สัพเพฯ กอล์ฟ

ปลาเล็กกินปลาใหญ่

ปลาเล็กกินปลาใหญ่

หลังกลับมาจาก “วังเวียง” แล้ว ความคิดแปลกๆ มันเข้ามารบกวนสมองอยู่นานสองนาน นั่นคือ บรรดาเรื่อง “การท่องเที่ยว” ของ สปป.ลาว มันดูแปลกๆ พิกลอยู่ เท่าที่สังเกตสังกาดูก็พอจะมองออกว่า “เจ้าของประเทศ” จะเหลืออะไรให้ผู้คนของเขา สิ่งที่ได้แน่ๆ คือ “ค่าเช่า” สถานที่โดยรวม เช่นกิจกรรมที่โลดโผนโจนทะยานต่างๆ แม่น้ำ ภูเขา ป่า ก็ธรรมชาติที่สมบูรณ์ของ “สปป.ลาว” แต่บรรดาผู้ประกอบกิจการจะเป็นชาวต่างชาติเกือบจะ 100% เราพอจะมองเห็นภาพรางๆ หรือยังว่า มันเหมือนกับของเรา ณ ปัจจุบัน แต่จากการพูดคุยกับผู้คนที่เป็นเจ้าของประเทศตัวจริง ก็พอจะจับใจความได้ว่า

“จากภาพที่เรามองเห็น มันคงไม่ช่วยอะไรคนลาวมากนัก” คนพื้นที่คงจะได้เพียงส่วนเหลือจากชาวต่างชาติเท่านั้นเอง “ส่วนเหลือ” ที่ว่าก็คงจะเป็นนักท่องเที่ยวแบบ “Back Pack” ที่ชอบความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ซึ่งส่วนนี้ “วังเวียงมีอยู่พร้อม” เท่าที่รับรู้รับฟังกันแบบใกล้ชิดก็ยิ่ง “ปลงอนิจจัง” กับรายได้อันน้อยนิด เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา… เพราะอะไรหรือครับที่ครูไก่ถึงเขียนเช่นนี้ นั่นเพราะกลุ่มทัวร์ที่เขาไปมีแฟนพันธ์แท้ของ “วังเวียง” ถึง 5 คน แล้วทุกคนกล่าวเหมือนนัดกันมา คือ “เมื่อก่อนธรรมชาติสดกว่านี้มาก” ถนนหนทางเป็นดินแดง ที่พักก็แบบชาวบ้านๆ การพูดจาแบบตรงไปตรงมามากกว่าปัจจุบัน บรรดาร้านสะดวกซื้อเมื่อก่อนไม่มีเกลื่อนกลาดแบบนี้

โรงแรมที่กลุ่มเราไปพัก ว่ากันว่า เป็นมือวางอันดับต้นๆ ของเมืองวังเวียง แต่จากสภาพที่เห็น สถานที่พักอาศัยน่าจะผ่านความสมบูรณ์มาก่อนหน้านั้นนานแล้วครับ สรุปได้ว่า อะไรก็ดูจะย่ำแย่ไปหมด จะจับอะไรมันก็พาลจะหลุดร่วงติดมือมาเสียหมด เราคงจะมาช้าเกินไปหลายปี ข้อดีคือ เราคุยกับผู้คนรู้เรื่อรู้ราวเกือบทุกคน ก็คงต้องเอาใจช่วยเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดชนิดเครือญาติก็ว่าได้ ให้เขาอยู่รอดแบบยั่งยืนไม่ใช่มาเที่ยวทำลาย แล้วก็เปิดก้นออกจากบ้านเมืองนี้ไป ทิ้งไว้เพียงซากเมืองกับความยากจนเหมือนในอดีต เมื่อก่อนชีวิตของชาววังเวียงเขาจะอยู่กันแบบสบายๆ แบบบ้านๆ ที่เป็นวิถีจริงของเขาเอง… แต่พอผ่านมานานเข้า ชีวิตก็ปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลาที่ยากจะขวางได้ พอรับเข้าไปมากก็อย่างที่เห็น คนเมืองก็ “กลืน” ชาวบ้านเสียสิ้น ความเป็นตัวตนก็จบสิ้นลง… แต่ถ้าจะเอาวิถีแบบเดิมกลับมาก็คงยากเข็ญ ครับ นี่คือ “ปลาเล็กกินปลาใหญ่” ของครูไก่เอง นั่นเพราะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กของต่างชาติมันสามารถกลืนกินชาวเมืองดั้งเดิมได้จริงๆ แล้วกินนิ่มๆ เสียด้วยครับท่าน

