ดร.นาที รัชกิจประการ
ดร.นาที รัชกิจประการ
ประธานคณะกรรมการบริหาร
บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี พัทลุง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด
“จะเรียนหนังสือยังไงก็ไม่มีทางจบ” ทันทีที่ได้ยินหมอดูชื่อดังกล่าว คำพูดประโยคนี้ก็ได้บาดเข้าไปในใจของ “คุณเปี๊ยะ” (ดร.นาที รัชกิจประการ) แบบฝังลึก แล้วไม่ใช่แค่คนเดียวเท่านั้น หมอดูที่ว่าแม่นๆ ทั้งหลาย ต่างทักตรงกันเสียด้วย.. เมื่อเจอการสบประมาทในอนาคตแบบนี้ มีหรือที่หญิงแกร่งอย่างเธอจะยอมแพ้ คุณเปี๊ยะจึงตั้งใจฝืนคำทำนาย แล้วหันมาลิขิตชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ
“ชีวิตนี้ต้องเรียนจบปริญญาเอกให้ได้” นั่นคือคำมั่นที่เธอสัญญากับตัวเองตั้งแต่วันนั้น จนในที่สุด ณ วันนี้ ปริญญาเอกใบที่สอง กำลังจะตอกย้ำให้ขอบคุณคำทำนายที่เคยบั่นทอนจิตใจ จนทำให้ชีวิตได้พลิกผัน มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จในแบบที่ยากจะหาจากใครได้ง่ายๆ
คุณเปี๊ยะ ยังเล่าต่อถึงคำทำนายเมื่อครั้งก่อนอย่างติดตลกอีกว่า “หมอดูยังบอกอีกว่า คู่ของเปี๊ยะคนนี้ ยังไงก็ไปด้วยกันไม่รอด ไม่ได้แต่งงานกันหรอก”.. ณ ตอนโน้น คำทำนายนี้ก็ทำให้รู้สึกหวาดหวั่นเช่นกัน เพราะเมื่อสมัยก่อน แฟนคุณเปี๊ยะเป็นคนเชื้อสายจีน ส่วนเธอเป็นคนไทย นั่นคือกำแพงสูงในชั้นแรก และความแตกต่างของฐานะในแบบ “เธอรวยฉันจน” ยิ่งทำให้กำแพงอุปสรรคนี้ถูกก่อให้สูงขึ้นไปอีก
แต่ ลิขิตฟ้า หรือ จะสู้มานะตน คุณเปี๊ยะ ค่อยๆ ไล่ลบคำทำนายในเชิงลบต่างๆ ให้หมดได้ในเวลาไม่นาน เธอสมัครเข้าเรียนต่อที่ วิทยาลัยครูสวนสุนันทา (ในสมัยนั้น) เอกภาษาอังกฤษ โท นาฏศิลป์ จนจบ คว้าปริญญาตรีได้สำเร็จ
ชีวิตการเป็นลูกพระนางของคุณเปี๊ยะนับว่าแปลกกว่าคนอื่นพอสมควร เพราะเธอเข้าเรียนในวัยที่สูงกว่าเพื่อนร่วมชั้น จึงเป็นเหมือนเจ๊ใหญ่ใจดี ที่น้องๆ ให้ความรักและเคารพ ใครมีปัญหา ต้องการความช่วยเหลืออะไร ก็จะเรียกหา เจ๊เปี๊ยะๆ ตลอด ซึ่งเธอก็คอยดูแล ให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งพาของคนรอบข้างมาโดยตลอดเสมอมา
ถึงแม้ชีวิตจะมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน แต่คุณเปี๊ยะ ก็ไม่เคยคิดจะใช้ความพร้อมให้เกิดประโยชน์แค่ในเรื่องชีวิตที่สุขสบายของตัว ดังนั้นพอเรียนจบปริญญาตรี ก็บินไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษทันที การไปเมืองนอกจึงไม่ใช่แค่การไปเรียนเอาความรู้ในห้องสี่เหลี่ยม แต่เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับการใช้ชีวิต การทำธุรกิจ เธอจึงเริ่มด้วยการทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร เรียนรู้ให้ลึกซึ้งว่างานในแขนงนี้เขาทำกันอย่างไร เพื่อจะได้เปิดร้านอาหารไทยของตัวเองบ้าง
“โชคดีมาก ที่ ณ เวลานั้น ทางการไทยกำลังรณรงค์ให้เปิดร้านอาหารไทยในประเทศอังกฤษพอดี จนเราสามารถเปิดได้ถึงสองแห่งด้วยกัน ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีเพื่อนที่เรียนสวนสุนันทามาด้วยกัน แล้วเราก็ชักชวนให้ตามมาเรียนต่อที่อังกฤษอีก พร้อมกับช่วยงานของเราไปด้วย ตอนหลังๆ ก็ได้คนโน้นคนนี้มาช่วยกันเพิ่มมากขึ้น ทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี เพื่อนๆ ก็ประสบความสำเร็จ”
