สัพเพฯ กอล์ฟ

ทำด้วยใจ

ทำด้วยใจ

เรื่องของ “ตูน”ชั่วโมงนี้ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยที่รับรู้รับฟังเรื่องที่เขาทำอยู่ การกระทำแบบชนิดสุดขั้วโดยเอาสังขารเป็นเดิมพัน ชายคนนี้หากมีพื้นเพที่ไกลโพ้นในอีกทวีปอย่าง “แอฟริกา”คงไม่แปลกที่จะวิ่งกว่า 2,000 กิโลเมตรเพื่อเงิน 700ล้าน สำหรับ “โรงพยาบาล” แต่นี่ “ตูน”เป็นมนุษย์ที่เกิดในภาคกลางเรานี่แหละครับ ครอบครัวเดิมๆคือ “เมืองสุพรรณ” ดังนั้นความทนทานของร่างกายมันจะเอาอยู่มั้ยกับระยะทางไกลเช่นนี้ จากโครงการแรกสู่โครงการที่สอง ณ ปัจจุบันยอดการบริจาคทะลุเป้า 700ล้านไปแล้วครับท่าน…หากว่ากันตามจริงระยะทางเช่นนี้การวิ่งมันไม่ยากเย็นอะไรนัก แต่ที่ยากคือ “เวลา”ที่เป็นตัวแปรของโครงการนี้ แต่ก็ดีใจที่บรรดาผู้ที่ร่วมคิดร่วมทำตัดเอาเรื่องของเวลาออกไปก่อนหน้า….ครับมันอาจจะเสียเรื่องเวลาไปบ้างก็ไม่เป็นไรขอให้โครงการนี้ไม่ใช่โครงการแรกหรือโครงการสุดท้ายในเรื่องของ “ความมีแล้วแบ่งปัน” โดยไม่มีเรื่องของ “ผลประโยชน์”เข้ามาแอบแฝง

การทำเช่นนี้หากไม่มีการวางแผนที่ดีแล้วครูไก่ว่ายากยิ่งเกินกว่ามนุษย์อย่างเราๆจะเอาอยู่ แต่นี่จากความร่วมมือกันหลายหลากปราชญ์ที่มีองค์ความรู้ในหลายสาขามารวมกัน มันทำให้เกิดความสมบูรณ์ของโครงการอย่างที่เห็น ก็อย่างที่รู้ๆกันว่า “ตูน”คือ “ศิลปินนักร้อง” ที่ติดลมบนมานาน ชื่อเสียงในทาง “ลบ”ก็มิเคยได้เห็นสักนิด เช่นนี้การทำงานเพื่อสังคมด้วย “ความถนัดของตัวเอง”คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่นี่แกเลือกทำแบบนี้ขอยกย่องการกระทำที่เรารับรู้รับฟังกันมา

ตูนบอกว่า “ขอสตางค์”คนละนิดละหน่อยเท่านั้นเองครับ ไม่ได้ขออะไรมากมายก่ายกองอะไรเลยจากคนไทย 70 กว่าล้านคน สุดท้ายปลายทางที่เชียงรายจากใต้สุดสู่เหนือสุดของไทยเอาใจช่วยชายคนนี้ “พี่ตูน” กันมากๆนะครับ ส่วนในอีกหลายเส้นทางที่ขบวนของตูนไม่ผ่าน ก็มีผู้คนอีกหลายคณะทำเช่นเดียวกันเพียงแต่ความรับผิดชอบอยู่ในเขตที่ตนเองมีความคุ้นเคย แต่เท่าที่ทราบก็สามารถจะรวบรวมเงินได้มากโขอยู่เช่นกัน แล้วสุดท้ายทุกบาททุกสตางค์จะนำมารวมกันเป็นหนึ่งความช่วยเหลือเดียวกัน

นี่แหละคนไทยเราหากได้ร่วมมือร่วมไม้ทำอะไรสักอย่างมันจะมุ่งสู่ความสำเร็จอย่างไม่ลำบากยากเย็นนัก ประเด็นแบบนี้หากมันเกิดกับมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่า “คนไทย”เราช่วยกันคิดช่วยกันเพื่อชาติเพื่อบ้านเมืองอย่างจริงใจ มันคงเกิดความสำเร็จอย่างที่เห็น…แล้วในอีกไม่นานจะมีการเลือกตั้งเป็นครั้งที่เท่าใดก็จำไม่ได้แล้วครับ รูปแบบของ “การเมือง”มันก็จะวนกลับมาเช่นเดิม การทะเลาะกันของคนที่อาสามาทำงานเพื่อชาติและบ้านเมือง ที่ไม่มีวันจบสิ้นเหมือนเดิมที่เคยเป็นมา

บ้านเมืองนี้ความจริงมันก็มีคนที่มีเงินมีทองกันเพียบมากหน้าหลายตา การจะรวบรวมแล้วทำเป็นกองทุนหรืออะไรก็ช่างเพื่อเป้าหมายอย่างที่เรารู้ว่าอะไรขาดอะไรที่ต้องการของส่วนรวมมันไม่ยากเลย แต่นี่มันสงัดเงียบมากจริงๆ โครงการอะไรสักอย่างก็ไม่มีให้เห็น เอาเป็นว่ากอดความร่ำรวยกันเอาไว้ให้แน่นๆก็แล้วกัน เวลาจากโลกนี้ไปมันคงพอช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ

