Interview

รศ.ดร.มรรยาท รุจิวิชชญ์

รศ.ดร.มรรยาท รุจิวิชชญ์
คณะบดี คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ความเครียด… เป็นปัญหาใหญ่ของชีวิตมนุษย์ ต่อให้จะยากดีมีจนแต่ไหน ก็ต้องเผชิญกับมัน… การจะผ่านพ้นวิกฤติความเครียดไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องนี้เป็นปัญหาสามัญแต่การแก้ไขนั้นไม่ง่าย เราจึงไปขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.ดร.มารรยาท รุจิวิชชญ์ ซึ่งท่าน เคยเป็นอดีตนักกีฬาหลากหลายประเภท และปัจจุบันกำลังหลงใหลกับการหวดวงสวิง เพราะ ท่านบอกว่า… กอล์ฟ ช่วยเรื่องความเครียดได้ สบายมาก

เราจึงขอนำบทสนทนาบางส่วนเกี่ยวกับ “การจัดการความเครียด” และ “การบริหาร” ที่รับรองว่ามีประโยชน์ให้กับทุกท่านอย่างแน่นอน โดยขอนำเสนอในรูปแบบสบายๆ ไม่เครียด

อ.มรรยาท เกริ่นให้คำแนะนำว่า

“การจัดการความเครียดเป็นเรื่องสำคัญ ถึงขนาดมีตำราออกมาเป็นเล่มๆ เลย อยู่คนเดียวก็มีเรื่องเครียดของตัวเอง เรียกว่าความเครียดภายในตัวบุคคล อยู่สองคนก็จะรับเรื่องของคนที่อยู่กับเรามาที่เราด้วย ถ้าอยู่ในกลุ่มเยอะๆ ก็เป็นความเครียดในกลุ่มใหญ่ แต่วิธีการจัดการความเครียดที่ดีที่สุดคือ การจัดการที่ตัวเราเองก่อน ความเครียดเป็นพลังลบ ที่เราจะได้ปลดปล่อยออกไป”

“หลักการของการจัดการความเครียดมีอยู่มากมายตามตำรา เช่น ต้องรู้จักธรรมชาติของความเครียด ว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้วร่างกายมีปฏิกิริยาอย่างไร มีการหลั่งฮอร์โมนคอติซอล ซึ่งเป็นตัวร้าย ไปถึงร่ายกายส่วนไหนก็จะทำลายส่วนนั้น ทำให้เกิดมะเร็งได้ ฮอร์โมนดีตัวตรงข้ามคือ เอ็นโดฟิน ที่จะหลั่งเมื่อเกิดความสุข เราต้องรู้วิธีรับมือ เช่น การกินอาหารคลายเครียดที่บ้านเราหาได้ง่ายๆ อย่าง กล้วยหอม ก็ช่วยได้ เพราะมี Thyptophan กรดอะมิโนอย่างหนึ่ง ที่ร่างกายสามารถแปลงไปเป็น Serotonin ที่ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์สดใส มีความสุข”

“เมื่อเราปวดหัว หรือปวดท้อง อาการก็จะอยู่ตรงนั้น ถ้าปล่อยไว้จะเกิดพยาธิสภาพ เราต้องใช้วิธี Stress Equalization อาการกระจายออกไปเพื่อทุเลาบรรเทา ว่ายน้ำ การโยคะ แอโรบิคฯลฯ ก็เป็นวิธีที่ช่วยได้ทางด้านร่ายกาย แต่ถ้าจะช่วยทางด้านจิตใจก็มีวิธี Stress Relaxation แบบเบื้องต้น มีท่าบริหาร หลักการเกร็ง การคลายของกล้ามเนื้อ การหายใจโดยใช้กระบังลมช่วย การหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกยาวๆ คือการปลดปล่อยพลังลบออกจากร่างกาย”

