนอนซมด้วยพิษไข้อยู่บนบ้านเรือนไทยหลังเก่ากว่า 100 ปี…
“ข้าขอนางและลูกอันเป็นที่รักของเจ้า กลับลงสู่ที่เดิมของเขาเพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะมาอยู่บนภพมนุษย์กับเจ้า เขาทั้งหลายยังต้องทำหน้าที่ในเมืองบาดาลของข้า เจ้าไม่ต้องห่วงทุกคนอันเป็นที่รักของเจ้าเขาจะอยู่กันอย่างสุขสบาย จำไว้นะเมื่อยังไม่ถึงเวลา…อะไรก็ช่วยเจ้าไม่ได้ รอก่อนนะหนุ่มน้อย ข้า…ไปล่ะ…”
ร่างสูงใหญ่ สวมต้นเขน ครอบชฎาหายวับไปกับปุยเมฆ จุกดิ้นทุรนทุรายร้องเรียกคนรอบข้าง แต่มีแค่ความว่างเปล่า…ไม่มีใครได้ยินเสียงเขา
…สายลมพลิ้วแผ่วพัดมาหอบเอากลิ่นหอมอ่อนโยนของดอกบัวหลวงที่บานสะพรั่งอยู่ดาษดื่น เหมือนเปียยังคงเหม่อลอยอยู่ในภวังค์ เสียงของใบบัวทำให้เปียสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง…แม่…ระวัง! เด็กน้อยวัยขวบเศษร้องเรียกแม่ด้วยประโยคที่ทั้งเปียและแก้วไม่เคยได้ยินมาก่อน
ทันใดนั้น…เรือก็หมุนตัวเป็นวงกลม โดยทั้งเปียและแก้วไม่ทันระวังตัว เรือหลุดลอยออกจากริมคลองสู่วังน้ำวนและค่อยๆจมดิ่งลงสู่ก้นบึงของแม่น้ำโขง
เสียงเรียก… “แม่จ๋า”
“ใบบัว…ลูกแม่”
“คุณเปียเจ้าขา…ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ค่อยๆ ขาดหายไปกับสายน้ำในที่สุด ร่างของใบบัวถูกน้ำวนหมุนตัวจมดิ่งอย่างรวดเร็วกับสายน้ำ เปียร้องเรียกใบบัวจนสุดเสียง…เปียว่ายน้ำได้แข็งแกร่งและคล่องแคล่วเพราะเติบโตมากับสายน้ำ เมื่อคว้าร่างน้อยของใบบัวไม่ทัน สองมือของเปียก็อ่อนระทวยหยุดไขว้คว้าแหวกว่าย เปียปล่อยร่างให้ล่องลอยไปกับน้ำวนเพื่อตามลูกน้อยไปอย่างไม่คิดเสียดายชีวิต
มือทั้งสองข้างของเปียกุมอยู่ที่หน้าท้อง “ลูกแม่…แม่ขอโทษที่มิอาจให้หนูลืมตามาดูโลกใบนี้ได้ แม่ขอโทษ…เราตามพี่ใบบัวของหนูไปด้วยกันนะลูกนะ”
“ใบบัวรอแม่ด้วย” ร่างของเปียหมุนตามวังน้ำวน ความแรงของน้ำวนทำให้ร่างของทั้งสองเเม่ลูกวนมาพบกันในเวลาอันรวดเร็ว เปียคว้ามือใบบัวที่มีเพียงร่างไว้แน่น “เราไปอยู่ด้วยกันนะลูกแม่”
เรือหางยาวที่หาปลาหลายลำอยู่บริเวณปากน้ำโขงนั้น มองเห็นเหตุการณ์ แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นวังน้ำวน ทั้งเรือทั้งคนจมหายไปอย่างรวดเร็ว
ตาเพิ่มคนหาปลาตะโกน… “ไอ้พันเร็ว รีบไปบอกไอ้จุกเร็วๆ!”
