อรณิชา คำลือวงศ์
อรณิชา คำลือวงศ์
ผู้จัดการทั่วไป
สนามกอล์ฟเมืองแก้ว
“งานในสนามกอล์ฟไม่เคยอยู่ในแผนของชีวิตเลย ที่ได้ทำก็เพราะรักกอล์ฟแท้ ๆ เลยค่ะ”… คุณแวว อรณิชา คำลือวงศ์ จีเอ็มคนขยันของสนามกอล์ฟเมืองแก้ว ตอบคำถามแรกกับกอล์ฟไทม์
“เป็นคนเล่นกีฬาค่ะ แต่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีอะไรโดดเด่น ตอนเด็กๆ กลับจากโรงเรียนเอากระเป๋าหนังสือมาเก็บที่บ้านเสร็จ ก็รีบออกไปเล่นกีฬา มีอะไรให้เล่นก็เล่นไปกับเพื่อนๆ ขนาดเตะฟุตบอลกับพวกผู้ชายก็ยังมีเลย จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นคนห้าว เป็นเด็กขี้อายด้วยซ้ำ ตามประสาลูกสาวคนเดียว จนเข้ามาเรียนกรุงเทพฯ ได้ทำงาน มีการพัฒนาบุคลิกภาพ ทำให้กล้าพูด กล้าเข้าสังคม เพื่อนที่เคยเรียนหนังสือด้วยกันมาเจอ ยังประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเราทำงานที่ต้องติดต่อสื่อสารกับคนโน้นคนนี้ คอยให้บริการพูดคุยทั้งวัน เพราะเขาคาดคิดว่าเราคงจะต้องมีอาชีพตามสายงานที่เรียนมา สมัยก่อนเคยเห็นเป็นคนเงียบๆ ก็น่าจะเป็นนักบัญชีที่นั่งอยู่ในออฟฟิศมากกว่าจะได้เจอตัวเราในสนามกอล์ฟ”
นั่นเพราะจริงๆ แล้วคุณแววเรียนมาทางสายการตลาด บัญชี และพอเริ่มงานก็ได้ทำงานเกี่ยวกับการขายอสังหาฯ ขายคอนโดฯ ย่านสุขุมวิท เมื่อก่อนนี้ยังซื้อง่ายขายคล่อง มีเวลาว่างให้กับตัวเองพอสมควร เลยมีโอกาสได้หัดเล่นกอล์ฟ ยิ่งพอเจอกับเพื่อนๆ ที่ร่วมก๊วนด้วยกันแล้วเกิดความประทับใจ จนทำให้เกิดอาการ “ติดกอล์ฟ”
“เห็นเพื่อนๆ พี่ๆ ไปซ้อมกอล์ฟกัน ก็อยากจะลองเล่นบ้าง เลยลงเรียนกับโปรที่สนามซ้อมหัวหมาก ตอนเริ่มซ้อมใหม่ๆ เจ็บไปทั้งตัว ขับรถกลับบ้านปวดเมื่อยมาก จนคิดอยากจะเลิก ต้องหยุดพัก ตามประสาคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย ก็อดทนเรียนจนจบคอร์ส แต่ออกรอบครั้งแรกนี่ บินไปเปิดตัวเล่นที่ภูเก็ตเลยนะ วันนั้นตีไปเยอะมาก เล่นคุ้ม (หัวเราะ) แล้วก็ชอบมากๆ หลังจากนั้นก็เล่นมาเรื่อยๆ เล่นแล้วสนุก ลืมเรื่องอื่นๆ หมด กอล์ฟ จึงเป็นกีฬาเพียงชนิดเดียวที่เล่นเป็นชิ้นเป็นอัน”… คุณแวว เล่าถึงความประทับใจกับกอล์ฟตั้งแต่เมื่อแรกรู้จักจนตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“ปีแรกที่เล่น ถ้าไปได้ใครชวนไปหมด เวลาทำงานไม่อยากตื่นเช้า แต่ถ้าไปเล่นกอล์ฟตื่นตีสี่ตีห้า ขับรถอีกหลายชั่วโมงก็ไปไหว ช่วงนั้นเลยเล่นกอล์ฟได้ค่อนข้างดี ซ้อมบ่อย ออกรอบบ่อย”
ช่วงที่สนุกกับกอล์ฟมากๆ คุณแวว เคยทำสถิติเล่น 45 หลุม ภายในวันเดียว!
