Interview

ณัฐยา ชาญวิถี

ณัฐยา ชาญวิถี
ผู้จัดการฝ่ายการตลาดดิจิตอล
NOVOTEL
Hotels & Resorts
Bangkok Bangna

“สปริ้น” หญิงเก่งมาดเท่ แคล่วคล่องว่องไว มีชื่อเล่นสมกับบุคลิก เวลาทำงานจะวิ่งไปโน่นโผล่มานี่เหมือนกับเธออยู่หลายๆ ที่ในเวลาเดียวกันได้ ทำเอาหลายคนสงสัย สะดุดตาในความสามารถ เราจึงต้องหาโอกาสจับตัวเธอให้นั่งนิ่งๆ เพื่อสอบถามพูดคุยกันถึงที่มาที่ไปในการเป็นแขกรับเชิญ Working Woman ฉบับนี้

ตั้งแต่เรียนจบ ม.ปลายที่ ร.ร.อัสสัมชัญ ระยอง เธอก็ได้ทุนนักกีฬากอล์ฟ เพื่อไปเรียนที่ เอแบค แล้วยังเป็นจังหวะพอดีกับที่ โปรเชาว์ (เชาวรัตน์ เขมรัตน์) ได้ชักชวนให้ไปเรียนที่ ม.เกษมบัณฑิต ซึ่งให้ทุนทั้งปริญญาตรี และปริญญาโท พร้อมกับเป็นนักกีฬากอล์ฟให้มหาวิทยาลัยฯ ไปด้วย และยังได้ไปฝึกซ้อมกอล์ฟอยู่ประจำในแค้มป์ ตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง วิ่ง ออกกำลังกาย จากนั้นนั่งรถไปเรียน พอเรียนเสร็จนั่งรถกลับมาถึงแค้มป์ก็ฝึกซ้อม เล่นลูกสั้น ไดร์ฟอีก 5 ถาด ก่อนจะพักผ่อน ส่วนวันหยุดถ้าไม่มีเรียนก็ออกรอบ เป็นกิจวัตรที่ทำเป็นปกติ ระหว่างเรียน เป็นทั้งนักศึกษาเป็นทั้งนักกีฬา

การฝึกหนักแบบนักกีฬา ทำให้เห็นผลชัดเจนในตอนแข่ง เพราะสามารถทำคะแนนลดลงเรื่อยๆ ทั้งนี้เกิดจากการพัฒนาในการเล่น ทั้งในเรื่องสวิงและจิตใจ เพราะถ้าคุมจิตใจไม่ได้ ยังไม่นิ่งพอ รับความกดดันไม่ไหวก็ไม่มีทางควบคุมตัวเองให้ทำคะแนนดีๆ ได้

สปริ้นเคยมีประสบการณ์สำคัญในเกมกอล์ฟ ที่เธอพลาดโอกาสเพราะเกิดจากสภาวะทางจิตใจล้วนๆ

“กอล์ฟ คิดอย่างไรก็ได้อย่างนั้น แค่คิดลบเพียงนิดเดียว ก็ส่งผลตามนั้นทันที เคยมีอยู่ครั้งในการแข่งกีฬามหาวิทยาลัย รอบแรกทำคะแนนมาดีมาก เพราะไม่คิดอะไร แค่เล่นกอล์ฟให้สนุก เล่นกับธรรมชาติ เล่นกับตัวเอง กำลังทำคะแนนมาเป็นที่ 2 แต่พอรู้ตัวว่าอยู่ในตำแหน่งดี ก็เกิดอาการคิดว่าจะเล่นแค่พยุง ไม่เล่นตามเกมเดิมที่ถนัด จนเริ่มเล่นแบบไม่เป็นตัวเอง ทำให้ตกน้ำ ตกทราย แทนที่จะรักษาสกอร์ก็กลายเป็นเพิ่มสกอร์ เพราะไปคิดนอกเหนือจากลูกกอล์ฟที่อยู่ตรงหน้า”

บทเรียนในครั้งนั้นทำให้เธอจดจำได้แม่น และถูกนำมาใช้อยู่เสมอ จนในที่สุดปัจจุบันนี้ก็สามารถสอบผ่าน เป็นโปรของ สมาคมกอล์ฟอาชีพสตรี (Thai LPGA) ได้สำเร็จ

เมื่อถึงช่วงต้องฝึกงานเธอเลือกจะไปหาประสบการณ์ไกลถึง อเมริกา โดยครั้งแรกอยากจะเรียนรู้เรื่องการขายเพราะหวังว่าจะนำกลับมาใช้ต่อยอดธุรกิจของครอบครัว แต่เวลาไม่ได้จังหวะทำให้ต้องเปลี่ยนไปฝึกงานทางด้านการโรงแรมแทน ซึ่งเป็นธุรกิจที่เธอให้ความสนใจด้วยเช่นกัน