“ครับตาเพิ่ม”
ตาเพิ่มมองดูพื้นน้ำด้วยความสลด “โธ่ เปียเอ๋ย…ทำไมถึงอายุสั้นนัก นี่เจ้าจุกมันคงจะหัวใจสลาย ลูกเมียจากไปอย่างไม่มีวันกลับและยังเจ้าแก้วอีกคน เจ้าพระคุณขอให้ค้นพบคนทั้งหมดด้วยเถิด”
พันวิ่งขึ้นบนเรือนไทยหลังเก่า ปากก็ร้องเรียก
“พี่จุก พี่จุก” แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ…พันถึงเรือนชานมองเห็นจุกนอนดิ้นทุรนทุรายเหงื่อโทรมตัวเหมือนกำลังร้องเรียกอะไรสักอย่าง
“อย่า อย่าเอาลูกเมียผมไป…อย่า…อย่า…ได้โปรดๆ”
พันเขย่าตัวจุก “พี่จุกๆตื่นๆ”
จุกลืมตาขึ้น สลัดหัวไปมา “เกิดอะไรขึ้นพัน”
“ก็พี่จุก ร้องลั่นบ้าน ผมเขย่าตัวตั้งนาน”
จุกเอามือกดที่ศีรษะ “พี่เป็นไข้และหลับไป พี่ฝันประหลาด พันเห็นเปียกับใบบัว แก้วไหม ออกไปเก็บบัวอยู่ริมคลองข้างบ้าน”
“พี่จุกใจเย็นๆนะ ไปล้างหน้าก่อนแล้วไปกับผม”
“มีอะไรหรือพัน !?!”
“เอาเถอะรีบๆไปกัน”
ทั้งสองวิ่งลงจากเรือนเพื่อไปริมคลอง พันแจวเรือแบบไม่คิดชีวิต จุกงงๆจากพิษไข้และเหตุการณ์ สับสน ทั้งสองไปถึงตรงจุดเกิดเหตุที่ขณะนั้น พวกชาวบ้านที่มาหาปลาต่างมีดวงตาแดงก่ำ แสดงความเศร้าสลดใจ
“เกิดอะไรขึ้นพัน” จุกเขย่าพันจนพันรู้สึกเจ็บ
ตาเพิ่มเอ่ยขึ้น “ใจเย็นนะจุก”
ตาเพิ่มค่อยๆเอามือโอบไหล่ของจุก
“เรือล่มจุก…เรือลูกเมียแกล่ม ข้าและทุกคนพยายามช่วยกันงมหาแล้ว ทำยังไงก็ไม่เจอ…อีกอย่างน้ำเชี่ยวมาก ข้าก็ได้แต่อธิษฐานให้เขาปลอดภัยกัน ขอให้มีปาฏิหาริย์”
จุกนิ่งอึ้ง น้ำตาเอ่อล้น “ เปีย…ใบบัว…แก้ว เจ้าต้องไม่เป็นอะไร ข้าไม่เชื่อในความฝัน ทุกคนต้องไม่เป็นอะไร”
ยายอิ่มเมียตาเพิ่มบอก “จุกเอ้ย…ทำใจไว้ ข้าจุดธูปบอกเทพยดาฟ้าดินให้แล้ว เอ้าพวกเราช่วยกันงมหาอีกที”
เสียงกระโดดลงน้ำตูมใหญ่ จุกไม่รอช้า แหวกว่ายน้ำหาลูกและเมีย ไม่ๆจริง เปีย ใบบัว แก้ว อย่าจากฉันไป ฉันอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีพวกเธอ อย่าโหดร้ายกับข้าเลย
น้ำตาลูกผู้ชายไหลพรากกับสายน้ำ จนแล้วจนเล่าแทบจะอ่อนแรง จุกหยุดเกาะที่ต้นมณีโคตร
