คอลัมน์ในอดีต

เมตตา 4

เมตตา 4

เสียงเรียกจากยายเอม พร้อมกับเอื้อมมือเขย่าแขนหลานสาวเบาๆ วดีๆวดีๆ
เสียงเรียกของยายเอม ทำให้ราชาวดีค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแบบงงๆ คำแรกที่วดีเอ่ย ยาย ยาย! วดีหลับไปได้ยังไงนี่!
พระนิรันตระยืนตระหง่านอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้นเท่าใดนัก
ราชาวดียกมือประนมไหว้ทันที ดอกไม้ที่เก็บจะไปถวายพระนิรันตระหล่นอยู่ข้างๆ ตัว….ขอโทษเจ้าค่ะ หลวงตา
วดีขอโทษทั้งยายและหลวงตา วดีนี่แย่จริงหลับไปได้ยังไงเนี๊ยะ! หลวงตาเจ้าค่ะ…เหมือนอยากเล่าซะเดี๋ยวนี้
ยายเอมรู้เท่าทันจึงเอ่ยขึ้นก่อน …ไปลูกไปล้างหน้าล้างตาที่ริมลำธารนั่นก่อน แล้วค่อยมาเล่าให้หลวงตาฟัง
พระนิรันตระ…อาตมา จะรออยู่ที่ลานหินนี่แหละนะโยม
ราชาวดี…เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ

ราชาวดีเร่งฝีเท้าเพื่อไปล้างหน้าให้สดชื่นขึ้นตามคำที่ยายบอก
พระนิรันตระ…ยายไปนั่งรอราชาวดีเขาก่อน จะได้ไขปริศนาธรรมและฟังธรรมไปพร้อมๆกัน วันนี้อาตมาจะพูดถึงความเมตตาต่อจากครั้งที่แล้ว
ยายเอม…เจ้าค่ะ
ราชาวดี อุ้มน้ำขึ้นลูบที่ใบหน้า สายตาที่ก้มดูน้ำใส ภาพเก่านั้นเข้ามาอีกแล้ว เจ้านาง เจ้านางจันทร์ฉายผู้งดงาม เด็กหัวจุกหญิงชาย แล้วเจ้านางจันทร์ฉายก็หายไป ราชาวดีขยี้ตาอีกครั้ง และลุกขึ้นหมุนตัวกลับรีบก้าวเท้าเดินไปยังลานหินที่พระนิรันตระและยายเอมนั่งรออยู่

พระนิรันตระสังเกตอากัปกริยาของราชาวดีที่มีข้อสงสัยในปริศนาธรรมและกำลังมีข้อวิตกกังวลจึงเอ่ยขึ้นว่า
พระนิรันตระ…เจ้าอย่ากังวลในสิ่งใดเลย ราชาวดี
ราชาวดีถึงกับสะดุ้ง ขณะที่ก้มลงกราบพระรันตระ
พระนิรันตระ…จงทำใจให้สบายค่อยๆเล่าในสิ่งที่อยากจะบอกเมื่อสักครู่นี้ ตามที่โยมอยากจะบอกเล่าให้อาตามาฟัง
ราชาวดี…เจ้าค่ะ หลวงตา…วดีรู้สึกง่วงตอนเก็บดอกไม้ และเหมือนกับเหตุการณ์ซ้ำเดิมๆ มีเจ้านางวดีจำแม่นว่าชื่อ เจ้านางจันทร์ฉาย มีเด็กหัวจุกผู้หญิงผู้ชาย วดีเห็นภาพนี้บ่อยครั้งซ้ำๆ เมื่อสักครู่ไปล้างหน้าที่ริมธาร มองลงไปในลำธาร วดีเห็นเจ้านางจันทร์ฉายแต่ก็หายไป มองเห็นเด็กหัวจุกชายหญิงสองคนมองมาที่วดี แล้วเรียกแม่จ๋า แม่จ๋า วดีตกใจมากหลวงตา  รีบเดินมาหาหลวงตานี่แหละเจ้าค่ะ

พระนิรันตระ ขณะที่ราชาวดีเล่า ได้หลับตาลงและกำหนดตามคำบอกเล่า รำพึงในใจ…ข้าจะบอกเจ้าอย่างไรดีเปีย ลูกของเราทั้งสองคนเขายังไม่ได้ขึ้นมาจุติในภพมนุษย์ ทั้งๆที่เขาก็อยู่สุขสบายในเมืองบาดาล หลวงพ่อพระสุกคุ้มครองดูแลเป็นอย่างดี…
ราชาวดีเล่าจบแต่พระนิรันตระยังไม่ลืมตา ทำให้ราชาวดีรู้สึกอึดอัดจนต้องหันมากระซิบยายเอมซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
ราชาวดี…ยาย ยายจ๋า หลวงตาไม่เห็นลืมตาขึ้นมาเลย
ยายเอม…ส่งสัญญาณ ห้ามพูด
ราชาวดีจึงหยุดซักถาม

