Interview

ภาศิริ เจริญลาภ คาร์วาลโย

ภาศิริ เจริญลาภ คาร์วาลโย
Transit Station Restaurant

“เป็นเด็กชอบลองของค่ะ” คุณพลอยให้นิยามตัวเองทันทีที่เริ่มบทสนทนา

คุณแม่ออกคำสั่งเลยว่า “เธอต้องอยู่กับแม่” ขณะที่พี่และน้องถูกส่งไปเรียนต่างประเทศ แต่ลูกคนกลางอย่างคุณพลอย อยากจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเหมือนกับพี่และน้อง ก็ถามแม่ว่าทำไมไม่ให้ไปเรียนนอกบ้าง แม่ก็ตอบว่า “อยู่ไหนเธอก็เรียนได้ โรงเรียนเซ็นโยฯ ก็สอนภาษาดีอยู่แล้ว” แต่ในใจเธอนั้นอยากจะมีประสบการณ์ในเรื่องการใช้ภาษาจริงๆ จังๆ กับเจ้าของภาษาแท้ๆ และอยากจะลองอยู่ห่างจากคุณพ่อคุณแม่ดูบ้าง

“พลอยแอบไปสอบชิงทุนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ตอนแรกคุณแม่ยังไม่รู้ เพราะรอให้สอบได้ก่อนถึงจะไปบอก” แล้วเธอก็ได้คำปฏิเสธกลับมาเลยทันทีเช่นกัน ด้วยความเป็นห่วงของแม่ ซึ่งตอนนั้นเธอเองก็ยังไม่เข้าใจหัวอกแม่ คิดอยู่แค่อย่างเดียวก็คือ.. ทำไมแม่ไม่ให้ไป?

หนทางที่จะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ เธอต้องอาศัยตัวช่วยคนสำคัญ “คุณยายไปเป็นทูตช่วยเจรจาให้ จนในที่สุดคุณแม่ถึงได้ยอม” คุณพลอยได้ไปในโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เมืองเล็กๆ ในรัฐเทนเนสซี่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่มีคนไทยอยู่ที่นั่นเลย สนุกตรงที่ได้ใช้ภาษาอย่างเต็มที่ ถ้าไม่พูด ไม่ทำความเข้าใจ ก็จะอยู่ไม่ได้ ทำให้ทักษะในเรื่องภาษาพัฒนาได้เร็วมาก และยังได้พักอยู่กับโฮสต์เฟมมิลี่ที่นั่น คอยให้ความช่วยเหลือดูแลเธอเป็นอย่างดีอีกด้วย

เมื่อกลับมา ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดขึ้นคือเรื่องความมั่นใจในตัวเอง… “จากเดิมที่พลอยคิดว่า เป็นคนที่มีความมั่นใจอยู่มากพอสมควรแล้ว ก็มากขึ้นไปอีกค่ะ”

อีกหนึ่งภารกิจ หลังกลับมาก็คือ การเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย.. “พลอยตั้งใจไว้ว่าอยากเรียนคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ แต่รู้สึกว่าตัวเองเตรียมตัวค่อนข้างน้อย ไม่คิดว่าจะสอบได้ เตรียมหาแผนสำรองว่าจะไปเรียนที่ไหนดี ใจยังอยากจะเลือกเรียนในแนวออกแบบผลิตภัณฑ์เหมือนกัน แต่พอประกาศผลออกมาแล้วติดในคณะที่ตั้งใจไว้ รู้สึกดีใจมาก เพราะไม่คาดคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะทำได้”

พอได้เข้าไปเรียน สิ่งที่มากกว่าความสนุกคือความเหนื่อย เพราะเรียนหนัก ทำงานหนักมาก.. “ดีใจที่ได้อยู่ในสังคมที่มีแต่เพื่อนดีๆ” แต่ในที่สุด พลอยก็ไม่ได้ใช้สิ่งที่เรียนมาเพื่อประกอบอาชีพโดยตรง สาเหตุหลักก็คือ เธอต้องการความก้าวหน้าในชีวิตอย่างเร็วที่สุด

ตอนกลับจากอเมริกาใหม่ๆ ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยฯ ปีหนึ่ง พลอยเคยเปิดร้านกาแฟของตัวเอง เรียนไปด้วย ทำงานหาประสบการณ์ไปด้วย เริ่มจากไม่รู้อะไรเลย จนจัดการทุกอย่างในร้านได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ดื่มกาแฟ แต่อยากจะลองทำธุรกิจดูบ้าง โดยมีน้าตา น้าสาวสุดที่รัก คอยให้ความช่วยเหลือ แนะนำเรื่องต่างๆ มาตลอดจนเกิดความสนิทสนม กลายเป็นคู่ซี้ต่างวัย

