เรือดำน้ำไทย (เมื่อไหร่จะโผล่)
เรือดำน้ำไทย (เมื่อไหร่จะโผล่)
เรื่องของ “เรือดำน้ำ” นี่มันมีโครงการจัดหามาเนิ่นนานเต็มที แต่จนแล้วจนรอดก็เหมือน “คลื่นกระทบฝั่ง” คือเงียบหายกันไป จากโครงการของกองทัพเรือ ที่ส่งนายทหารของกองทัพไปดูงานการต่อเรือดำน้ำชั้นนำของโลกในฝั่งยุโรป ทั้งในประเทศสวีเดนและรัสเซีย เรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 โน่นแล้วครับ ส่วนบรรดาทีมงานของกองทัพเรือจะมีใครบ้างนั้น เดี๋ยวคงได้ทราบกัน
เอกสารที่ครูไก่มีอยู่นี่เป็นเอกสารรายงานการเดินทางไปดูงานในครั้งนั้นครับ แล้วก็ได้รับการอนุญาตจากอดีตนายทหารท่านนี้เป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นทุกคำที่ท่านจะได้ทราบ เป็นเรื่องที่สามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่ ปี, เดือน, วัน และ เวลา ครับ… และนี่คือคำกล่าวของ พลเรือเอกประวิทย์ ศิวรักษ์
“เมื่อเร็วๆ นี้ พลเรือเอก Datuk Ilyas Bin Haji Din ผู้บัญชาการทหารเรือมาเลเซีย ผู้ทำให้ความฝันของกองทัพเรือมาเลเซียที่อยากจะมีเรือดำน้ำมานานถึง 30 ปี ให้เป็นความจริง ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นธรรมดาอยู่เองที่ทหารเรือของทุกประเทศ ย่อมปรารถนาจะมีเรือดำน้ำ เพราะถือว่าเป็นยอดของอาวุธทางเรือทีเดียว กองทัพเรือมาเลเซียได้วางแผนที่จะมีเรือดำน้ำมายาวนานถึง 30 ปี และเพิ่งจะประสบความสำเร็จ กองทัพเรือมาเลเซียได้ใช้งบประมาณไปอย่างมากสำหรับโครงการนี้ และตั้งแต่ปี 2528 ก็ได้เริ่มส่งคนไปฝึกที่ประเทศออสเตรเลีย ตุรกี ฝรั่งเศส เยอรมันนี ปากีสถาน และสวีเดน ขณะนี้ก็ได้เริ่มฝึกในเรือดำน้ำจริงกันแล้ว คือฝึกกันในเรือชั้น Agosta ของฝรั่งเศส ส่วนเรือดำน้ำของมาเลเซียนั้นเป็นชั้น Scorpene ท่านได้ให้สัมภาษณ์ต่อไปว่า รัฐบาลมาเลเซีย ยอมรับในเรื่องการจัดหาเรือคอร์เวตชั้น MEKO ให้กองทัพเรือจำนวน 6 ลำ โดยให้ต่อใน เยอรมันนี 2 ลำ อีก 4 ลำให้ต่อในมาเลเซีย เพื่อเป็นการถ่ายทอดทางเทคโนโลยี และเขาหวังว่า มาเลเซียจะสามารถต่อเรือ คอร์เวต ชั้น MEKO และเรือดำน้ำชั้น Scorpene ได้ในราวปี 2563 (อีกสิบกว่าปีเท่านั้น) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในด้านอุตสาหกรรมต่อเรือของมาเลเซีย ฟังดูแล้วก็สะท้อนในหัวอกกองทัพเรือไทย ได้คิดที่จะมีเรือดำน้ำมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระราชบิดา และมีจริงเมื่อก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่กี่ปี ซึ่งถ้านับมาถึงบัดนี้ก็กว่าหกสิบปีมาแล้ว เรามีเรือมาตั้งแต่ประเทศมาเลเซียยังไม่ถือกำเนิดมาในโลกนี้ แต่เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เราก็ต้องปลดระวางเรือดำน้ำไป และไม่สามารถหามาทดแทนได้ แต่เราก็มีแผนที่จะจัดหาเรือดำน้ำมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายว่า เราไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล แถมมีพวกอวดรู้ที่คอยขัดขวางอีกด้วย”
