จิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ
จิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ
รองอธิบดีกรมอาเซียน
กระทรวงการต่างประเทศ
“สวมหมวกใบไหน ต้องใส่ใจใบนั้น”…
“ครอบครัวคือกระจกเงา สะท้อนตัวเราได้ดีที่สุด”
กีฬาอยู่ในสายเลือด : ผมเรียนที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เป็นโรงเรียนประจำที่ปลูกฝังให้เด็กๆ เล่นกีฬา เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมรักกีฬาตั้งแต่เด็กๆ และกีฬาต้องเล่นกันเป็นทีม การทำงานก็ต้องช่วยกันเป็นทีมเช่นกัน จุดเริ่มต้นความสำเร็จในเรื่องต่างๆ ก็มาจากกีฬา ผมชอบกีฬาทุกอย่าง บาสฯ ก็เล่นได้แต่ไม่ค่อยเก่ง ที่ถนัดอีกอย่างคือกรีฑา วิ่งระยะสั้น วิ่งระยะกลาง ระยะไกล ไม่ถนัด
ย้ายไปเยอรมัน : จริงๆ แล้วผมเกิดที่เยอรมัน แต่อยู่แค่สามเดือนครอบครัวก็กลับมาเมืองไทย จนเมื่ออายุ 12 คุณพ่อต้องไปทำงานประจำที่ประเทศเยอรมัน ครอบครัวเราจึงย้ายตามท่านไปด้วย ไปเรียนไฮสกูล อยู่ที่นั่น 4 ปี อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ใกล้ แฟรงเฟิร์ต
ภาษาคืออุปสรรค : ปีแรกไปอยู่โรงเรียนประจำ เพื่อให้สามารถเรียนรู้ได้เร็ว ภาษาเยอรมันยากมากในเรื่องการเขียนกับไวยากรณ์ แต่ด้วยความเป็นเด็ก ทำให้การจำจากการใช้งานในชีวิตประจำ และสิ่งแวดล้อมที่บังคับให้ต้องพูดเพื่อเอาตัวรอด ทำให้ช่วงนั้นผ่านพ้นไปได้ และยังต้องเรียนภาษาลาติน ซึ่งยากยิ่งกว่าอีก แต่เป็นพื้นฐานของภาษาทางยุโรป ซึ่งแรกๆ ผมก็ตกตลอด ส่วนภาษาเยอรมันก็ผ่านบ้างตกบ้าง แล้วก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้น ตอนไปเข้าเรียนต้องลดชั้นมาอีก 2 ปี เพื่อจะได้มีเวลาปรับตัว ทำให้เมื่อกลับมาเรียนช้ากว่าเพื่อนร่วมรุ่น แต่ก็ทำให้ได้ประสบการณ์ที่ดีมากๆ และยังมีเพื่อนเพิ่มอีกขึ้นอีกทั้งสองรุ่น
เล่นฟุตบอล : ผมเริ่มเล่นฟุตบอลในตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่วชิราวุธฯ ขนาดประตูก็ไม่ใหญ่เท่าไรนัก แต่พอไปเยอรมันเจอกับประตูขนาดมาตรฐาน เราเป็นเด็กอายุ 12 รู้สึกว่าทำไมประตูมันมหึมาขนาดนี้ คิดว่าคงเล่นตำแหน่งนี้ไม่ไหวแน่ เลยเปลี่ยนไปเล่นตำแหน่งอื่น
ประเทศที่มีสโมสรฟุตบอลเยอะที่สุดในโลก : ทุกเมืองมีทีมประจำเมือง บางเมืองมีหลายทีมด้วยซ้ำ ทีมในระดับเยาวชนก็แบ่งระดับกันตามอายุ แล้วถ้าในระดับนั้นมีจำนวนเยอะ ก็เป็นทีมหลัก ทีมรอง ทีม เอ ทีม บี ตามฝีเท้า
ฝึกเข้มแบบเยอรมัน : ประเทศนี้มีชื่อเสียงในเรื่องระเบียบวินัยอย่างที่เรารู้กันดี ทุกอย่างของเขามีระบบ ยิ่งสมัยก่อนมีความเข้มข้นมากกว่านี้อีก ถึงแม้ในปัจจุบันจะผ่อนลงไปบ้าง แต่ก็นับว่าวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของเขาก็ยังอิงกับระเบียบวินัยอย่างเข้มงวด ถ้าใครทำผิด ไม่ปฏิบัติตามกฎ กติกา แม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำไปแล้วไม่มีใครได้รับเดือดร้อน เขาก็ไม่ปล่อยผ่าน เช่น หากเราไปข้ามถนนขณะที่สัญญาณไฟยังไม่อนุญาต ถึงแม้จะไม่มีรถเลยสักคัน แต่ถ้ามีใครพบเห็นก็จะถูกตำหนิทันที แล้วถ้าเราเป็นต่างชาติไปทำผิด ก็จะยิ่งถูกตักเตือนมากขึ้นไปอีก เพราะถือว่าเมื่อมาอยู่แล้ว จะทำตัวไม่รู้กฎระเบียบของที่นี่ไม่ได้ เรื่องกีฬาก็เช่นกัน
