อุรุพงษ์ สินธุสอาด
อุรุพงษ์ สินธุสอาด
ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย
adidas (Thailand) Co., Ltd.
Even God closes a door somewhere he opens a window
ผมจบปริญญาตรี ปริญญาโท ทางด้านการบริหาร จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แรกๆ ได้เข้าไปสอนตามมหาวิทยาลัย ตามโรงเรียนต่างๆ เนื่องจากเป็นความชอบส่วนตัว และพื้นฐานของครอบครัวก็มาทางสายอาชีพครูด้วย ผมมีความเชื่อว่า ถ้าชอบอะไรแล้วได้ทำสิ่งนั้น จะทำได้ดี โดยไม่ต้องวางแผนอะไรให้มันวุ่นวาย อยากเป็นครูก็ไปเป็นครู
ผมเคยเป็นอาจารย์พิเศษให้กับ มสธ. (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช) เป็นโครงการให้ความรู้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ ผมก็สมัครเข้าไป และได้เดินทางตระเวนไปสอนตามเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือ ความภาคภูมิใจ เพราะได้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่เริ่มจากในเรือนจำ ทำให้คนที่เคยต้องโทษ กลับมาเป็นคนดีมีคุณภาพในสังคม ความรู้สึกนี้แหล่ะที่ทำให้ผมเกิดความภาคภูมิใจ
แต่ท้ายที่สุดแล้วมีรุ่นพี่อยากได้คนมาทำงานด้านกอล์ฟ ตอนนั้นผมก็เป็นนักกอล์ฟแต้มต่อตัวเดียว ทำให้รู้สึกว่างานนี้เป็นงานที่น่าสนใจ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ เราก็น่าจะทำงานนี้ได้ดี
ผมรักกอล์ฟมาก ชอบมาตั้งแต่เริ่มเล่นกอล์ฟตอนเรียนปริญญาตรีปีสอง เพื่อนๆ ชวนกันไปหัดเล่นที่สนามหัวหมาก แล้วก็แข่งกันว่าใครตีได้ไกลกว่ากัน มันเป็นความสะใจมากถ้าหากตีแล้วลูกข้ามรั้วออกไปได้ ซึ่งในยุคนั้นก็มีการแข่งขันตีไกล และยังเป็นยุคเริ่มๆ การมาของ ไทเกอร์ วูดส์ อีกด้วย
พอเล่นกอล์ฟได้ราวสามปี ผมก็ขยับขึ้นไปรับแชมป์ไฟลต์ เอ เคยคิดไปเทิร์นโปรด้วย ไปสอบถึงสองครั้ง ก็ตีดีแค่วันแรกวันเดียวทั้งสองครั้ง ที่เหลือคือออกทะเลไปเลย สาเหตุก็คือ เราไม่ใช่นักกีฬาอาชีพ ไม่เคยเรียนรู้ว่าจะเดินอย่างไร จะเตรียมตัวอย่างไร ถึงจะอยู่เล่นจนจบเพื่อให้ผ่านการตัดตัวได้ ตอนนั้นคิดแค่เอาสนุก เชื่อมั่นในความหนุ่มว่ามีพลังเพียงพอ แต่ท้ายที่สุดก็รู้ว่ามือสมัครเล่นกับมืออาชีพนั้นแตกต่างกันมาก