ถึงแม้จะสนุกกับการทำงาน เรื่องเรียนก็ไม่ได้ทิ้ง แต่ต้องใช้เวลามากสักหน่อย เพราะต้องต่อสู้กับภาระหน้าที่หลายด้าน ตั้งแต่ไปอยู่ใหม่ๆ ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ปีเต็มๆ กว่าจะได้เปิดร้าน พอเปิดร้านก็ต้องวุ่นอยู่กับการบริหารจัดการอีก เรื่องเรียนจึงเป็นเรื่องรองในช่วงแรกๆ
ความรู้เอกภาษาอังกฤษที่พกพาไป สร้างความมั่นใจให้กับเธอเป็นอย่างมากในช่วงแรก จนเมื่อไปถึงจริงๆ กลับพบว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดคิดไว้เลย ทุกอย่างดูยากไปหมด ฟังเขาไม่ออก พูดไปเขาก็ไม่เข้าใจ ต้องไปเรียนเพื่อปรับตัวด้านภาษาอีกพักใหญ่ ยังดีที่การทำงานในร้านอาหารทำให้พัฒนาภาษาอังกฤษได้เร็ว จนพร้อมเข้าเรียนในระดับปริญญาโท
แต่สิ่งไม่คาดฝันในชีวิตก็เกิดขึ้นในปีนั้นเอง เพราะขณะที่ไปเรียน แฟนของคุณเปี๊ยะก็กำลังพัฒนาธุรกิจให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และได้รับการทายทักมาว่า ปีนี้ต้องมีงานมงคล แล้วชีวิตจะรุ่งเรืองมากๆ
“แฟนบอกที่บ้านว่า เราผ่านช่วงสุขที่สุด ทุกข์ที่สุด มาด้วยกัน ถ้าไม่ให้แต่งกับเปี๊ยะ เขาก็จะไม่แต่งกับใครเลย” เมื่อเจอไม้นี้ ทางบ้านของฝ่ายชายก็ยอม และโทรทางไกลไปถาม วันเดือนปีเกิด เพื่อหาฤกษ์ แบบที่คุณเปี๊ยะเองก็ยังงงๆ ว่าทำไมถึงได้อนุญาตให้แต่งงานกันได้ และบินกลับมาทำพิธีอย่างถูกต้อง ก่อนจะต้องกลับไปอังกฤษเพื่อสะสางธุรกิจและเรียนต่อให้จบ
เพราะความผูกพันที่มีกับสวนสุนันทา ทำให้แวะเวียนมาร่วมกิจกรรมต่างๆ อยู่เสมอมิได้ขาด พอกลับจากอังกฤษพอดีที่นี่เปิดสาขาการจัดการคุณภาพ QM (Quality Management) อาจารย์ก็ชักชวนให้มาเรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมอยู่พอดี จึงเข้าเรียนจนจบหลักสูตร
ถึงแม้ได้รับปริญญาโทเพิ่มอีกหนึ่งใบแล้ว แต่คำทำนายทายทักว่า “ยังไงก็เรียนไม่จบ” ยังคงก้องอยู่ในหัว ทำให้คุณเปี๊ยะตั้งใจสานฝันตัวเองต่อให้สุดเส้นทาง ด้วยการตั้งใจทำปริญญาเอก และตัดสินใจเข้าศึกษาที่คณะศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย จนได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตสมความตั้งใจ…
“ปกติเปี๊ยะเป็นคนใจร้อนมาก ไม่คิดก่อนพูด บทสรุปสำคัญของการเรียนรู้ในหลักศาสนาที่ได้รับก็คือ ทำให้รู้จักช้าลง ใจเย็นลง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด รู้จักว่าการทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะต่างๆ นั้น ย่อมแตกต่างกันไป เช่น เมื่อมีหน้าที่ต่อลูก ก็ต้องเป็นแม่ที่ดี ต่อสามี ก็ต้องเป็นภรรยาที่ดี ไม่ว่าจะทำอะไรต้องรู้ตัวเองตลอดว่า ขณะนี้ทำอะไรอยู่ แล้วก็จงทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด”
ในเรื่องการทำงาน ดร.นาที ผ่านมาแล้วหลากหลายหน้าที่ ทั้ง ส.ส., ประธานคณะกรรมการสตรีฯ, ประธานสโมสรฟุตบอลพัทลุง, เรียนหลักสูตร วปอ., เรียนหลักสูตร พระปกเกล้าฯ ทำทั้งหมดนี้พร้อมๆ กัน จนสามีบอกว่า ถ้าผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ชีวิตนี้เธอไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว และอีกสิ่งหนึ่งที่ได้ต่อสู้รณรงค์มาตลอด นั่นคือ เรื่องสิทธิสตรีที่นับวันยิ่งมีบทบาทก้าวขึ้นมาทัดเทียมกันในสังคม “ผู้หญิงทำงานเยอะมาก แต่ก็มักจะถูกลืมอยู่เสมอ ในอดีตนั้น กฏหมายแต่ละฉบับก็ไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้กับผู้หญิงเลย ส.ส.นาที คนนี้แหล่ะที่ได้ริเริ่มนำปัญหานี้เข้าสู่สภาฯ อย่างจริงจัง”