“ข้าขออธิษฐานต่อเทพยดาฟ้าดิน หากถึงเวลาแห่งกาลพลัดพรากแล้วล่ะก็ขอให้ข้าพบกับหน้าเมียและลูกของข้าก่อน ด้วยเถิด” แรงอธิษฐานของจุกด้งก้องทั่วปฐพี เสียงฟ้าร้องคำรามเหมือนรับรู้คำอธิษฐานของจุก
ทันใดนั้น…จุกมองเห็นงูยักษ์ชูหัวแผ่แม่เบี้ยไปทางกลุ่มกอดอกบัวหลวงที่บานสะพรั่งแล้วหายไป มีระลอกคลื่นเป็นระยะๆ จุกกวาดสายตาไปตรงจุดนั้น จุกจำได้แม่นยำว่าเช้าวันนี้เปียห่มสไบสีชมพูเพราะอากาศหนาวเย็น เขาเห็นสไบที่เคลื่อนไหวตามระลอกคลื่น เปีย…จุกรีบแหวกว่ายน้ำไปที่จุดนั้นทันที จุกผวาเข้าไป เปีย ใบบัว สองคนแม่ลูกกอดกันกลมติดอยู่บนกอบัวใกล้วัดหนองกก จุกร้องเรียกให้เจ้าพันและชาวบ้านบริเวณนั้นเข้าไปช่วยเขาพยุงเมียและลูก แก้วขึ้นที่ท่าวัดหนองกก
ส่วนแก้วติดอยู่บริเวณใกล้เคียงกันนั่นเอง
ทั้งสามถูกอุ้มขึ้นไปนอนราบกับพื้น จุกทำการผายปอดเปีย และลูกสลับไปมา ร่างกายไม่ไหวติ่ง แต่เนื้อตัวยังอุ่นอยู่เหมือนคนนอนหลับ พันช่วยแก้วอยู่ข้างๆ
จุกน้ำตาไหลริน “เปีย…ใบบัว แก้ว ทำไมทุกอย่างช่างโหดร้ายกับพ่อเหลือเกิน”
จุกเอาหน้าแนบที่หน้าท้องของเปียซึ่งขณะนี้มีหน่อเนื้ออีกหนึ่งอยู่ข้างใน เปียยังคงสวมแหวนก้อยจำปาลาวที่จุกให้ไว้ จุกเขย่าตัวเมียรัก
“เปียตื่นซิเปีย ใบบัวตื่นเถอะลูกพ่อ แก้วตื่นๆ”หัวใจของจุกแทบจะสลาย เมื่อรู้ว่าร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่หมดลมหายใจไปแล้ว แต่จุกยังคงมีความหวัง เขาเขย่าลูกละ
เมียปานหัวใจจะขาด “ตื่นซิเปีย ใบบัวตื่นซิลูก แก้วๆตื่น” ซ้ำไปมา
ชาวประมงที่คอยช่วยเหลืออยู่รอบข้าง อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
ตาเพิ่มพูดขึ้นว่า “จุกเอ้ยหักห้ามใจไว้หน่อย เขามากันแค่นี้”
จุกนิ่งไม่มีเสียงพูด น้ำตาลูกผู้ชายไหลพราก เขากุมมือเปียไว้แนบแน่น เปีย…ไม่ว่าภพไหนชาติไหนพี่จะขอติดตามเปียไปในทุกภพชาติ แหวนก้อยวงนี้พี่ขอ
เก็บไว้ “ชั่วนิรันดร์”นะเปีย
ภาพของจุกที่โอบกอดเปียและลูก เป็นภาพที่ชาวบ้านบริเวณนั้นมิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ เป็นความสะเทือนใจที่เศร้าลึกยากนักที่จะอธิบาย ลูกผู้ชายที่แข็งแกร่ง
ดุจชายชาติทหาร ในเวลานั้นมีเพียงลมหายใจอันแผ่วเบา
มณีจันทร์ฉาย