ข่าวคู่ขนาน

ขณะที่ข่าวของ “ตูน”วิ่งเพื่อเงินที่เป็นเป้าหมาย 700 ล้านสำหรับ “โรงพยาบาล”ทั่วประเทศ แต่ก็มีอีกข่าวที่มาเป็นคู่ขนานกับข่าง “การวิ่งของตูน” นั่นคือการ “โกง” หวยรัฐบาลที่เราทราบกันอยู่ ครูไก่เองก็ยากที่จะตัดสินว่า เงินรางวัลนั้นจะตกเป็นของใครจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม ใครเป็นคนซื้อตัวจริงก็ไม่อยากจะไปรับฟังอะไรแล้วครับ เพราะยิ่งอยากจะรู้อยากจะฟังมันยิ่งทำให้เป็นเรื่องปวดหัวเสียจริงๆลองคิดดูนะครับ “การพูดปดเพื่อเงิน” ที่ไม่ใช่ของตัวเองมันกล้าทำกันได้อย่างไร การพูดที่เรารู้กันในอีกคำคือ “โกหก”ตอนนี้ยิ่งดูจะมีมากมายก่ายกองมากขึ้นทุกวันแล้วในทุกภาคส่วนของประเทศก็ว่าได้ มันส่งผลร้ายแรงตอระบบโครงสร้างของสังคมในทางลบเป็นอย่างมาก ครูไก่ไม่อยากคิดว่าถ้าเด็กและเยาวชนรับรู้รับฟังเรื่องแบบนี้มากเข้าๆ แล้วทำเช่นเรื่องที่ว่าคือ “โกหก” เป็นเรื่องธรรมดาครูไก่ว่าลำบากแล้วชาติเรา

นี่คือสองเรื่องสองราวที่ “ทำไปเพื่อ”อะไร “ตูน”ทำไปเพื่อสังคมที่ขาดแคลนโดยใช้ร่างกายทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ ส่วนอีกกลุ่มก็ “โกหก”เพื่อความสำเร็จในเงินซึ่งใครสักคนที่รู้อยู่แก่ใจว่า “เขาไม่ใช่เจ้าของ” ตัวจริง…นี่คือความจริงของคนไทยเราที่เป็นแบบนี้ “โกหกเป็นเรื่องปกติ”หากเราไปพบเจอกับคนแบบนี้ลำบากใจครับ

เพื่อนช่วยเพื่อน

การช่วยชีวิตใครสักคนได้มีโอกาสทำขอให้โดดลงไปเลยอย่าลังเลใดๆทั้งสิ้น เพราะเวลาที่เรารู้ว่าเขารอดตาย…มันมีความสุขสุดๆครับ เรื่องคือ เพื่อนเก่าของครูไก่มานอนป่วยอยู่ รพ.ตำรวจรอเวลาผ่าตัดหัวใจที่ผิดปกติ แต่ถ้ารอถึงเวลานั้นป่านนี้คงไปงาน “ศพ”ไปแล้ว เพื่อนเองก็ “ถอดใจ”ขอไปตายที่บ้านดีกว่า นั่นเพราะห้องผ่าตัดติดงานเต็มจริงๆ แต่ด้วยเพื่อนผมยังไม่ถึงเวลาไปกระมัง เลยไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ของ รพ.ตำรวจ ท่านเลยส่งตัวไป รพ.จุฬาฯ สมใจนึกท่านรับเรื่องวันจันทร์สั่งย้ายวันอังคารแล้วผ่าวันพุธ เพราะเพื่อนครูไก่เพียบจริงๆเป็นอยู่เท่ากัน

ณ ปัจจุบันอาการไม่น่าเป็นห่วงแล้วครับ “รอดจากความตาย” แบบเฉียดฉิวเพราะหมอที่ท่านดูแลบอกว่า “ช้าอีกสองวัน”คงไม่รอดครับ นี่แหละครับเพื่อนช่วยเพื่อนแบบนี้มันสุขใจเป็นที่สุด แล้วตั้งแต่คนป่วยเข้า รพ.ครูไก่ไม่เคยไปเยี่ยมสักนิด คอยฟังแต่ข่าวอย่างเดียวครับ…ไม่ใช่เป็นคนใจไม้ไส้ระกำหรอกนะ…! เพียงแต่เคยไปดูแลใครๆก่อนหน้าหลายคน “ไม่รอด”สักคนเลยคิดเอาเองว่า “ช่วยอยู่ด้านนอก”ดีกว่า หรือไปหาเมื่อหายจากโรคภัยดีกว่า…คาดว่าอีกไม่นานคงจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้แล้วครับ นี่แหละคือความช่วยเหลือที่ส่งผ่านกันมาเป็นทอดๆแล้วมันก็บังเกิดผลอย่างที่ว่าและนี่คือคำว่า “เพื่อนช่วยเพื่อน” แบบฉบับของครูไก่เอง…ขอรับ..

ครูไก่ ลำพอง ดวงล้อมจันทร์