ประสบการณ์จากการทำปริญญาเอก ทำให้ ดร.นาที สามารถนำหลักคำสอนของศาสนาพุทธ มาประยุกต์ใช้กับการทำงานได้อย่างกลมกลืน
“ทุกครั้งที่มีโอกาสอภิปราย ไม่ว่าจะประเด็นใดก็ตาม จะโยงหลักศาสนาเข้ามาเป็นหลัก ด้วยเสมอ และไม่สนับสนุนให้พูดคำหยาบในสภาฯ เพราะในเมื่อคุณเป็น 1 ใน 500 คน ที่ประชาชนเลือกเข้ามา คุณต้องเป็นต้นแบบที่ดีในด้านความคิด การพูด การกระทำ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน”
เมื่อจะมีการเปิดหลักสูตรปริญญาเอก สาขาวิชานวัตกรรมการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ดร.นาที ได้รับเชิญให้มาเป็นคณะอำนวยการฯ ที่ผ่านมาก็เคยวิพากษ์หลักสูตร ให้กับสาขาต่างๆ มาแล้ว มีทั้งประสบการณ์ทางด้านการบริหาร, มีทฤษฎีรองรับ และยังได้บรรยายการประยุกต์ใช้หลักธรรมในการดำเนินชีวิต ให้กับ นักศึกษา องค์กรสตรี และภาคประชาชนอยู่บ่อยครั้ง
และสิ่งหนึ่งที่จะทำให้รู้ลึกซึ้งถ่องแท้ว่าหลักสูตรที่สอนนั้น จะขยายขอบเขตความรู้ในสิ่งที่ตนเองอยากรู้ เปิดมุมมอง คิดวิเคราะห์ได้ 360 องศา สมองได้รับการกระตุ้น ปรับตัวกับสิ่งที่ท้าทาย สามารถทำงานที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมีแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนตลอดเวลา ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ว่า หลักสูตรนี้จะบรรลุผลได้ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ นั่นก็คือต้องเป็นผู้เรียนเองด้วย การเรียนปริญญาเอกแตกต่างจากในระดับปริญญาตรีหรือโท เป็นการนำเอาคนที่ผ่านประสบการณ์บริหารจัดการมาแล้วมารวมตัวกัน เรียนแล้วต้องนำไปใช้งานได้จริง ไม่ใช่เรียนไปแล้วนำไปใช้อะไรไม่ได้เลย นั่นคือสาเหตุหลักที่ทำให้ต้องมาเรียนปริญญาเอกใบที่สอง
ปัจจุบัน ดร.นาที ทำงานเพื่อสังคมหลากหลายบทบาท โดยเฉพาะกับพื้นที่จังหวัดพัทลุงที่รับผิดชอบโดยตรงมาตั้งแต่แรกเริ่ม ทั้งเป็น ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดพัทลุง, ประธานสมัชชาสตรีจังหวัดพัทลุง และ ประธานบริหาร บริษัทประชารัฐรักสามัคคีพัทลุง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ทำทั้งเรื่อง เกษตร 4.0, สินค้าแปรรูป และการท่องเที่ยวชุมชน
“จังหวัดพัทลุงเป็นเมืองที่ยังคงไว้ในเรื่องราวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาตั้งแต่อดีต เรามีทั้งวัดและวัง มีธรรมชาติสวยงาม ทั้งป่าเขา ถ้ำ น้ำตก ทะเลสาบ อาหารการกินก็บริบูรณ์ โดยเฉพาะ ปลา 3 น้ำ, กุ้ง 3 น้ำ (น้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม) รสชาติอร่อยมาก และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นไฮไลต์อีกแห่งก็คือ สะพานแห่งความสุข (สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550) ซึ่งติดอันดับถนนที่สวยที่สุดของประเทศไทย มีสัตว์เฉพาะถิ่นที่ขึ้นชื่อหลายคนอยากจะมาดูความน่ารักของ ควายน้ำ ดำน้ำกินบัว และยังเป็นแหล่งนกนานาพันธุ์ ให้ผู้นิยมได้เฝ้าดู เรายังมี ข้าวสังข์หยด ซึ่งสามารถนำมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น เครป, ซอร์ฟไอสกรีม เราเพิ่งเปิดตัวไปในงาน “เที่ยวหนุก กินหรอย ย้อนรอยเมืองลุง” เมื่อเร็วๆ นี้ ได้กระแสตอบรับดีมาก ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น”
“เมืองพัทลุงยังมีของดีที่น่าสนใจอีกมาก จน ณ วันนี้หลายๆ ภาคส่วนให้ความสนใจกับจังหวัดพัทลุง ยกให้เป็นหนึ่งใน “เมืองต้องห้าม..พลาด” อีกหนึ่งแห่งแล้วค่ะ”