ด้วยความอยากจะก้าวกระโดดในชีวิต เลยไปสมัครเป็นแอร์ฯ ประจำอยู่ที่การ์ต้า เพราะคิดว่างานบริการก็เป็นอีกงานหนึ่งที่ตัวเองชอบ รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขที่ได้ทำอะไรให้คนอื่น มากกว่าจะได้รับจากคนอื่น ทำให้ได้เรียนรู้ว่า งานบริการบนเครื่องบินนั้นมีปัญหาเข้ามาให้แก้ไขอยู่ตลอดเวลา แต่ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ พอจบเที่ยวบินนั้น ก็ถือว่างานเสร็จสิ้นทันที ไม่ต้องมีปัญหาตามมาให้แก้ไข วันรุ่งขึ้นก็ไปเจอเรื่องราวใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำกับของเดิมอีก ทำให้รู้สึกสนุกและไม่เบื่อกับงานที่ทำเลย

แต่เมื่อมีครอบครัว ชีวิตก็เปลี่ยนไปทันที จากอาชีพที่ต้องเดินทาง กลายมาเป็นคุณแม่ ทำงานบ้านดูแลครอบครัว คุณพลอยเคยไปเปิดร้านอาหารที่ประเทศบราซิล บ้านเกิดของสามี จนเมื่อคุณสามีได้งานที่อาบูดาบี เขาก็ต้องสะสมวันหยุดให้ยาวๆ เพื่อจะได้กลับมาหาครอบครัว ซึ่งถ้าคุณพลอยและลูกๆ อยู่ที่ประเทศไทยจะสะดวกกว่ามาก ใช้เวลาบินแค่ไม่กี่ชั่วโมง ประกอบกับคุณแม่อยากให้กลับมาช่วยงานของทางบ้าน จึงตัดสินใจกลับมาสานต่องานร้านอาหารซึ่งขาดคนดูแลอยู่พอดี

พลอยต้องเดินทางไปกลับอยู่หลายรอบระหว่างทำร้านอาหารที่บราซิล จนกระทั่งคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะกลับมาช่วยงานของครอบครัว ทำหน้าที่ดูแลเรื่องศูนย์ซ่อมรถยนต์ แล้วยังขยับไปเป็นผู้จัดการฝ่ายซ่อมเมื่อได้เปิดเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เพิ่มอีก จนมีประสบการณ์จากการทำงาน จากความที่เป็นคนไม่กลัวอะไรเลย อยากทำอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอด แม้กระทั่งในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่มีความรู้มาก่อน แต่ก็สามารถเรียนรู้กันได้ “พลอยเชื่อว่าไม่มีอะไรที่คนเราทำไม่ได้ เราทำได้ทุกอย่าง แต่ต้องเรียนรู้กันก่อน”

“งานร้านอาหาร เจ้าของต้องอยู่เฝ้าตลอด ถึงจะประสบความสำเร็จ” เพราะมีความเชื่อในเรื่องการให้บริการลูกค้าด้วยตัวเอง และยังเป็นเรื่องที่คุณพลอยมีประสบการณ์ตรงมาแล้ว จึงเชิญคุณตุ๊กตา (คุณสุรีย์พร วิมลชัยฤกษ์) น้าสาวสุดที่รัก ที่สนิทที่สุด ให้มาช่วยกันกำกับดูแลอีกแรง ซึ่งคนนี้แหล่ะที่คอยให้ความช่วยเหลือ คอยให้คำแนะนำ มาโดยตลอดตั้งแต่เธอยังเด็กๆ โดยเฉพาะในเรื่องการทำธุรกิจด้านร้านอาหาร

“เรามานั่งคุยกัน แล้วสรุปได้ว่า ถ้าจะทำร้านอาหารที่ไหน ก็ต้องสำรวจตลาดว่า คนที่จะมาเป็นลูกค้าของเราคือใคร ร้านเราตอบโจทย์ได้ไหม เพราะต่อให้ทำร้านดีแค่ไหน แต่ไม่มีคนเข้า ก็ไร้ประโยชน์ หน้าที่ของเราก็คือ ทำร้านให้มีคนเข้า และทำให้กลายเป็นลูกค้าขาประจำ”

ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนโฉมของร้าน ทาน ซิท จึงเป็นการปรับทางด้านนโยบาย เพื่อให้รองรับกับความต้องการของพนักงาน คนทำงานที่อาศัยอยู่ในย่านพหลโยธิน รัชดา จากเดิมที่เน้นอาหารจานหรู ก็กลายมาเป็น อาหารจานด่วนเพื่อให้ทันเวลาพัก แต่.. ไม่ใช่แค่เร็วเท่านั้น สิ่งที่ตามมาด้วยคือ คุณภาพและบริการระดับมาตรฐานร้านหรู ในราคาประหยัดอย่างเหลือเชื่อ จนลูกค้าหลายรายถึงกับเอ่ยปากถามว่า ขายราคานี้แล้วได้อะไร? จะเหลือกำไรพอรึเปล่า? ซึ่งคำตอบของคุณน้าและคุณหลานก็ชัดเจนมาก ประสานเป็นเสียงเดียวกันว่า “เราทำงานไม่เน้นกำไร ทำแบบแค่พออยู่ได้ อยากให้มีคนเข้าร้านกันเยอะๆ ลูกค้ากินข้าวร้านเราแล้วมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย นั่นแหล่ะคือกำไรที่เราอยากเห็น แล้วต่อไปธุรกิจก็จะดีขึ้นเอง”