นักเตะเอเชียกำลังดัง : ยุคนั้น นักเตะจากเกาหลี ชา บุน กุม ไปเล่นให้กับทีม ไอร์ทรัคค์ แฟรงเฟิร์ต กำลังมีชื่อเสียงพอดี ทำให้คนเยอรมันยอมรับว่าคนเอเชียก็สามารถสร้างผลงานยอดเยี่ยมได้เช่นกัน เราเป็นเด็กเอเชียหัวดำเพียงไม่กี่คนที่นั่น พลอยได้ผลประโยชน์จากความสำเร็จนั้นไปด้วย อีกทั้งเราเป็นคนไทย ติดนิสัยว่านอนสอนง่ายอยู่แล้ว ให้ทำอะไรก็ทำ ไม่สร้างปัญหา เลยดูเป็นเด็กเรียบร้อย โค้ชเลยอาจจะเอ็นดูบ้าง ก็ค่อยๆฝึก ไปเรื่อยๆ ทั้งด้านทักษะ และ ระเบียบวินัย ที่นักฟุตบอลทุกคนต้องปฏิบัติตาม เมื่ออยู่ในทีมก็ได้ฝึกฝนไปด้วย ทำให้เล่นกับเขาได้ไม่มีปัญหา จนได้รับเลือกให้เล่นอยู่ในทีมเยาวชนท้องถิ่น ยิ่งพลิกผันให้ผมมีความถนัด ความชอบ เล่นกีฬามากขึ้น ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนก็ชอบอยู่แล้ว
ครั้งหนึ่งในชีวิต : สมัยที่อยู่ เกสตราบ์ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ติดกับ เมืองฮัมบวร์ก เมืองใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทีมของเราได้รับเชิญให้ไปร่วมในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลเยาวชน ที่เบอร์ลิน ได้ไปเล่นในสนามของทีมบุนเดสลีการ์ โอลิมปิก สเตเดี้ยม สมัยนั้นประเทศยังแบ่งเป็นเยอรมันตะวันออก กับ เยอรมันตะวันตก เวลาเดินทางไม่ได้นั่งเครื่องบิน ต้องนั่งรถไป ผ่านเยอรมันตะวันออก เพื่อที่จะไปเบอร์ลินตะวันตก ซึ่งเหมือนเกาะอยู่กลางประเทศในสมัยนั้น ระหว่างทางทำให้ได้เห็นสภาพบ้านเมืองที่เหมือนย้อนเวลาไปสามสิบกว่าปี กว่าจะผ่านด่านต่างๆ ที่ตรวจตราอย่างเข้มงวดเข้าไปได้ เป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นของเด็กๆ ที่ได้เห็นความแตกต่างกันอย่างมากของสองฝั่งตะวันออกตะวันตก นับเป็นความทรงจำที่ประทับใจ ภาคภูมิใจที่ได้เดินทางเข้าไปเล่นในสนามระดับประเทศ ได้มาสัมผัสสนามโอลิมปิก ที่เคยมีนักเตะระดับโลกมาเล่นที่นี่ มากกว่าจะสนใจในเรื่องผลการแข่งขันของตัวเอง
เตรียมเข้ามหาวิทยาลัย : หลังจากอยู่เยอรมันครบ 4 ปี ก็กลับมาเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ผมเรียนสายศิลป์ภาษา ซึ่งมีผู้ชายเรียนค่อนข้างน้อย วิชาอื่นๆ ก็อาจจะทำคะแนนได้ทั่วๆ ไป แต่ภาษาเยอรมันที่เราถนัดกว่าก็ช่วยทำให้สอบเข้ามหาวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ซึ่งตั้งใจเลือกไว้ตั้งแต่เริ่มได้สำเร็จ ตอนอยู่เตรียมฯ มีแข่งกีฬาสี เวลาแข่งกีฬาก็ค่อนข้างเสียเปรียบ แต่ช่วงที่ผมอยู่ค่อนข้างโชคดี หาผู้ชายที่เล่นฟุตบอลได้ค่อนข้างเยอะ ปีที่อยู่ ม.6 พวกเราเป็นเด็กศิลป์ที่ได้แชมป์ฟุตบอลเป็นปีแรก สร้างประวัติศาสตร์ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เราจะตกรอบแรกตลอด