“ขั้นสูงกว่านั้น ก็คือการทำสมาธิและเจริญสติ ซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ด้วยตัวเอง เช่น หากเราคิดไม่ดี ก็ต้องความรู้สึกกลับมาไว้ที่ปลายจมูก แล้วตัดความคิดนั้นทิ้งไป หรือจะเป็นการเจริญสติ ด้วยการนับว่าวันนี้มีเรื่องอะไรบ้าง เราคิดไม่ดีกี่เรื่อง เราจะตัดความคิดไม่ดีนั้นออกไป ฝึกใหม่ยากมากๆ แต่หลังๆ ก็จะตัดได้เร็วมาก”

“ตอนเรียนปริญญาเอกอาจารย์ที่ปรึกษาสอนวิธีคิดเวลาเป็นนักบริหารว่า คนเราไม่จำเป็นต้องทำทุกเรื่อง เรื่องบางเรื่องไม่ต้องทำก็ได้ โดยใช้วิธีให้คะแนนในแต่ละเรื่องว่า จากเต็ม 10 ต้องมีความจำเป็น 7 ขึ้นไปจะลงมือถึง, คะแนน 4-7 ต้องนำมาคิดใหม่ ว่าจะให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นหรือลดลง ส่วนอะไรที่คะแนนต่ำกว่า 3 ให้ตัดทิ้ง อย่าเก็บไว้ให้รกสมอง”

“การจัดระบบความคิดของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ เราต้องมีวิธีจำ จัดระบบในสมอง เรื่องบางเรื่องต้องแยกกลุ่มไว้ว่า เรื่องอะไรบ้างควรจำ ต้องจำ, เรื่องอะไรบ้างไม่ต้องจำ แต่น่าจำ และเรื่องที่ไม่ต้องจำลบทิ้งได้เลย”

“การเก็บความจำในสมอง ก็เหมือนกับการเก็บของในลิ้นชัก เวลาจะดึงออกมาใช้ก็ดึงตามลิ้นชักที่เก็บ ข้อมูลจะไม่ปะปนกัน การทำแบบนี้ได้เกิดจากความมีวินัยสูงในตัวเองตั้งแต่เด็ก รับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ใครมาตีกรอบให้ จะแหกคอกทันที”

จากเรื่องความเครียด มาถึงเรื่องการบริหาร ซึ่งทั้งสองเรื่องก็มีความเกี่ยวเนื่องกัน ท่านได้แนะนำว่า

“โดยส่วนตัวแล้ว ในการบริหารคน จะแบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม ได้แก่ เก่งแล้วดี เรามีหน้าที่แค่คอยส่งเสริมและผลักดัน สามารถจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าในโอกาสต่อๆ ไป, ไม่เก่งแต่ดี กลุ่มนี้เวลามอบหมายงานจะต้องชัดเจนมาก มีขอบเขต เพราะคิดเองไม่ค่อยได้ เราก็ต้องคอยพัฒนาเขา, เก่งแต่ไม่ดี ควบคุมยาก เราก็จะเอาความคิดเขามาใช้, ไม่เก่งไม่ดี เราต้องล้อมกรอบพอสมควร จะให้งานก็ต้องดูแลใกล้ชิด เพื่อกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น”

“การบริการงานก็แยกออกเป็นสี่แบบเช่นกัน มีทั้งองค์กรที่จนตรอก (Dog) หลังชนฝา ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว รอให้ปิดกิจการอย่างเดียว ถ้าไม่ปิดก็ต้องคิดใหม่เพื่อหาวิธีบริหารให้รอด, เป็นองค์กรที่มีแต่เครื่องหมายคำถาม (?) ผู้บริหารที่เป็นแม่ทัพขององค์กร ทั้งวันได้แต่นั่งแก้ปัญหา จนไม่ได้บริหารนโยบายเพื่อเดินหน้า ถ้าจะเป็นก็ขอเป็นองค์กรที่เหมือนกับวัวแม่ลูกอ่อน (Cash Cow) ที่พร้อมผลิดอกออกผลเก็บเกี่ยวได้ แล้วเราจะก้าวเข้าสู่ดวงดาว (Star) ไปด้วยกัน”…