“วันนั้นเล่นที่ลาดเป็ด (สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์) เริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า พอเล่นไปได้ 9 หลุม มีเพื่อนอีกคนมาเพิ่ม พอเราจบ 18 หลุม เพื่อนคนแรกก็ต้องไปทำงาน เลยเล่นเป็นเพื่อนคนที่มาทีหลัง จนเขาครบ 18 หลุม ส่วนเราก็ได้ 27 หลุม ในช่วงเช้า พอรอบบ่าย นัดเพื่อนตีต่ออีก 18 หลุม รวมเป็น 45 หลุม โดยไม่ได้ใช้รถ จำได้ว่าเคยเดินแบบนี้ถึงสองครั้งด้วยกัน แต่ถ้า 36 หลุมนี่เล่นบ่อยมาก” นี่คือความชอบกอล์ฟแบบเข้าถึงจริงๆ ของคุณแวว
หลังจากคลุกคลีกับงานขายมาพักใหญ่ เธอก็ย้ายไปสมัครงานในสนามกอล์ฟบ้าง เพราะความรักและชอบในกีฬานี้ เริ่มครั้งแรกคือการไปเป็นฝ่ายการตลาดในสนามกอล์ฟย่านหัวหิน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีอสังหาฯ รวมอยู่ในนั้น แล้วการพบปะผู้คนก็เป็นอีกสิ่งที่เธอคุ้นเคย งานที่ทำไม่แตกต่างไปจากการขายอสังหาฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถนัดอยู่แล้ว และยังได้ช่วยดูทางด้านกอล์ฟอีกด้วย เลยต้องทำทั้งการตลาด การขาย การประชาสัมพันธ์ ครบวงจร ทำให้สนุกเพลิดเพลินไปกับการทำงาน และใช้ชีวิตในย่านหัวหินอีกหลายปี จนมีเพื่อนชักชวนให้มาทำงานที่ สนามกอล์ฟเมืองแก้ว ซึ่งทำให้ชีวิตของเธอลงตัวมากขึ้น จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อเริ่มมีโครงการปรับปรุงสนามครั้งใหญ่ และอยู่ต่อเนื่องมาเรื่อยจนถึงปัจจุบัน
“สนามเมืองแก้ว มีข้อได้เปรียบหลายอย่าง ตั้งแต่ทำเลที่ตั้งที่นับว่าอยู่กลางเมือง การเดินทางสะดวก ใกล้ศูนย์การค้า ใกล้สนามบิน ใช้เวลาเดินทางไม่นาน และยิ่งเมื่อทำการปรับปรุงเลย์เอ้าท์ครั้งใหญ่ ยิ่งทำให้น่าเล่นมากขึ้นไปอีก สนามได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เขียว สวย ตลอดปี มาเมื่อไหร่ก็ไม่ผิดหวัง เราเป็นสนามกอล์ฟ ดังนั้นงานบริการจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ซึ่งเราเองพยายามรักษามาตรฐานทั้งคุณภาพและการบริการให้สูงสุดอยู่ตลอดเวลา บุคลากรของเราทุกคนมีรอยยิ้มอยู่เสมอ พร้อมให้การช่วยเหลือ พร้อมที่จะดูแล รวมถึงแค้ดดี้ที่มีประสบการณ์ก็คอยเป็นผู้ช่วยให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับนักกอล์ฟ มาที่นี่รับรองว่าจะได้รับความประทับใจกลับไปแน่นอนค่ะ” คุณแวว การันตี
“อีกสิ่งหนึ่งที่ท่านจะได้เห็นเมื่อได้เข้ามาในพื้นที่ จะเห็นความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ เราโครงการพิเศษต่างๆ ในสนามกอล์ฟเมืองแก้ว เช่น การปลูกผัก ซึ่งริเริ่มจากผู้บริหารได้อนุญาตให้พนักงานใช้พื้นที่ปลูกผักไว้ทานเองในช่วงที่ว่างจากการทำงาน หรือถ้ามีเหลือมากพอก็นำมาขายได้ และท่านประธานฯ ก็ยังเล็งเห็นความสำคัญของเรื่องอาหารปลอดภัย สนับสนุนให้ปลูกผักปลอดสารพิษ เพื่อใช้ในห้องอาหารของเรา เช่น ผักบุ้ง พริก ฯลฯ พยายามหล่อเลี้ยงวัตถุดิบ เพื่อจะให้เป็น ครัวปลอดสารพิษ ลูกค้ามาทานที่นี่ก็จะสบายใจได้ว่า เราคัดสรรวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพมาใช้กับครัวของเรา ถึงแม้ว่าพื้นที่ของเราประสบกับภาวะดินเค็ม พืชพรรณต่างๆ จึงขึ้นได้ค่อนข้างยากมาก โตช้า ทำให้เราต้องทะนุถนอม ใส่ใจกับต้นไม้ ต้นหญ้า มากเป็นพิเศษ แต่เราก็พยายามหาต้นไม้ชนิดต่างๆ ที่เหมาะกับพื้นที่มาลงเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อความร่มรื่นในสนาม”