พอมองดูบ้านเราเรื่องการท่องเที่ยวก็ทั้งหมดเกือบจะเหมือนกันกับที่ สปป.ลาว แต่เราหนักกว่ามากมายหลายเท่าตัว กล่าวคือ “ปลาเล็ก” กลายเป็น “เอเลี่ยน” ที่ฝังตัวอยู่กับเรามาเป็นสิบยี่สิบปี เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามกันไปหมดแล้ว กว่าจะรู้ตัวอีกที “เอเลี่ยน” มันก็สูบเลือดสูบเนื้อเราไปเกือบจะเหลือแต่ซาก เห็นชัดหรือยังครับ “ปลาเล็ก” บางทีก็กลายสถานภาพแปลงตนเป็น “พยาธิหรือปลิง” คอยสูบเลือดสูบเนื้อเราอยู่ทุกวี่วันที่แหล่ะครับ พอเห็น ครม.ชุดใหม่ออกมาก็ถึงบางอ้อทันที เรื่องของ “การท่องเที่ยว” เจ้ากระทรวงเดิมที่ต้องเก็บข้าวของไปพร้อมน้ำตาน่าจะมีเรื่องของ “ปลาเล็กกินปลาใหญ่” อยู่บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
ก็อยากจะบอกว่า “ปลาเล็กปลาน้อย” เหมาะที่จะบริโภคเผื่อเพิ่มมวลกระดูกของผู้สูงอายุและเด็ก แต่จงนึกถึงก้างให้ดี ปลาแต่ละตัวย่อมมีก้างที่ผิดแผกแตกต่างกันไป หากจะกินโดยไม่ยั้งคิดระวังให้ดี “ปลาเล็กจะเขมือบปลาใหญ่” เข้าให้

เรื่องของผู้หญิง

ในช่วงสองหรือสามอาทิตย์ที่ผ่านมา เรามีหญิงแกร่งเกิดขึ้นมากมายก่ายกอง แกร่งในประเทศก็ต้องยกให้ “ครูจอมทรัพย์” ซึ่งเธอมีความแกร่งแบบผิดมนุษย์มนาเสียเหลือเกิน กล้าทำก็กล้า “รับกรรมไปก็แล้ว” นะครู.. อีกสองหรือสามคนก็สายกีฬาที่พากันสร้างแรงเชียร์ให้คนไทยได้ชื่นใจกันถ้วนหน้า ถึงจะมาจากฝีมือของเราหรือความ “ประมาท” ของคู่ต่อสู้ก็ตามที เพราะการที่จะพัตต์ระยะสองฟุตให้พลาด ครูไก่ว่ามันยากเสียกว่าพัตต์ให้ลงนะครับท่าน ให้เธอพัตต์อีก 100 ครั้ง อย่างไรก็ลง แต่อดีตนั้นย่อมไม่หวนคืนมาอีกแล้วนะจ๊ะ… นี่ถ้าเป็นวงการหมัดมวยก็คงไม่ตัวนักมวยเอง หรือใครสักคนที่กล้าทำให้มวยล้มต้มคนดูซะง้าน.. แต่นี่เป็นกอล์ฟไม่กล้าจะคิดจริงๆ แล้วยิ่งบอลไทยพวกจัดเต็มเรื่อง “บอลล้ม” เข้าไปอีก

ส่วนอีกสาวก็นี่แหล่ะวงการ “สาวงาม” ระดับโลกที่ประกวดกันมายาวนานแล้วครับ และไทยเราก็ได้มาสองคน จากคนแรก “คุณปุ๊ก” มาคนที่สอง “คุณปุ๋ย” ถึงปัจจุบันก็กว่า 50 ปี เข้าไปแล้ว เราก็เฉียดไปเฉียดมา ถึงปีนี้ เรามาไกลโขอยู่ นั่นคือเข้า 5 คนสุดท้าย พอคำถามที่เล่นเอานักวิชาการก็เป็น “ประสาทเสีย” ได้เหมือนกันที่จะตอบได้แบบ “เนียนๆ” กับเวลาที่มีอยู่น้อยนิด แต่เท่าที่สังเกตดูว่ารูปแบบการประกวดประชันกันในเวลานี้ นอกจากจะสวยเก่งแล้ว สภาพของหน้าตาครูไก่ว่ามีส่วนมากอยู่นะ

การประกวดที่มีกรรมการเป็นชาว “ฝรั่งมังค่า” มาตรฐานคงจะต้องสวยแบบ “ฝรั่ง” เขาแหละ หนังหน้าจะสวยแบบไทยๆ คงยากมาก เท่าที่ดูมาก็หน้าเรียว จมูกโด่ง ตาคมๆ สูงโปร่ง ซึ่งลักษณะเช่นนี้ตกอยู่โน่น แถบๆ เวเนซูเอล่า ขึ้นมายัน รัสเซีย หรือแถบเอเชียก็ไปแบบสู้ได้แบบพอฟัดพอเหวี่ยงมีแขกขาวทั้งหลายทั้งปวง แต่ชาว “ทะเลทราย” แถบนั้นไม่นิยมอวดโฉมโนมพรรณแบบนี้ ด้วยเรื่องของศาสนาและวิถีชีวิตของชาวทะเลทรายเอง..?แต่เชื่อหรือไม่ครับ “สาวในผ้าคลุมแบบที่เห็น” ครูไก่ว่ามีความงามได้ไม่แพ้สาวใดในโลก เหมือนกัน

ส่วนไทยเราลุ้นกันแบบวินาทีต่อวินาทีกันเลยทีเดียว แล้วดูท่าจะไปได้เนียนด้วย สุดท้ายก็ “ถุยกับคำถาม” ที่พิลึกกึกกือ จอดแค่ห้าคนพอ… แต่ลองสังเกตดูนะครับ รูปหน้าจะไปสาย “ฝรั่ง” ทั้งสิ้น ไทยแท้หรือเอเชียเลือดร้อยรอไปก่อนนะครับ

ครูไก่ ลำพอง ดวงล้อมจันทร์