คนเล่นกอล์ฟนี่แปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือ มีความพยายามในการเล่นกอล์ฟสูงมาก ไม่ว่าจะจัดแข่งไกลแค่ไหน ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่ ขับรถแต่เช้ามืดเพื่อไปให้ทันแข่ง ก็ไปได้ แต่อารมณ์ขาไปกับขากลับมันต่างกันซะเหลือเกิน ระหว่างความคึกคักกับความเหน็ดเหนื่อย แล้วสิ่งที่ชอบอีกก็คือ ความกระตือรือล้นเมื่อได้เจอกับสนามใหม่ๆ หรืออุปกรณ์ใหม่ๆ แน่นอนว่าสนามคงไม่มีให้ใหม่ได้ตลอด แล้วสมัยก่อนยังไม่มีอุปกรณ์อะไรให้เล่นมากนัก มีอะไรก็ใช้อย่างนั้น ผมก็จัดว่าเป็นคนบ้าอุปกรณ์คนหนึ่ง มีความหลงใหลในเทคโนโลยี พอมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาเพื่อจะทำให้ตีไกลขึ้น เล่นได้ดีขึ้นก็จะเปลี่ยนทันที ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาจึงได้เห็นวิวัฒนาการของกอล์ฟก้าวล้ำไปเรื่อยๆ และยังทำให้มีความสนุกกับงานที่ทำอีกด้วย
คนทำงานในวงการกอล์ฟส่วนใหญ่นั้นจะมีความหลงใหลในกีฬานี้ นั่นเป็นพื้นฐานสำคัญที่สามารถทำให้พวกเราคุยกันเข้าใจในอีกภาษาหนึ่ง เราจะรู้สึกลึกซึ้งเป็นพิเศษเมื่อคุยกับคนที่ชอบกอล์ฟด้วยกัน อย่างเช่น ณ ตอนนี้บริษัทเราได้เปิดตัว ไทเกอร์ วูดส์ ที่ทุกคนรู้จักกันดีว่านี่คือตำนานกอล์ฟที่ยังมีชีวิตอยู่ มาทำงานร่วมกับเรา ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครคาดคิดเลยว่าจะมีวันนี้เกิดขึ้นได้ พอผมทราบข่าวนี้ล่วงหน้า ระหว่างที่รอวันให้ประกาศอย่างเป็นทางการก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ รู้สึก “อิน” กว่าคนอื่นๆ ที่เขาอาจมองว่าเป็นแค่การกลับมาของนักกอล์ฟที่เคยยิ่งใหญ่คนหนึ่งเท่านั้น แต่เรา “อิน” เพราะไทเกอร์เป็นคนเดียวที่สามารถปลุกกระแสกีฬากอล์ฟให้เป็นที่รู้จัก ทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ๆ จนได้รับความนิยมอย่างสูง เขามีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในวงการกีฬา เด็กๆ ในยุคนั้นใฝ่ฝันอยากจะเป็นอย่างไทเกอร์ ทำให้เกิดประชากรกอล์ฟเพิ่มขึ้นได้อย่างมหาศาล
การกลับมาของ ไทเกอร์ ผมเชื่อว่าถ้าเขาเล่นได้เต็มฟอร์มอีกครั้ง วงการกอล์ฟก็น่าจะกลับมาด้วย แล้วความคึกคักก็จะไม่ได้เกิดแค่ในอเมริกา แต่จะส่งผลไปทั้งโลก เด็กๆ อาจจะอยากเป็นไทเกอร์กันอีก เมื่อก่อนเราเคยเห็นถุงครอบไม้กอล์ฟรูปหัวเสืออยู่เกือบทุกถุงแล้วก็หายไปนานมาก ก็อาจจะกลับมาให้เห็นกันอีกครั้ง ถึงแม้เขาอาจจะยังทำผลงานได้ไม่ดีนัก แต่การที่ได้เห็นไทเกอร์ลงสนาม ก็สร้างสีสันให้วงการกอล์ฟกลับมาคึกคักได้อีกมากแล้ว