“เช่นบอกว่าอ่าวไทยเล็กนิดเดียว เรือดำน้ำจะไปซ่อนที่ไหนได้ บางท่านก็อวดรู้ว่า น้ำทะเลบ้านเราไม่ลึกเท่าไหร่ แถมยังใสอีกต่างหาก ไม่ว่าจะดำอยู่ที่ไหน พอเอาเครื่องบินบินผ่านก็จะเห็นหมด เพราะฉะนั้น อย่าเอามาเลย เสียสตางค์เปล่าๆ ไอ้พวกอวดรู้นี่ ดันมีพลังพอที่จะปัดแข้งปัดขาเราได้เสียด้วย กองทัพเรือก็เลยต้องกินแห้วไป พวกนี้ไม่รู้แถมไม่ฟังอีกด้วยว่า คุณประโยชน์ของเรือดำน้ำนั้น มหาศาลเพียงใด ถ้าเรามีเรือดำน้ำ แม้จะเพียงลำเดียวก็ตาม (จริงๆ แล้วจะต้องมีถึง 3 ลำ คือลำหนึ่งอยู่ในยุทธบริเวณ อีกลำหนึ่งพร้อมไปเปลี่ยนหรือไปร่วมทำการรบ และอีกลำหนึ่งจะต้องรับการซ่อมทำ) ประเทศที่เคยเป็นคู่สงครามเราก็จะต้องหนาวๆ ร้อนๆ ตลอดเวลา เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่า เรือดำน้ำของเราอยู่ที่ไหน และจะเข้ามาต่อตีเมื่อใด”
“ประเทศที่คิดจะเป็นคู่สงครามกับเราในอนาคตก็จะต้องลงทุนอีกมหาศาลในการเตรียมการเพื่อป้องกันและปราบเรือดำน้ำ ดังนั้นแม้จะมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน เขาก็จะต้องคิดแล้วคิดอีก ว่าจะรบกับเราดี หรือจะเจรจาโดยสันติ และนี่ก็คือยุทธศาสตร์ หรือ นโยบายจากปลายกระบอกปืนนั่นเอง ไม่ทราบว่าท่านผู้ (อวด) รู้ทั้งหลายจะถึงบางอ้อกันหรือเปล่า ที่ว่าอ่าวไทยแคบ ไม่ลึก และน้ำใส ก็อยากจะบอกให้เป็นความรู้ไว้ว่า เวลาเราฝึกปราบเรือดำน้ำนั้น เรือดำน้ำเขาจะแล่นบนผิวน้ำ ออกไปจากระยะที่เราจับเขาได้ด้วยโซนาร์ (คือการส่งคลื่นเสียงไปใต้น้ำ เมื่อคลื่นเสียงกระทบกับเรือดำน้ำก็จะสะท้อนกลับมาทำให้เราทราบว่าเป็นเรือดำน้ำ) เมื่อพ้นระยะโซนาร์แล้วแต่ยังอยู่ในสายตา เราก็ยังมองเห็นๆ อยู่ เขาก็จะบอกว่า, เอาละนะ จะดำละนะ เหมือนการเล่นซ่อนหายังไงยังงั้น ว่าแล้วเขาก็ดำลงไปต่อหน้าต่อตา เราก็ให้เวลาเขาสักหน่อย พอได้ตั้งตัวหาวิธีหลบหลีก แล้วเราก็ดาหน้ากันเข้าไปค้นหา พูดแล้วเหมือนโกหก บางครั้งเราระดมทั้งเรือ ทั้งเครื่องบินก็หาเรือดำน้ำไม่เจอ ในการฝึกบางครั้งเขาเห็นว่าเราหลงทางหาเขาไม่เจอแล้ว เขาก็ต้องยิงพลุขึ้นมาให้เห็น คล้ายกับจะบอกว่า ฉันอยู่นี่ไงล่ะ บางทีเราก็ตกลงกันว่า ถ้าเขาย่องเข้ามายิงเรือที่เราคุ้มกันได้ ก็ยิงพลุเป็นสัญญาณขึ้นมา เพื่อจะได้รู้ว่า เราแพ้แล้ว ผมเคยไปนั่งในเรือดำน้ำในระหว่างการฝึกปราบเรือดำน้ำ พนักงานโซนาร์ของเรือดำน้ำเปิดเครื่องให้ผมดูจอภาพที่แสดงเสียงของใบจักรเรือผิวน้ำที่วิ่งไปวิ่งมากันขวักไขว่อยู่ข้างบน แล้วก็หัวเราะชอบใจ ที่เขาหลบรอดไปได้ทุกครั้ง”
ครับนี่คือบางส่วนที่ครูไก่นำเสนอ และในตอนต่อไปจะเข้มข้นมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว อะไรที่เราท่านยังไม่รู้ ก็อาจจะกระจ่างขึ้นมาบ้างนะครับ