จะเลือกซื้อเวจ อย่างไรให้เหมาะสม
กิน กอล์ฟ ช้อป ชิพมาแล้วค้า วันนี้เรามีเรื่องของ เวจ มานำเสนอ เพราะเราได้ยินคำถามมากมายเกี่ยวกับจะเลือกซื้อเวจ อย่างไรให้เหมาะสม
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเว็จต่างๆกันก่อนนะคะ
Pitching Wedges (Pw)
พิชชิ่งเว็จ เชื่อว่าทุกคนน่าจะคุ้นเคยมากที่สุด โดยส่วนใหญ่จะมีองศาประมาณ 44-48 องศา ใช้สำหรับการเล่นลูกสั้นข้างกรีนหรือมีการตีเต็มวงบ้าง ช่วงหลังมานี้ องศาของ Pw ในชุดเหล็กรุ่นใหม่จะมีองศาที่ค่อนข้างน้อยลง ดังนั้นจึงต้องมี gap wedges เข้ามาเสริม
Gap Wedges (Gw)
แก็ป เว็จ ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะคะว่าเข้ามาเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่าง Pw และ Sand wedges บางครั้งอาจเรียกว่า Attack wedges (Aw) หรือ Utilities wedges (Uw) ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อว่าจะเรียกว่าอย่างไรแต่ก็เป็นเหล็กที่มีองศาใกล้เคียงกัน จะอยู่ที่ประมาณ 50-53 องศาค่ะ Gw นี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใช่เล่นเต็มวงสักเท่าไหร่ จะใช้เล่นเป็นลูกโยนเข้าหากรีนในระยะต่ำกว่า70 หลาและเล่นบริเวณข้างกรีนค่ะ
Sand Wedges (Sw)
แซนด์ เว็จ เมื่อก่อนเค้าออกแบบมาเพื่อนการเล่นจากหลุมทรายหรือบังเกอร์โดยเฉพาะนะคะ โดยออกแบบให้มี Sole หรือท้องเหล็กด้านล่างที่ค่อนข้างหนาและใหญ่ ทำให้ลูกลอยออกจากหลุมทรายได้ง่ายขึ้น ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นโดยนำมาใช้เล่นลูกขอบกรีนหรือช๊อตที่มีจุดตกไม่มากบนกรีนคะ
Lob Wedges (Lw)
ล็อบ เว็จ เป็นเวจที่ออกแบบมาทีหลังสุด มีองศาประมาณ 60-64 องศา เพื่อที่ใช้เล่นสำหรับลูกที่โด่งและมีจุดตกน้อยมากๆ ช๊อตพิเศษ เช่น flop shot หรือในบังเกอร์ก็สามารถเล่นได้ดีค่ะ
องศาของเว็จ มีผลกับความโด่งของลูกกอล์ฟและระยะของลูกกอล์ฟค่ะ ถ้าองศายิ่งมาก ลูกก็จะยิ่งโด่งและระยะก็จะสั้นค่ะ ลองดูองศาของเว็จแต่ละแบบตามตารางด้านล่างนะคะ
ที่มาภาพประกอบ www.golfalot.com
ถ้าอยากได้เวจที่ตีระยะเต็มวงไล่ระดับจากชุดเหล็กลงมา ก็ต้องดูก่อนเลยว่า Pw ในชุดของเรามีองศาเท่าไหร่ แล้วขยับจากองศานั้นมาประมาณ 4-6 องศา ขอแนะนำว่าระยะห่างของแต่ละเวจไม่ควรห่างเกิน6 องศาและไม่ควรใกล้ต่ำกว่า 4องศานะคะ เพราะสำหรับนักกอล์ฟที่ใช้เว็จตีเต็มวง ในระยะต่ำกว่า100 หลาจะทำให้ควบคุมระยะได้ยากค่ะ ยกตัวอย่างชุดเหล็กของคุลิ นะคะ Pw 46 องศา ดังนั้นเวจต่อมาของคุลิจะเป็นประมาณ 51,56 และ 60 องศา
ส่วนของ อมลก็ใกล้เคียงกันเลยเริ่มจาก Pw 45 องศา gap wedge 50 องศา 54 องศา และ 58 องศา ห่างกันอย่างละ 4 เป๊ะเลย โดยเฉลี่ยแล้ว ทุกๆ 4-5 องศาจะมีผลกับระยะประมาณ10 หลาคะ
ทีนี้มาเรื่องของ เบ้าซ์ (Bounce) กันบ้างนะคะ เบ๊าซ์ ถ้าแปลตรงตัวก็คือ เด้ง หรือ กระดอน แต่เบ๊าซ์สำหรับ เว็จคือตรงบริเวณด้านท้องเหล็กหรือบริเวณที่จะกระทบหญ้าและจะทำมุมกระดอนกับพื้นหญ้า จึงเรียกว่า เบ๊าซ์ค่ะ
องศาของเบ็าซ์ก็มีผลกับเว็จ สามารถส่งผลให้เล่นง่ายหรือยากได้เลย เพราะเบ๊าซ์จะเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ เว็จขุดลึกในทราย หรือในหญ้าจนเกินไป และยังสามารถช่วยรักษาโมเมนตัมของเว็จได้อีกด้วย
Low bounce wedges
เว็จที่มีองศาของเบ๊าซ์ ประมาณ 4-6 องศา ถือว่าเป็นเว็จที่มีเบ๊าซ์น้อย เหมาะสำหรับคนที่ตีค่อนข้างผ่านลูกได้ดี สร้างรอยดิวอทน้อย และเหมาะกับสภาพสนามที่ค่อนข้างเฟริม คือสนามที่หญ้าแน่น ไม่แฉะ อย่างพวก ลิงค์คอร์ส และในบังเกอร์แบบทรายเม็ดใหญ่ หรือที่มีทรายไม่มากนัก เป็นเบ๊าซ์ที่ตอบโจทย์กับคนที่ชอบเล่นชอตพลิกแพลงหรือ ช๊อตพิเศษต่างๆ
Mid bounce wedges
เว็จที่มีองศาเบ๊าซ์ 7-10 องศาถือเป็นเว็จที่มีเบ๊าซ์ประมาณกลางๆ เป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะสามารถเล่นได้กับทุกสภาพสนามและทุกรูปแบบสวิง แต่อาจจะไม่สามารถเล่นได้หลากหลายเท่าเว็จที่มีองศาเบ๊าซ์น้อย
High bounce wedges
เว๊จที่มีองศาของเบ๊าซ์มากกว่า10 องศาขึ้นไป เหมาะสำหรับคนที่สวิงที่ตีขุด สร้างรอยดิวอทลึก รวมทั้งเหมาะกับสภาพสนามที่นุ่ม และสภาพบังเกอร์ที่มีทรายละเอียด เพราะองศาเบ๊าซ์ที่เยอะจะช่วยเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างเว็จกับพื้นหญ้า ทำให้เว็จไม่ขุดลึกจนเกินไปทั้งบนหญ้าและ บังเกอร์
ที่มาภาพประกอบ www.thoughtco.com
จริงๆเรื่องของเว็จยังไม่หมดนะคะ ยังมีเรื่องของ Sole Grind ของเว็จ หรือรูปทรงต่างๆของ bounce อีก แต่ข้อมูลเท่านี้ก็สามารถมีไอเดียในการเลือกเว็จให้เหมาะสมได้แล้ว
ไว้มีโอกาสเราของคนจะมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ
วันนี้นี่สาระล้วนๆเลยนะเนี่ย อมล
ใช่เลย คุลิ หวังว่าคุณผู้อ่านจะได้เลือกเว็จเลือกไม้ได้ตามความต้องการและเหมาะสมเนอะ เพราะเรื่องของลูกสั้นนี่ใครละเอียดกว่าได้เปรียบ ดูอย่าง จอแดน สปีท นะ เป็นอีกคนที่ให้ความสำคัญกับลูกสั้นมาก มีเว็จในถุงตั้ง 4 อันแหนะ
โหหหหววว เจ๋งไปเลยยยย ว่าแล้วก็ถึงเวลาต้องไปซ้อมกันแล้วสิเรา ป่ะอมล ไปซ้อมลูกสั้นกัน นี่คุลิเพิ่งได้ เว็จใหม่มาด้วยนะ ไปลองกันดีกว่า
แล้วกลับมาเจอกับเราสองคนได้ใหม่นะค้า บ๊ายบายยยยยย