ผมชอบที่มีการแข่งขันในตลาดกอล์ฟเยอะๆ พวกเราจะได้มาแข่งกันในเรื่องการทำตลาด ผู้ซื้อมีโอกาสเลือกสินค้าได้มากขึ้น ตลาดมีความคึกคักตลอดเวลา เราไม่ต้องการเห็นตลาดนิ่งๆ โดยมีผู้ขายเป็นผู้ผูกขาด พลังของสินค้าแค่เพียงยี่ห้อเดียวไม่สามารถปลุกกระแสของตลาดได้ ต้องช่วยกันทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักกอล์ฟที่มีชื่อเสียง สินค้ายี่ห้อต่างๆ แม้กระทั่งสื่อ เมื่อช่วยกันอย่างจริงจังแล้วกอล์ฟก็อาจจะกลับมาบูมได้อีกครั้ง ในที่สุดผลประโยชน์โดยรวมก็จะตกอยู่กับทั้งวงการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ ผู้คนที่ทำงานในสายกอล์ฟทั้งหมด เช่น สนามฯ โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า แค้ดดี้ ธุรกิจท่องเที่ยว ฯลฯ ไม่ใช่เป็นเพียงของใครคนใดคนหนึ่ง
หลังจากดูแลตลาดประเทศไทยแล้ว ผมได้ข้ามไปดูตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และพม่า งานของผมจัดว่ายากมาก เพราะต้องดูแลตลาดใน 7 ประเทศ ที่มีความหลากหลาย ทั้งเชื้อชาติ ภาษา ค่าเงิน ทำให้มีความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม ซึ่งส่งผลโดยตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภค วิธีการนำเสนอการขายก็ต้องแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกับตลาดอเมริกาหรือตลาดเกาหลี ที่มีเพียงวัฒนธรรมเพียงแบบเดียวแล้วเป็นตลาดใหญ่ด้วย แต่ทั้งหมดนี้ก็มีตัวเชื่อมเล็กๆ ที่พอจะทำให้สื่อสารกันได้ นั่นคือ “ภาษากอล์ฟ” เพราะไม่ว่าจะเป็นชาติไหน ภาษาไหน พฤติกรรมในกีฬากอล์ฟก็จะคล้ายๆ กัน
ผมมองว่าหน้าที่ในปัจจุบันของผมเหมือนกับคอนดักเตอร์ในวงออร์เคสตราที่คอยกำกับให้แต่ละคนเล่นดนตรีไปพร้อมๆ กัน หากแต่ละคนเอาแต่เล่นในจังหวะของตัวเอง เพลงจะไม่ออกมาเป็นเพลง หรือเป็นโค้ชที่คอยดูนักวิ่งแต่ละคน ใครที่วิ่งเร็วเกิน หรือช้าไป ก็ต้องปรับให้มาเป็นพอดีๆ ใกล้เคียงกัน ไม่งั้นจะมีการน็อครอบเกิดขึ้น เหมือนกับงานก็ต้องคอยปรับให้ทุกคนทำงานด้วยกันได้ เรามีพนักงานจากหลายประเทศ มีวัฒนธรรมแตกต่างกันไป บางประเทศทำงานด้วยความรวดเร็ว เราเองอาจจะช้ากว่า แต่บางแห่งช้ากว่านั้นอีก ก็ต้องคอยกำกับปรับจังหวะให้ เพราะเราทำงานกันเป็นทีม ต้องก้าวไปข้างหน้าให้พร้อมๆ กันทั้งหมด
จากเดิมที่เคยเป็นคนคิดเร็วทำเร็ว ก็ต้องกลับมาบอกตัวเองว่า เคยนับ 1 ถึง 10 ก็ต้องเพิ่มเป็น 1 ถึง 50 คิดให้เยอะ คิดให้หลายๆ มุมก่อนแล้วค่อยตอบ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นข้อผูกมัด เพราะอะไรที่พูดออกไปนั่นคือคำมั่นที่เรารับปาก ดังนั้นถ้าไม่มั่นใจว่าทำได้จริงๆ จะไม่พูด เพราะก่อนพูดเราเป็นนาย แต่เมื่อพูดไปแล้วคำพูดจะเป็นนายเราทันที
