MindSet ต้องถูกต้อง ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในกีฬากอล์ฟ
MindSet ต้องถูกต้อง ทั้งของนักกีฬาและทีมงาน ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในกีฬากอล์ฟ
Mindset หรือ กรอบแนวความคิด ซึ่งมีอยู่ในแต่ละบุคคล โดยติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด และจากการได้รับจากการเลี้ยงดู จากการเรียนรู้ กลายเป็นเจตคติและทัศนคติ แล้วแสดงออกมาเป็นพฤติกรรม
Mindset มีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆ นั่นคือ Mindset ที่เป็นแบบพัฒนา หรือเติบโต เปลี่ยนแปลงได้ จะเรียกว่า G Mindset (Growth Mindset)
ส่วนอีกประเภทหนึ่ง คือ เป็นแบบติดยึด เปลี่ยนแปลงยาก ผสมกับอีโก้(ความเชื่อมั่นในตัวเองว่าถูกต้อง)ไปด้วย ผมจะเรียกมันว่า F Mindset (Fixed Mindset)
ถ้าจะตีกอล์ฟให้เก่งแบบสุดๆ เป็นนักกอล์ฟอาชีพ โลดแล่นทำเงินรางวัลในทัวร์นาเม้นท์แล้ว Mindset ของนักกีฬาต้องแข็งแกร่ง ยิ่งใหญ่สุดๆ ต้องเป็นแบบ G Mindset
ทีมงานที่อยู่รอบข้าง ไม่ว่าพ่อแม่ โค้ช ก็ต้องมี Mindset ที่แข็งแกร่งมากด้วยเช่นกัน และต้องไปในทิศทางเดียวกันกับนักกีฬา
ประเภทถ้ามี F Mindset ติดยึดอยู่ หรือประเภท “ทำแต่สิ่งเดิมๆ แต่หวังจะได้รับการเปลี่ยนแปลง” ก็คงจะไปยาก
สิ่งที่พบเห็นจากประสบการณ์กับครอบครัวนักกีฬามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 รวมแล้วเกือบ 30 ปี ได้พบเห็นที่หลากหลาย ตั้งแต่เป็นเด็กเยาวชนมาจนถึงปัจจุบันเป็นนักกอล์ฟอาชีพกันแล้ว ต้องบอกว่าส่วนมากไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจะเป็น หรืออาจเรียกได้ว่า ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง ที่ประสบความสำเร็จนั้นมีน้อย ทั้งนักกอล์ฟชายและหญิง ทั้งๆ ที่ผลงานตอนเป็นเด็กๆนั้นยอดเยี่ยมมาก จนถึงขนาดที่ทำให้ผู้ปกครองมีความมั่นอกมั่นใจมากว่า บุตรหลานของตัวเองจะเป็นนักกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอนเมื่อเป็นนักกอล์ฟอาชีพ…แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงมันไม่เป็นไปตามคาด
จนทำให้มีคนที่เกี่ยวข้องกับวงการกอล์ฟ สรุปออกมา การจะประสบความสำเร็จเกี่ยวกับกอล์ฟนั้นมันไม่ง่ายเลย
ความเป็นจริงมันก็เป็นเช่นนั้นอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้เลย เพราะองค์ประกอบที่สำคัญคือ Mindset ของนักกีฬาและผู้ปกครองนั่นเอง ที่เป็นอุปสรรคและปัญหาของการพัฒนา ช่วงแรกๆ ก็เป็น G Mindset แต่พอนานเข้ากลายเป็น F Mindset
Mindset ที่ว่านี้ มีหลายกลุ่มด้วยกัน เช่น กรอบแนวความคิดเกี่ยวกับพื้นฐานวงสวิง กรอบแนวความคิดเกี่ยวกับผู้สอน กรอบแนวความคิดเกี่ยวกับการเล่น การแข่งขันเป็นต้น
คงไม่สามารถที่จะกล่าวได้หมดอย่างครบถ้วน เกี่ยวกับกรอบความคิด เพราะมันมีมากมายจริงๆ
เอาแค่เป็นตัวอย่างที่พบเห็นกันอยู่ที่ค่อนข้างเรื่องใหญ่ เช่น
Mindset ที่ว่าการจะเล่นกอล์ฟให้ได้ดีนั้น จะต้องมีวงสวิงที่ถูกต้อง สมบูรณ์ หรือ ต้องทำวงสวิงในดีก่อนแล้วจะเล่นดีเอง หรือต้องตีให้ไกลไว้ก่อน