“เลือกไปฝึกงานที่โรงแรมในเครือใหญ่ เมืองสปริงฟิลด์ รัฐมิสซูรี ประเทศอเมริกาค่ะ เริ่มฝึกตั้งแต่การทำงานระดับล่างสุด เป็นแม่บ้าน ทำห้อง ทำความสะอาด ไปถึงใหม่ๆ ร้องไห้ทุกวันเพราะคิดถึงบ้าง เกิดมาไม่เคยทำงานหนักก็ต้องทำ ปูเตียงต้องตึงเป๊ะ ห้องต้องสะอาดแบบไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้เห็น เพราะหากมีเส้นผมแค่เส้นเดียว ลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะขอคืนเงินทั้งหมดได้เลย” สปริ้น เล่าถึงประสบการณ์แรกที่ได้รู้จักกับงานด้านบริการ

“สิ่งสำคัญจากการไปฝึกงาน ทำให้ได้เรียนรู้ว่าจะบริการลูกค้าอย่างไรให้คุ้มกับราคาที่เขาจ่ายให้เรา ในเมื่อเขาจ่ายแพง สิ่งที่คาดหวังว่าจะได้รับกลับมานั้นก็ต้องมีความคุ้มค่าด้วย เมื่อคิดในมุมลูกค้าแล้ว เราก็ต้องดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุดตามมาตรฐานที่กำหนด เลยทำให้กลายเป็นคนละเอียด ถึงขั้นจุกจิกไปเลยค่ะ”

เวลาทำงาน เธอก็อยากจะได้ค่าขนมบ้าง วิธีการคิดแบบเด็กๆ ที่ตรงไปตรงมาก็คือ จะทำยังไงก็ได้ ให้ลูกค้าประทับใจ เผื่อเขาจะให้ทิปเป็นรางวัลพิเศษ เธอจึงพยายามทักทาย พูดคุยกับลูกค้า ถามเสมอว่าจะให้ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เทคนิคพิเศษก็คือ เขียนโน้ตไว้ให้กับแขกเมื่อเข้าไปทำห้อง พร้อมกับข้อความ เช่น วันนี้เปลี่ยนผ้าปูเตียงให้แล้ว ขอให้นอนหลับฝันดี

แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ประทับใจเกิดขึ้นจริงๆ เมื่อมีคุณแม่ลูกสาม เข้าพักที่โรงแรมเป็นเวลานานร่วมเดือน แล้ว สปริ้น ก็ดูแลห้องพักมาตลอด จนได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณแม่คนนั้น พร้อมกับชมด้วยความจริงใจว่า ช่างเป็นคุณแม่ที่เก่งมากสามารถดูแลลูกๆ ทุกคนได้อย่างสมบูรณ์

“เราก็คุยกับคุณแม่คนนั้นด้วยความด้วยความจริงใจ ไม่ได้คิดถึงเรื่องรางวัลพิเศษอะไรเลย เพราะเห็นการใช้ชีวิตของเธอแล้วรู้สึกชื่นชมจริงๆ เลยพูดคุยกับเธอตามที่เราคิด” สปริ้น เล่าถึงความประทับใจ

“แล้วคุณแม่คนนั้นก็เขียนข้อความทิ้งไว้ให้ บอกว่ารู้สึกดีที่เห็นเราเป็นนักศึกษาฝึกงาน แล้วทำงานอย่างขยันขันแข็ง รักในหน้าที่การให้บริการ อยากให้เรารักษาสิ่งนี้ไว้ตลอดไป ขอให้โชคดี.. พร้อมกับวางเงินไว้ให้ราว 100 เหรียญ.. ตอนที่ได้รับนั้น ดีใจ ปลื้มกับคำชมมากกว่าเรื่องเงินที่ได้ซะอีก เพราะเราเองก็รู้สึกดีที่ได้ให้บริการ จนคิดว่าตัวเองคงมีเซอร์วิสมายด์จริงๆ อย่างที่เขาชม ดีใจมากๆ จนถึงขนาดอยากจะมีโรงแรมเล็กๆ เป็นของตัวเองจริงๆ แล้วก็พยายามจะหาทางสานฝันให้ได้สักวัน” นี่คือความใฝ่ฝันที่ชัดเจนที่สุดที่เธอบอกว่า จะทำให้เป็นจริงให้ได้