หน้าที่สำคัญอีกประการนั่นคือ จะทำอย่างไรเพื่อให้มีผลกำไรอยู่ในแดนบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวลาเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งหากทำได้สำเร็จนั่นแหล่ะคือความภาคภูมิใจที่แท้จริง เพราะตำแหน่งที่ได้รับมันไม่มีอะไรแน่นอน เดี๋ยวมาเดี๋ยวก็ไป ผมไม่ยึดติด สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องสร้างความไว้วางใจด้วยการทำผลงานที่ดีออกมาให้ทุกคนเห็น
ผมมีความตั้งใจอยากทำให้เมืองไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งบทบาทหน้าที่จะไม่ใช่แค่ตลาดในเมืองไทย เราต้องเป็นทีมช่วยเหลือตลาดให้กับทั้ง สิงคโปร์ มาเลย์เซีย และประเทศรอบด้าน รวมทั้งอินเดียด้วย ฉะนั้น พนักงานที่นั่งทำงานอยู่ในประเทศไทย บทบาทและหน้าที่จะเปลี่ยนไป เวลาจะคิดจะทำอะไร ก็ต้องคิด ต้องทำ เพื่อทั้งภูมิภาค เพราะเป็นตลาดของเราทั้งหมด แล้วในอนาคตอันใกล้ ปัญหาเรื่องความแตกต่างในด้านราคาจะค่อยๆ ลดลงไป โดยเราสร้างความได้เปรียบให้กับลูกค้าที่ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายในแต่ละพื้นที่ด้วยบริการหลังการขายที่สะดวกรวดเร็วกว่า การรวมกันของอาดิดาส และ เทย์เลอร์เมด ส่งผลให้เกิดแรงผลักดัน เทคโนโลยีต่างๆ สามารถนำมาเสริมให้ทำตลาดได้ดีขึ้น เช่น อาดิดาส มีพื้นรองเท้าชั้นกลางที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ ก็นำมาใส่ในรองเท้ากอล์ฟ ทำให้ได้รับความนิยม ไม่ว่าจะสำหรับกีฬาประเภทไหน พอเขาย้ายมาเล่นกอล์ฟ เราก็สามารถสื่อสารกับเขาได้ง่าย รวมไปถึงเครื่องแต่งกายที่เราก็ขยับขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งด้วยเช่นกัน
ผมชอบทำงานในทัวร์นาเมนต์กอล์ฟมากๆ ทุกครั้งที่มีงานใหญ่ๆ มา ผมอยากจะเข้าไปทำงาน ทั้ง แจกของ ดูอุปกรณ์ ดูออร์เดอร์ ทำฟิตติ้งเคยลองสมัครเข้าไป เขาก็บอกว่าผมเหมาะกับเรื่องการขายมากกว่า แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสผมก็จะเข้าไป เพราะมันทำให้ผมได้เห็นอะไรที่ชัดเจนมาก ได้คุยกับโปร ได้ดูเขาทดสอบลูกกอล์ฟ ทดสอบอุปกรณ์ หรือบางครั้งก็ไปอยู่กับร้านที่เขาเชี่ยวชาญ เราก็ได้เรียนรู้ไปกับเขาด้วย เพราะนี่คือเครื่องมือหากินของเขา ได้เรียนรู้ว่าโปรยุคใหม่ๆ ต้องมีระเบียบวินัยกับตัวเองสูงมาก ทั้งอาหารการกิน การออกกำลังกาย การศึกษา การฝึกซ้อม มิเช่นนั้นจะไม่มีโอกาสได้ไปไกลกว่านี้ ผมเชื่อว่าในปัจจุบัน โปรของไทยเราทั้งชายและหญิง เป็นที่ยอมรับรู้จักกันทั่วโลกแล้ว เราได้เห็นประวัติของนักกอล์ฟไทยในอดีตแต่ละคนที่ประสบความสำเร็จนั้นล้วนแต่เริ่มจากชีวิตที่ยากจน แต่มีความมุ่งมั่น สามารถฝ่าฟันจนทะลุอุปสรรคไปได้ แต่เมื่อมาเปรียบเทียบกับในยุคปัจจุบันแล้ว กว่าจะเป็นโปรได้ต้องมีพื้นฐานทางด้านทุนมากพอ ซึ่งมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ผมยังชอบลงทุนกับเยาวชน นักกีฬามือใหม่ อยากเห็นโปรที่เดินตามรอยเท้ารุ่นพี่ๆ อยากเห็นดาวดวงใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน อยากเห็นวงการกอล์ฟก้าวเดินไปข้างหน้า และมีแรงผลักดันให้เคลื่อนที่ไปโดยตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก ผมจึงลงไปเดินในทัวร์จูเนียร์ ตามสนามไดร์ฟ ไปคุยกับเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่เล่นกอล์ฟ เพื่อจะได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง ในยุคหนึ่งเรามีความภาคภูมิใจในการเคยเข้าไปดูแลนักกีฬา ซึ่งปัจจุบันก็กลายเป็นนักกีฬามือระดับชั้นแนวหน้าไปแล้ว ผมเคยร่วมเดินทางไปกับคณะนักกีฬาไทยออกไปแข่งต่างประเทศ ซึ่งเราได้ลุ้นทุกครั้ง ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะวัฒนธรรมไทยของเราก็มีเสน่ห์ นักกีฬามีบุคลิคความเป็นไทย แค่เห็นการแต่งกาย รู้ว่าเราเป็นนักกอล์ฟไทย รู้จักเราจากรูปลักษณ์ เขาจำได้ก็จะยกมือไหว้ทักทายเราแบบไทยๆ ทันที นั่นเป็นอีกสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ
ผมไม่ค่อยมีปรัชญาในการทำงานเท่าไรนัก แต่ก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองตลอดในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการคิด หรือการลงมือกระทำ ผมพยายามบอกทุกคนเสมอว่า ถ้าเราทำเหมือนเมื่อปีที่แล้ว ผลที่ได้ก็จะเหมือนเดิมหรือน้อยกว่าด้วยซ้ำ ตามสภาพเศรษฐกิจ แต่ถ้าเราได้ทำอะไรใหม่ๆ อย่างน้อยคือการได้ลอง เชื่อว่าผลงานจะดีกว่าเดิม แล้วเราไม่เคยทำงานแค่ตามงบ จะต้องมองให้ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าเสมอ
ผมไม่เคยตั้งเป้าหมายว่า ชีวิตจะต้องเป็นไปแบบไหน พยายามคิดไปเรื่อยๆ คงไม่มีสูตรสำเร็จอะไรเพียงสูตรเดียวที่จะใช้ได้ตลอดไป ผมเชื่อว่า เมื่อประตูปิด ก็ต้องมีหน้าต่างเปิด ชีวิตไปได้เสมอ ถ้าอยู่ ถ้าทำ แล้วมีความสุข แล้วต้องคิดให้เยอะ คิดให้ครบทุกมุม ผมจึงพยายามนำเอาบทเรียนต่างๆ ที่ตัวเองเคยได้รับแล้วมาถ่ายทอดให้กับเด็กๆ รุ่นหลัง
ถึงแม้งานจะเยอะขึ้น ต้องเดินทางมากขึ้น ผมก็ยังอยากจะเล่นกอล์ฟอยู่เสมอ กีฬาอื่นๆ ที่ต้องเคลื่อนไหวมากๆ ก็อาจจะไม่เหมาะแล้ว จนถึงขนาดตั้งสโลแกนว่า I am a golfer นานๆ ได้เล่นสักครั้งก็ยังดี เพราะทันทีที่ได้ลงไปสัมผัสแฟร์เวย์ ได้ตีขุดพื้นขึ้นมาจนได้กลิ่นดินกลิ่นหญ้า ได้ไดร์ฟ ได้ตี ได้ออกไปลองอุปกรณ์ใหม่ นั่นเป็นการเล่นกอล์ฟเพื่อความสุขอย่างแท้จริงของผมครับ