2018 เป็นปีที่ A.I . มีบทบาทมากขึ้น
2018 เป็นปีที่ A.I . มีบทบาทมากขึ้น
ในปีที่ผ่านมา ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือที่เราเรียกย่อๆ จนคุ้นหูว่า A.I. นอกจากจะถูกนำมาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ยังถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นพูดถึงอีกไม่น้อย
ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) อธิบายง่ายๆ ว่า เป็นวิทยาการด้านคอมพิวเตอร์ ที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถคล้ายมนุษย์ หรือเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ โดยเฉพาะความสามารถในการคิดเองได้ ซึ่งแม้ว่าจะดูล้ำยุตล้ำหน้าเหมือนภาพยนตร์วิทยาศาสตร์หลายเรื่อง อย่าง I.Robot หรือ จาวิส ใน Iron Man แต่ถ้าสังเกตุดีๆ ทุกวันนี้ A.I. เข้ามาใกล้ชีวิตปกติของเรามากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น การโต้ตอบและรับคำสั่งในสมาร์ทโฟน, การจดจำใบหน้า, หุ่นยนต์อัตโนมัติต่างๆ อาทิเครื่องดูดฝุ่น เครื่องจักรคัดเลือกสิ่งของ รวมไปถึง A.I.ที่เรียนรู้ด้วยตัวเองได้ อย่าง Alpha Go โปรแกรมเล่นโกะที่นับวันมนุษย์จะเอาชนะได้ยากขึ้นทุกที
ซึ่งทีมนักวิทยาศาสตร์และนักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีจากศูนย์วิจัยเทเลนอร์ มีความคิดเห็นว่า A.I. ที่เราๆ ท่านๆ สัมผัสอยู่ก่อนหน้านี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การโต้ตอบในสมาร์ทโฟน, การจดจำใบหน้า ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงแค่สิ่งที่สร้างความฮือฮาเท่านั้น หลังจากนี้จะเริ่มเป็นของจริง คือการนำ A.I. มาใช้งานจริงในตลาดวงกว้าง ไม่จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่อีกต่อไป ทั้งในเรื่อง สุขภาพ พลังงาน การขนส่ง และโทรคมนาคม
ดูเหมือนจะดี แต่ภาพลักษณ์ของ A.I. ที่ภาพยนตร์หลายเรื่องสร้างไว้ ก็ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่กังวลกับการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของ A.I. โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า A.I. ด้าน Chat Bot ของเฟสบุค สร้างภาษาของตัวเองขึ้นมาคุยกันเอง แต่หลังจากนั้น ทีมนักวิจัยดังกล่าวได้ออกมาเปิดเผยว่า ต้นเรื่องก็คือหัวข้อรายงานที่พาดหัวว่า “AI กำลังสร้างภาษาที่มนุษย์ไม่เข้าใจ และเราควรหยุดมันหรือไม่” ถูกส่งต่อแบบกระซิบจนกลายเป็น A.I. ถูกปิดลงเพราะสร้างภาษาใหม่คุยกันเอง ซึ่งไม่เป็นความจริง นักวิจัยยังบอกอีกว่า การที่ AI สร้างภาษาที่คนอ่านไม่รู้เรื่องไม่นับเป็นความสำเร็จ ผลสำเร็จของงานวิจัยสามารถสาธิตด้วยการทดลองกับมนุษย์ และพบว่าคนส่วนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังเจรจากับ A.I. ต่างหาก ซึ่งถ้าหากใครยังติดใจในเรื่องนี้ ทางทีมงานวิจัยก็ได้เผยแพร่ ซอร์สโค้ดของบอทตัวนี้ ให้นำไปลองรันเองได้
แต่สิ่งที่หลายฝ่ายกังวลเกี่ยวกับ A.I. และดูเหมือนจะค่อยๆ ส่งผลกระทบแล้ว นั่นก็คือ การเข้ามาแทนที่ของ A.I. ทำให้หลายตำแหน่งงานหายไป และเมื่อ A.I. พัฒนาขึ้น รูปแบบงานก็จะถูกแทนที่ด้วย A.I. มากขึ้น นอกจากเรื่องการพูดโต้ ตอบ ตอบสนองคำสั่ง ไปจนกระทั่งขับรถบนถนนเลยทีเดียว
แต่ถ้าหากเรามองย้อนกลับไปในอดีต เทคโนโลยีที่ผ่านมา ก็ทำให้งานหลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป และอาชีพที่เกี่ยวข้องบางอย่างก็หายไป แต่ก็ทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาด้วย ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบกลัว A.I. ทำความรู้จักให้เต็มที่แล้วค่อยตัดสินก็ยังไม่สายเกินไป