พอเรียนจบ งานที่ทำครั้งแรกก็ไปอยู่ที่ สนามกอล์ฟรอยัลฮิลส์ นครนายก ซึ่งสนามแห่งนี้อยู่คู่กับนักกอล์ฟเยาวชน ให้การสนับสนุนเด็กให้มีโอกาสในกีฬากอล์ฟมายาวนานมาก จังหวะนั้นก็กำลังตัดสินใจว่าจะเทิร์นโปรหรือจะทำงาน แล้วก็เลือกงานที่สามารถจะตีกอล์ฟได้ด้วย โชคดีที่ผู้บริหารให้โอกาส โดยให้เราคิดว่า ในฐานะเป็นนักกอล์ฟ อยากให้สนามให้อะไรกับนักกอล์ฟ แล้วในฐานะเจ้าของสนามอยากจะทำอะไรให้ลูกค้าบ้าง เป็นการสอนให้รู้จักคิดแบบใจเขาใจเรา สนามฯ มีทั้งกอล์ฟทั้งโรงแรม ตอบโจทย์ได้ลูกค้าได้ และเราเองก็สามารถอธิบายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟได้อย่างชัดเจน เพราะเราคือนักกอล์ฟที่เล่นจริงจังอยู่ที่นั่น มุมมองก็จะชัดกว่าคนที่ไม่เล่น เป็นงานที่ท้าทายและสนุกมาก

จนเมื่อได้มาร่วมงานกับ โรงแรมโนโวเทล ก็นับว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะได้พัฒนาตัวเอง ตอนมาสมัครได้สัมภาษณ์กับคุณประเสริฐ บุญชู ผู้จัดการใหญ่ ซึ่งก็เป็นนักกอล์ฟฝีมือดีอีกท่าน ทำให้เข้าใจในคนที่รักกีฬากอล์ฟเป็นอย่างดี มีโอกาสได้ออกไปเล่นกอล์ฟกับลูกค้า ได้แข่งขัน ได้มีส่วนร่วมในการจัดงานกอล์ฟ ได้ใช้ประสบการณ์กอล์ฟที่มีมาทำให้งานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

สปริ้น รับผิดชอบในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดดิจิตอล (Digital Marketing Manager) เป็นตำแหน่งหน้าที่ใหม่ที่ทาง เครือ ACCORE เพิ่งได้เปิดขึ้นมา เป็นการปรับตัวให้เข้ากับสภาพสังคมปัจจุบันที่กระแสโซเชี่ยลในโลกออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งในทุกๆ เรื่องของวิถีชีวิต เป็นการทำการตลาดโดยใช้เครื่องมือสื่อสารรุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามาแทนสื่อในรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ ที่กลายมาเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ที่สามารถเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ตได้อย่างสะดวก เพื่อการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้โดยง่าย

“เราทำงานประจำ มีเวลาให้กับกอล์ฟน้อยกว่าคนที่เล่นกอล์ฟเต็มตัว ดังนั้น แต่ละช็อตต้องตั้งใจเป็นพิเศษ เมื่อเล่นกอล์ฟ ทุกลูกที่จะตี ต้องมีเป้าหมาย คิดเสมอว่า การตีกอล์ฟมีอยู่สองอย่าง คือลูกกอล์ฟ กับ เป้าหมาย หน้าที่ของเราคือ ตีลูกกอล์ฟให้ไปยังเป้าหมาย เรื่องการทำงานก็เช่นกันกอล์ฟ สามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน หรือแม้การใช้ชีวิต ทำให้เราคิดต่างจากคนอื่น กระบวนการการคิดในการเล่นกอล์ฟ ทำให้คิดไปได้ทั้งข้างหน้า และคิดย้อนหลังไปได้ด้วย เวลาเล่นกอล์ฟ การวางแผนสำคัญที่สุด ต้องมองจากหลุมกลับมาหาแท่นทีออฟ หรือเวลาที่ยืนบนแท่นทีออฟ ก็ต้องคิดล่วงหน้าว่า เมื่อตีไปแล้วจะวางตัวตรงไหน ขึ้นกรีนยังไง เมื่อนำความคิดแบบเล่นกอล์ฟมาใช้กับการทำงาน เช่นการทำโปรโมชั่น ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ละเอียดก่อนว่าทำแล้วจะได้อะไร ทำได้จริงหรือไม่ จุดหมายของเราคืออะไร แล้วก็ทำตามที่วางแผนไว้ เล่นกอล์ฟต้องคิดให้ละเอียด ทำงานก็ต้องรอบคอบเช่นกันค่ะ”