ชีวิตมหา’ลัย : อยู่จุฬาฯ สนุกมาก ได้ทำกิจกรรมเยอะ โดยเฉพาะทางด้านกีฬาฟุตบอล เคยได้เป็นแชมป์ฟุตบอลคณะ ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติกับชาวรัฐศาสตร์มาก เพราะไม่เคยทำได้มาก่อนเลย พอขึ้นปีสี่ก็ติดทีมไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่ ถึงแม้จะเป็นตัวสำรองก็ดีใจแล้ว เพราะในทีมก็มีแต่นักกีฬาเก่งๆ บางคนติดทีมชาติอยู่แล้ว ปีนั้นเราได้แชมป์กีฬามหาวิทยาลัย
เรียนปริญญาโท เริ่มเล่นกอล์ฟ : ผมไปเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัย เวสเทิร์น อิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา เป็นเมืองเล็กๆ มีแต่ธรรมชาติ ประชากรไม่เยอะ ฟุตบอลไม่ค่อยมีใครเล่นกัน บางทีอยากออกกำลังกายก็ไปเล่นเทนนิส พอดีมีเพื่อนเกาหลีเล่นกอล์ฟเก่ง ก็เลยชวนไปลอง ประกอบกับสนามกอล์ฟที่มหาวิทยาลัยราคาถูกมาก อยากไปเล่นเมื่อไหร่ก็ไป เพื่อนสอนให้ เล่นกันเอง ผมเลยไม่ได้เริ่มหัดจากโปร
ไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์กอล์ฟ : ไม่เคยคิดเล่นกอล์ฟเลย ไม่รู้ว่า ความท้าทาย เสน่ห์ ความสนุก ของกอล์ฟคืออะไร แต่เมื่อเริ่มเล่นก็เริ่มเข้าใจ กอล์ฟสนุกตรงที่ต่อให้รู้อะไรแค่ไหนก็ยากที่จะควบคุมให้ได้ดั่งใจ ลูกก็วางเอง สนามก็บอกล่วงหน้าว่าจะเล่นยังไง ตีไปตรงไหน อุปสรรคต่างๆ ก็บอก มองเห็น ทั้งน้ำ ทั้งทราย ตอนตีก็ไม่มีใครมายุ่ง แต่เราก็ยังทำให้ดีทุกครั้งไม่ได้ กอล์ฟขึ้นอยู่กับตัวเราล้วนๆ เลย สำหรับผม เทคนิคการเล่น เช่น การจับไม้ การสวิง เป็นเพียงครึ่งนึงเท่านั้น อีกครึ่งเป็นเรื่องของจิตใจ ถ้าไม่พร้อม ไม่เข้มแข็งพอ สมาธิไม่ดี ฝีมือต่างๆ ที่ฝึกฝนมาก็จะตกหล่นหายไป แต่ละวงสวิงมีหลายเทคนิคที่ต้องทำพร้อมกัน ทุกส่วนสัมพันธ์กันหมด พอเล่นไปเรื่อยๆ มีเพื่อนร่วมก๊วนที่ออกรอบด้วยกันแล้วสนุก เริ่มติด เล่นบ่อยขึ้น
กอล์ฟ คือ สล็อตแมชชีน : กอล์ฟมีแรงจูงใจที่ทำให้คนติด หลักการเดียวกันกับ เครื่อง สล็อตแมชชีน คือ กว่าจะมีช็อตประทับใจสักครั้ง ทุกอย่างต้องมาพร้อมกันจริงๆ แล้วความรู้สึกจะเหมือนกับได้แจ็คพ็อต เช่น ตีโดนเต็มๆ ไปไกลๆ ตีลูกมาออนสวยๆ หรือ พัตต์ไกลๆ มาลง ซึ่งนานๆ ถึงจะมาสักที แต่เมื่อเกิดขึ้นก็จะจำได้แม่นไม่มีลืม มันคือความสุขยากที่จะบรรยาย เราจึงโหยหา อยากให้มีช็อตแบบนี้เกิดขึ้นอีก ทำให้ต้องกลับไปเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนเล่นเท่านั้นถึงจะรู้ ว่าเล่นกอล์ฟแล้วทำไมติด คนไม่เล่นไม่รู้หรอก
เล่นแล้วนำไปใช้ : สิ่งที่ได้จากกอล์ฟ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ในสังคมได้ การรู้เขารู้เรา รู้ตัวเอง ว่ามีจุดบกพร่องทางอารมณ์ตรงไหน เวลาเล่นกอล์ฟจะแสดงออกมาหมด ส่วนเพื่อนร่วมก๊วน เขาก็จะแสดงตัวตนออกมาให้เราเห็นเช่นกัน