เมื่อมีทั้งความเครียด และยังต้องทำงานบริการ วิธีการสำคัญก็คือ… กิจกรรมสลับฉาก

“หลักการดำรงชีวิตประจำวันที่ดีต้องมี กิจกรรมสลับฉาก ไม่ใช่เป็นการจัดอันดับว่าอะไรสำคัญควรทำก่อนทำหลัง แต่เป็นการสลับเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่นๆ ให้ช่วยผ่อนคลาย เช่นเมื่อทำกิจกรรมที่ใช้สมองมากๆ ก็ต้องสลับด้วยการไปออกกำลังกาย ไปเดินเล่นบ้าง อย่าทำอะไรซ้ำๆ จนเบื่อ และยังอันตรายจากการคุ้นชิน เช่น ตื่นมาตอนเช้าทุกวันต้องบ่นจนติด แบบนี้ไม่ดีแน่นอน”

หลังจากที่ต้องต่อสู้แก้ไขกับปัญหาต่างๆ มามากมาย ในที่สุด อ.มรรยาท ก็ค้นพบว่า มีอีกหนึ่งอย่างที่สามารถช่วยได้ อย่างเห็นผลชัดเจน นั่นคือ… กีฬากอล์ฟ

“เวลาเล่นกอล์ฟ คือการปลดปล่อยอย่างหนึ่ง เป็นกีฬาที่ทำให้ชีวิตผ่อนคลายมากขึ้น เรียกว่า Stress Reduction เป็นการบริหารทั้ง Physical ไม่ใช่แค่การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการได้ถ่ายพลังลบออกจากร่างกายอีกด้วย เวลาเครียดๆ อารมณ์เครียดเป็นพลังลบ การได้ตีกอล์ฟ ให้ลูกกอล์ฟลอยออกไปไกลๆ ถ้าเทียบกันทางเทคนิค ก็คือ Stress Diversion Technique การถ่ายเท ปลดปล่อยออกไป ตามหลักของไอสไตน์ พลังงานจะไม่ได้สูญหายไปไหน แต่จะเปลี่ยนรูปเท่านั้น หากพลังเครียดอยู่ในกล้ามเนื้อก็จะเกิดอาการปวดเมื่อย ถ้าอยู่ในอวัยวะสำคัญๆ ก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ส่งผลลบกับร่างกาย ซึ่งเราต้องพยายามถ่ายเทออกไป และทางด้าน Mental ได้บริหารจิต ที่ได้จดจ่ออยู่กับลูก คนที่สมาธิดีๆ ย่อมจะเล่นได้ดีกว่า จะเป็นการฝึกด้าน Wisdom ฝึกสติปัญญาให้รับมือกับสถานการณ์ต่างๆ เป็นการบริหารเจริญสติ เรียกว่า กีฬากอล์ฟ สามารถช่วยได้ในทุกๆ ด้าน ทุกวันนี้ถึงพยายามเล่นกอล์ฟให้บ่อยขึ้น”

และ บทสรุปส่งท้าย อ.มรรยาท ได้ให้ข้อคิดทิ้งท้ายไว้ว่า

“ชีวิตคือการเดินทาง เป้าหมายการเดินทางแต่ละครั้งคือการเรียนรู้ คนภายนอกอาจจะมองว่าเป็นจุดหมายปลายทาง เห็นความสำเร็จของเราที่ดูสวยงามเรียบร้อยแล้ว แต่ระหว่างการเดินทางนั้น อุปสรรคต่างๆ เราเป็นผู้เห็นเองแต่เพียงผู้เดียว การประสบความสำเร็จอะไรก็ตาม เป็นประสบการณ์ที่ต้องเรียนรู้ แล้วก็ไม่ได้มาง่ายๆ ต้องทุ่มเททั้งกายและใจ เพื่อให้บรรลุผล ซึ่งนั่นคือคุณค่าของการเดินทาง… เป็นความภาคภูมิใจที่แท้จริงของชีวิตเหนือกว่ารางวัลใดๆ ค่ะ”