หลังจากเปลี่ยนความคิดในการทำธุรกิจ มาเป็นแสวงหาความสุข ทาน ซิท ก็คึกคักขึ้นมาทันที ลูกค้าเริ่มเข้ามามากขึ้น พร้อมกับบอกต่อกันไปเรื่อยๆ ทำให้ทุกวันช่วงเที่ยงมีลูกค้าเต็มพื้นที่ และในช่วงบ่ายก็ยังมีลูกค้าอีกกลุ่มที่ชอบ นั่งชิล จิบกาแฟ ก็ทำได้สบายมาก เพราะร้านตกแต่งไว้อย่างลงตัว นั่งเพลินทุกมุม และยังขยายไลน์การส่งอาหารตามสั่ง รับทำอาหารกล่อง หรือแม้กระทั่งจัดอาหารตามงานเลี้ยง ก็ทำได้ครบถ้วน

นอกจากนี้ คุณพลอยยังทำคุ้กกี้รสอร่อยสไตล์นุ่มนิ่มให้ชิมกันตามออร์เดอร์ โดยเป็นกิจกรรมความชอบส่วนตัว ซึ่งเธอเริ่มจากการดูตัวอย่างผ่านโซเชี่ยลแล้วมาฝึกฝนตาม อีกทั้งยังได้เพื่อนที่เป็นเชฟขนมตัวจริงมาช่วยสอน ช่วยแนะนำให้อยู่เรื่อยๆ จนเป็นที่ยอมรับว่าอร่อยไม่แพ้ใคร

ในเรื่องสุขภาพ คุณพลอยก็ให้ความสำคัญไม่น้อย เพราะหวานใจของคุณพลอยเป็นถึงนักกีฬาเทควันโด้ทักษะสูง ชอบการออกกำลังกาย ทำให้คุณพลอยเคยติดตามไปด้วย และหนึ่งในกีฬาที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยก็คือ มวยไทย ที่คุณพลอยได้ไปรู้จักครั้งแรกไกลถึงบราซิล แล้วได้ฝึกหัดกับครูมวยชาวบราซิล ซึ่งเขาก็รู้สึกดีใจและแปลกใจที่มีคนไทยไปเรียนด้วย “ช่วงนั้นคลอดลูกคนที่สอง มีส่วนเกินเยอะ อยากเล่นกีฬาเพื่อลดน้ำหนักบ้าง พอเล่นได้สักพักแฟนก็เลิก แต่เรายังไม่ยอมเลิก รู้สึกว่าสนุก และเห็นผลเลยว่าสุขภาพร่างกายดีขึ้น แข็งแรงอย่างเห็นได้ชัด” และนั่น ทำให้คุณพลอยติดนิสัยชอบออกกำลังกาย สนุกกับการได้เหงื่อ ถึงแม้ว่าบางครั้งเวลาอาจจะไม่ลงตัวมากนัก แต่ก็พยายามเล่นทุกครั้งที่มีโอกาส

เมื่อทราบถึงความหลากหลายในการเป็นผู้หญิงเก่งงานแล้ว เราก็อยากจะเจาะลึกไปว่า ความสุขแบบไหน คือสิ่งที่คุณพลอยต้องการ

“พลอยอยากเป็นแม่บ้าน อยากเลี้ยงลูก อยากดูแลด้วยตัวเอง เพราะเห็นได้ชัดเลยว่า ในสมัยก่อนสิ่งแวดล้อมต่างๆ ยังไม่น่ากลัวเหมือนกับสมัยนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องอยู่ใกล้ชิดกับลูก การมีลูกไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีเป็นเรื่องยากมาก ถึงแม้เราจะเลี้ยงลูกสองคนเหมือนกันทุกอย่าง แต่นิสัยยังต่างกันได้ ทำอย่างไรเราถึงจะเลี้ยงดู อบรมให้เป็นคนดีของสังคมได้ พลอยเข้าใจหัวอกของคุณแม่อย่างลึกซึ้ง ก็เมื่อมีลูกเองนี่แหล่ะ”

“เมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดว่าจะชอบเรื่องธรรมชาติ แต่พอไปอยู่ที่บราซิลในเมืองเล็กๆ ที่ห่างออกไปจากเมืองใหญ่ รู้สึกมีความสุขมาก ชอบในความสงบเงียบ ได้เปิดร้านอาหาร ทำงานเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก อยากใช้ชีวิตเรียบง่าย อยู่บ้านแบบชนบท ปลูกผักปลูกหญ้า นั่นแหล่ะคือความสุขที่แท้จริงของชีวิตพลอยค่ะ”