“ท่านประธานฯ จะหวงต้นไม้มากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะต้นเล็กต้นใหญ่ และท่านยังใส่ใจในเรื่อง ภาวะโลกร้อน อย่างจริงจังอีกด้วย ที่นี่ เราจึงติดตั้งระบบ โซล่าเซลส์ เพื่อผลิตกระแสไฟไว้ใช้ในคลับเฮ้าส์ช่วงกลางวัน เพื่อทดแทนการใช้จากการไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ก็ช่วยแบ่งเบาได้บ้างในบางส่วน แต่วัตถุประสงค์ของเราไม่ได้เน้นไปแค่เรื่องความประหยัด เพราะวิสัยทัศน์ของเจ้านายจะไปเน้นเรื่องการ รักษ์โลก มากกว่า ถึงแม้เป็นการลงทุนที่สูงและคืนทุนช้า แต่เราก็ยินดี ภาคภูมิใจ ที่ได้มีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราจะมีโครงการดีๆ แบบนี้ต่อเนื่องออกมาอีกเรื่อยๆ ทั้งที่นี่และเชียงใหม่ไฮแลนด์ ”
ในเรื่องของการทำงาน คุณแวว ได้ให้แนวคิดในมุมมองของเธอว่า
“การตั้งเป้าหมาย และพยายามทำให้ได้ เป็นสิ่งสำคัญ แม้บางเรื่องจะยากแค่ไหน แต่ถ้ามีความพยายาม ตั้งใจ อดทน เราก็มีโอกาส ยิ่งเมื่อเห็นคนอื่นเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้ ถ้าตั้งเป้าแล้วทำได้ นั่นคือความสำเร็จ แต่ถ้าทำไม่ได้จริง ทั้งๆ ที่พยายามเต็มที่แล้ว ก็ไม่ต้องไปซีเรียส แค่รู้จักหันมามองสำรวจตัวเองว่าเพราะเหตุใด เราถึงทำไม่ได้ หากเหตุผลที่ทำให้เราไม่บรรลุเป้าหมายมีเพียงพอก็ต้องยอมรับ”
สิ่งหนึ่งที่ทุกคนเห็นได้ชัดกับบุคลิกของคุณแวว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักแค่ไหนเธอก็ยังรักษารูปร่างให้คงที่เอาไว้ได้
“อาจจะโชคดีที่รูปร่างเล็ก แต่ก็มีเป้ากับตัวเองไว้ว่า ต้องไม่กินจนเพลิน แล้วก็ต้องไม่อดด้วย จนหลายๆ คนยังบอกว่ากินเก่งเลย (หัวเราะ) ต้องคอยเช็คตัวเองอยู่เสมอว่า น้ำหนักเกินไปบ้างหรือเปล่า มื้อเย็นพยายามกินให้น้อย แต่ยังไงต้องกิน แล้วพยายามออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ก็ยังรู้สึกว่าน่าจะออกกำลังกายให้มากกว่านี้ ช่วงหลังๆ งานค่อนข้างเยอะขึ้น ทำให้ถึงแม้จะอยู่ในสนามกอล์ฟ แต่กลับไม่ได้เล่นกอล์ฟเยอะอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ นี่ยังเสียดายอยู่เลย กลัวว่าถ้าไม่ได้เล่นไปนานๆ แล้ววงจะหาย”
เมื่อดูแลกายแล้ว ก็ต้องดูแลใจด้วย
“ตัวตนเป็นคนอารมณ์ค่อนข้างร้อน แต่เนื่องด้วยภาระหน้าที่ ใบหน้าต้องมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา จะโมโหอะไรมาจากที่ไหน ต้องเก็บไว้ ทิ้งให้หมด ไม่พกปัญหามาด้วย ถึงแม้บางครั้งอาจจะเผลอเอาปัญหาที่ทำงานกลับไปที่บ้าน แต่จะเอาปัญหาที่บ้านมาที่ทำงานไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งเมื่อเกิดปัญหา แล้วเราพิจารณาดีๆ มีสติ ใจเย็นๆ ค่อยๆ ดู จะพบว่าแก้ไขได้เสมอ บางครั้งถ้าโมโหมากๆ ก็จะใช้วิธีเงียบ เดินออกจากตรงนั้นไปก่อน บางครั้งเราเองก็อาจจะเผลอหลุดไปบ้าง ก็ต้องรู้จักขอโทษ แม้กระทั่งกับลูกน้อง”
“จะบอกกับทุกคนเสมอว่า สวัสดี ยกมือไหว้ ขอโทษ ขอบคุณ สามคำนี้เป็นคำพูดที่ทำให้เราดูดี มีเสน่ห์ เป็นกริยามารยาทที่งดงามโดยเฉพาะกับเราที่เป็นคนไทย ไม่ต้องซื้อไม่ต้องหา เราคนไทยมีอยู่ในตัวตนทุกอยู่แล้วค่ะ”