คนที่มีกรอบแนวความคิดนี้ ก็จะพยายามสร้างวงสวิงให้ดี พยายามหาคนสอนที่จะสอนวงสวิงให้มาตรฐาน พยายามจะตีให้ไกล เพราะมีความเชื่อว่า วงสวิงที่ดีจะทำให้เล่นกอล์ฟดี ถ้าเมื่อไรตีไม่ดี ก็เพราะสวิงยังไม่ดี ตีไม่ตรง และยังตีไม่ไกล
กรอบความคิดนี้ ไม่ใช่ผิด แต่ถ้าติดยึดอยู่ก็จะเป็นแบบ F Mindset เพราะจะไม่มองอย่างอื่น ทุ่มเวลาไปกับการสร้าง ซ่อม วงสวิง
ทั้งๆ ที่ การเล่นกอล์ฟนั้นตัดสินที่สกอร์ คนที่ทำสกอร์ดีจะมีผลงานที่ดีอยู่อันดับต้นๆ ไม่มีการตัดสินว่าใครวงสวิงสวย ใครตีไกล
เพราะกอล์ฟนั้น ตีด้วยสวิงเต็มที่ให้ไกล ให้ตรงเพียงแค่ 50 % ที่เหลือเป็นการเล่นด้วยการกะน้ำหนักไม่แรงมาก ด้วยการชิพ การพัตต์อีก 50%
ทุ่มเทกับการซ้อมบนพื้นเรียบ บนหญ้าสั้น บนพรม ในห้องซิม เพื่อหวังจะไปตีให้ตรง ให้ไกล แต่เวลาไปเล่นจริง ต้องไปยืนบนพื้นที่ไม่สม่ำเสมอ ไปตีบนหญ้าที่ยาวบ้าง ตีในป่าบ้าง มีลมเป็นตัวแปรบ้าง มีต้นไม้บังบ้าง
และที่สำคัญ คือการเล่นในสภาวะอารมณ์แปรปรวน ภาวะเล่นไม่ได้ดังใจ ควบคุมไม่ได้ หงุดหงิด นั่นคือปัญหาอันยิ่งใหญ่ สวิงที่ดีๆ ร่างกายดีๆ ก็ช่วยอะไรไม่ได้
แต่ก็มีน้อยคนที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องของอารมณ์ หรือสภาพจิตใจ อาจจะรับรู้ได้ แต่ก็ยังเชื่อว่า ถ้าตัวเองทำวงสวิงได้ดี ก็ไม่ต้องตีลูกในป่า ไม่ตีลูกตกทราย จะตีไปใกล้หลุมไม่ต้องพัตต์ไกลทำ 3 พัตต์ ยังไม่ยอมให้ความสำคัญกับเรื่องวิธีคิด หรือการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ยังตีกอล์ฟด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง ของตัวเองต่อไป…พอจะมองเห็นใช่ไหมครับ ว่ามันจะก้าวต่อไปไม่ได้
ตัวอย่างกรอบความคิดอีกประการหนึ่ง คือ การที่ยังเชื่อว่า การจะตีกอล์ฟได้ดีนั้น นอกจากจะมีสวิงที่ดีแล้ว จะต้องมีร่างกายที่แข็งแรง เพราะจะได้ไม่หมดแรง จะตีได้สม่ำเสมอ จะตีได้ไกล ระยะไม่ตก
เมื่อมีแนวคิดอย่างนั้น ก็ทุ่มเวลากับการเล่นเวทอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง และผลงานที่ปรากฎก็ดีขึ้นจริงๆ ตีไกลขึ้น แต่ผลงานสกอร์ก็ยังดีบ้าง ไม่ดีบ้างเหมือนเดิม ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ถึงกับผิดหรอก แต่ควรทุ่มเทเวลาไปกับการซ้อมลูกสั้นให้มากกว่าเดิม เหลือการเล่นเวทอาทิตย์ละครั้ง แล้วไปทำการยืดเหยียด หรือบอดี้เวททุกวันก่อนซ้อมและหลังซ้อมก็เพียงพอสำหรับการเล่นกอล์ฟ
ความเป็นจริงแล้ว การตีกอล์ฟ เราตีแรงแค่ 36 ช็อตโดยประมาณ แล้วที่เหลือก็ตีเบา ๆ อีก 36 ช็อตโดยประมาณ ใช้เวลาเดินประมาณ 5-6 กิโลเมตร เวลาซ้อมตีลูกทีละ 3 ถาด ยังใช้กล้ามเนื้อมากกว่าการออกรอบจริงมาก
แต่ถ้าจับความรู้สึกตัวเองได้ จะพบว่า เวลาที่เราตีไม่ดี ร่างกายเราจะอ่อนแอลง เดินคอตก เดินช้า ไม่กระฉับกระเฉงเหมือนตีดี ๆ ซึ่งคนเห็นก็จะดูว่าเราหมดแรง ร่างกายไม่ดี ทั้งๆที่มาจากจิตใจไม่ดีต่างหาก “ไม่ใช่วงสวิงหาย แต่เป็นจิตตก”
ขอยกแค่สองตัวอย่างของการที่มี Mindset ที่ไม่ค่อยจะถูกต้อง ส่งผลทำให้ผลงานที่ออกมาเป็นสกอร์ไม่ดีตามเป้าหมาย ยังมีอีกมากมายที่ผมกล้าพูดว่า มันส่งผลถึงผลงานการเล่นไม่พัฒนาตามเป้าหมาย
โปรเชาวรัตน์ เขมรัตน์