เล่นต่อเนื่อง : พอกลับมาเมืองไทย ดูแล้วว่าเราเล่นกอล์ฟหลายๆ อย่างผิดมา พยายาม หาโปรเพื่อช่วยจับวงให้ จนพอเริ่มรู้ทักษะแล้วนำมาปรับใช้เอง ถึงไม่ได้ดีมากนักแต่ก็ช่วยให้เล่นสนุกขึ้น หลังจากเริ่มทำงานแล้วก็ยังมีโอกาสได้เล่นบ้าง แต่ฟุตบอลก็หายไปเลย จนเมื่อเริ่มไปประจำการอยู่ที่นิวยอร์ค ทำให้ได้มีโอกาสพบกับเพื่อนคนไทยที่อยู่ที่นั่น ทำให้ได้เล่นกอล์ฟบ่อยขึ้น ยังได้ไปออกรอบสนามเบทธ์เพจที่เคยใช้แข่งยูเอสโอเพ่น นับเป็นความสุขของคนชอบกอล์ฟอย่างพวกเรา
ทำงานกระทรวงต่างประเทศ : ผมเริ่มงานครั้งแรกที่กรมอาเซียน แล้วย้ายงาน ย้ายกรม เปลี่ยนหน้าที่ ไปเรื่อยๆ ตามวาระ มีการเปลี่ยนแปลงในการทำงานอยู่ตลอด ต้องไปประจำตำแหน่งอยู่ตามประเทศต่างๆ บ่อยครั้ง ผมไปประจำการอยู่ต่างประเทศนานที่สุดที่ แฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมัน เป็นเมืองเล็ก มีประชากรแค่ราว 7 แสนคน แต่ผู้คนมักจะคิดว่าเป็นเมืองใหญ่ เพราะเป็นทั้งศูนย์กลางการบิน ศูนย์กลางการเงิน การธนาคาร ตลาดหลักทรัพย์ ผมทำหน้าที่รองกงสุลใหญ่ เกือบห้าปี เหมือนได้กลับไปถิ่นเก่า เพราะคุ้นเคยในเรื่อง ภาษา วัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่
ทำงานกับคนไทยเพื่อคนไทย : เยอรมันเป็นชุมชมคนไทยที่หนาแน่นที่สุดในยุโรป มีถึงประมาณแสนคน โดยอยู่ที่เบอร์ลิน ซึ่งเป็นเมืองหลวง มากที่สุด ผมได้ทำงานใกล้ชิดกับคนไทยที่อยู่ที่นั่น คอยช่วยเหลือทางด้านปัญหา มีงานที่จะต่อยอดในสิ่งที่คนไทยต้องการ เช่น สาขาวิชาชีพ หรือการนำจิตแพทย์ไปให้คำปรึกษาทางด้านจิตวิทยา เพราะคนที่นั่นบางครั้งเวลามีปัญหาไม่รู้จะคุยกับใคร เราก็ต้องหาหมอมาคอยดูแล
เกียรติและศักดิ์ศรีของคนไทยในต่างแดน : นโยบายของกระทรวงการต่างประเทศ คือ ส่งเสริมให้คนไทยสามารถจะอยู่ในประเทศที่ไปอาศัย ได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของท้องถิ่นได้ อะไรจะทำได้ก็ต้องไปช่วยกันเต็มที่ มีการจัดงานเทศกาลต่างๆ ทุกปี อย่างที่เมือง บาธ ฮัมบวร์ก เป็นเมืองที่มีศาลาไทย ที่ ร. 5 ได้ส่งมอบให้กับเมืองเป็นของขวัญ เพราะเคยเสด็จประพาสรักษาพระองค์ที่นั่น จึงเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง มีการจัดเทศกาล โชว์เอกลักษณ์ไทย เป็นงานใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากๆ งานหนึ่ง มีการแสดงไทยๆ มีการออกร้าน ส่งเสริมให้คนไทยที่อยู่ที่นั่นมานานแล้วมีฝีมือทางด้านต่างๆ ได้แสดงออก เช่น ศิลปะการป้องกันตัว การวาดภาพ การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย การออกร้าน ฯลฯ ซึ่งจัดกันทุกปี มีผู้สนใจจากทุกแห่งมาร่วมงานหลายหมื่นคน อีกทั้ง อาหารไทย ยังได้รับความนิยมมากในเยอรมัน ร้านอาหารไทยที่นั่นหากบริหารจัดการดี จะประสบความสำเร็จได้ทุกราย ทำให้ร้านอาหารเอเชียอื่นๆ ต้องนำชื่ออาหารไทยใส่เข้าไปในเมนูอาหารของตัวเองด้วยเพื่อดึงดูดลูกค้า ไม่เหมือนกับร้านอาหารไทยแท้ๆ ที่ขายเฉพาะเมนูของไทยเท่านั้น อาหารยอดนิยมเป็นที่รู้จักกันดีก็ เช่น ต้มยำกุ้ง ต้มข่าไก่ ผัดเปรี้ยวหวาน ซึ่งชาวเยอรมันและชาวยุโรปชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง
เวลาส่วนตัวน้อย : เมื่อมีหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้น เวลาที่จะดูแลตัวเองหรือพักผ่อนก็น้อยลงไป ผมจึงพยายามออกกำลังกายให้ได้มากที่สุดตามโอกาสเอื้ออำนวย ฟุตบอลก็เล่นบ้าง มีรวมทีมชวนน้องๆ สถานกงสุลจากประเทศอื่นๆ มาเล่น มาจัดกิจกรรมกัน ส่วนกอล์ฟเล่นน้อยมาก อยู่เกือบห้าปี ออกรอบไป 3 ครั้ง เพราะหน้าที่การงาน วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ต้องออกไปวัด ไปตามชุมชนคนไทยต่างๆ ทำให้ไม่มีเวลาพอ อีกทั้งเล่นกอล์ฟที่นั่น ไม่มีซุ้ม ไม่มีแค้ดดี้ ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองหมด เล่นไปก็ไม่สนุก คนไทยไม่ค่อยเล่นด้วย เลยต้องออกกำลังกายด้วยการจ้อกกิ้ง ซึ่งทำได้สะดวกกว่า และสิ่งแวดล้อมก็เป็นใจ อากาศบริสุทธิ์ เย็นสบาย ใช้เวลาไม่มากนัก
แนวคิดชีวิต : ผมใช้ความหลากหลายในการใช้ชีวิตต่างแดนมาเป็นคำสั่งสอน ผมอยู่เยอรมันรวม 10 ปี อเมริกา 6 ปี มีหลากหลายวัฒนธรรมให้ได้เห็น แล้วนำมาแยกแยะ นำส่วนที่ดีมาประยุกต์ใช้ ในชีวิตเรานั้น จะได้รับมอบหมายการทำงานตามหน้าที่ ตามความรับผิดชอบ แตกต่างกันไปตามงานนั้นๆ เมื่อสวมหมวกใบไหน ก็ต้องทำตัวให้เหมาะสม สอดคล้องกับความรับผิดชอบ ตรงกับเนื้องานที่ได้รับมอบหมาย ไม่ต้องไปทำอะไรให้เป็นซูเปอร์แมนในบางเรื่อง ขณะที่เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องง่ายๆ พื้นฐาน ควรจะทำกลับไม่ทำ ต้องรู้ว่าหน้าที่ ความรับผิดชอบ อยู่ตรงไหน และใส่ใจในเรื่องนั้นให้มากที่สุด ทำให้ดีที่สุด…
ใช้หลักกีฬามาบริหาร : กีฬาช่วยปลูกฝังเรื่องการทำงานร่วมกันเป็นทีม สามารถนำมาใช้ในการทำงานปัจจุบันได้ ถ้าประเทศไทยสามารถทำงานเป็นทีมกันได้เยอะๆ ผมว่าเป็นเรื่องดีแน่นอน
สำคัญที่สุดคือครอบครัว : นอกจากเรื่องงาน เรื่องกีฬา สิ่งสำคัญอีกสิ่งคือ ครอบครัว เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแบ่งเวลาให้เสมอ ผมเน้นเรื่องการทำกิจกรรมร่วมกัน ส่วนใหญ่จะเป็นการท่องเที่ยว ทำให้ได้ใกล้ชิดกับลูกๆ เป็นการสร้างความอบอุ่นให้ครอบครัว และยังมีส่วนช่วยทำให้เราได้มีโอกาสอบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนดีในสังคม ครอบครัวยังเป็นเสมือนกระจกที่คอยสะท้อนตัวตนของเรา เพราะบางครั้งเราอาจจะทำตัวไม่ดี ไม่เข้าท่า โดยเราไม่รู้ตัว คนอื่นก็ไม่กล้าบอก แต่สิ่งเดียวที่จะช่วยเตือนสติได้ดีที่สุด จริงใจที่สุด คือครอบครัวของเรานั่นเองครับ