สักครู่ พระนิรันตระก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วเอ่ยขึ้นว่า…ดูกรโยมทั้งสอง วันนี้ให้เข้าสมาธิเสียก่อน ก่อนที่อาตมาจะเผยข้อสงสัยในปริศนาธรรม เอ้า นั่งขัดสมาธิ เท้าขวาทับเท้าซ้าย หายใจเข้าพุธ หายใจออกโธ และยิ้มกับตัวเองตามที่อาตมาเคยบอกไว้

เวลาผ่านไปพักใหญ่ พระนิรันตระเห็นว่าสองยายหลานเข้าสมาธิได้นิ่งแน่วแน่ จึงค่อยๆเอ่ยขึ้นว่า…เอ้า…ค่อยๆลืมตาและถอนสมาธิ รู้สึกดีขึ้นไหม?สบายใจขึ้นแล้วนะโยม พระนิรันตระหันไปทางราชาวดี

ราชาวดี…เจ้าค่ะ หลวงตา เจ้าค่ะพระคุณเจ้า ยายเอมตอบต่อจากหลานสาว
พระนิรันตระ…ความห่วงความวิตกกังวล มีอยู่ในมนุษย์ทุกรูปทุกนามนั่นแหละโยม ถ้าเราปล่อยวางได้ เหมือนโยมเข้าสมาธิ เมื่อสักครู่ใจจดจ่ออยู่กับการบริกรรมก็จะเป็นการปิดกั้นกิเลส และนิวรณ์ ทั้งปวงทำให้เรารู้สึกสงบ และเป็นสุขจริงไหมโยม?
ราชาวดี และยายเอม พนมมือ พยักหน้าตอบรับพร้อมกัน

พระนิรันตระ…จากที่โยมราชาวดีเล่าให้อาตมาฟังนั้น อาตมาให้โยมแค่แผ่เมตตา ให้เด็กชายหญิงสองคนนั้น โดยลำดับตามนี้นะโยม อันนี้ยายเอมก็ทำด้วยกันเลยตามลำดับ แผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน อย่างที่อาตมาเคยบอก ลำดับต่อมา แผ่เมตตาให้ บิดา-มารดา หรือคนที่เราเคารพ ลำดับต่อมา ผู้เป็นที่รักอาจเป็นเพื่อนหรือคนใกล้ชิด แต่โยมราชาวดีก็ให้เด็กหัวจุกชายหญิงทั้งสองคนนั้น ลำดับต่อมาบุคคลที่เรารู้สึกเฉยไม่ชอบไม่ชัง และลำดับสุดท้าย บุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา การที่เราฝึกบริกรรมเมตตาให้กับตัวเอง เมื่อเรามีเมตตาเกิดขึ้นมากแล้วในความรู้สึก และมีสมาธิตั้งมั่นขึ้นแล้ว เราก็พร้อมที่จะเผื่อแผ่เมตตาของเราให้แก่ผู่อื่น

ราชาวดี…แล้ววดีมีความเกี่ยวพันอะไรกับเด็กหัวจุกชายหญิงสองคนนั้น
พระนิรันตระ…คนเราที่เกี่ยวพันผูกโยงกันเรียก “สัญญา” แปลว่าหมายจำ เพราะฉะนั้นโยมอย่าไปวิตกกังวลเพียงแต่เอาเมตตาบุญของเราที่ทำให้ภพชาตินี้แบ่งปันให้เขาทั้งสอง
ราชาวดี…ทำไมวดีได้ยินเขาเรียกวดีว่า แม่จ๋า แม่จ๋า ละค่ะหลวงตา
พระนิรันตระ…อย่าไปกังวลตรงนั้นเลยโยม (พระนิรันตระเลี่ยงที่จะตอบ) เราเอาเมตตาที่โยมมีเต็มเปี่ยมแบ่งปันให้เด็กทั้งสองก็เพียงพอแล้ว
ราชาวดี…แล้วทำไมวดีถึงเห็นเขาทั้งสองบ่อยมากๆ แต่เจ้านางหายไป
พระนิรันตระ…หยุดนิ่ง…อย่ากังวลเลยโยม ตอนนี้โยมเห็นเด็กหญิงชายสองคนก็แผ่เมตตาเฉพาะเด็กหญิงชายสองคนก็พอก่อน แล้วอาตมาจะค่อยๆบอกให้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม นี่ก็บ่ายคล้อยแล้วเดี๋ยวจะค่ำกลับออกไปอันตรายผู้หญิงสองคน ไว้วันพรุ่งนี้อาตมาไปบิณฑบาต อาตมาจะกลับมาฉันเพลที่บ้านโยมก็แล้วกันนะโยม
ยายเอม…อิฉันก็กำลังจะนิมนต์อยู่พอดีเจ้าค่ะ
ราชาวดี…เจ้าค่ะหลวงตา ถึงแม้จะรู้สึกกังวลในคำตอบที่ยังไม่กระจ่างนัก แต่ก็รู้สึกสดชื่นขึ้นเพราะพรุ่งนี้หลวงตาจะไปให้ธรรมะต่อที่บ้าน
ยายเอม ราชาวดี ก้มลงกราบลงพร้อมๆกัน
พระนิรันตระ…เจริญพร คืนนี้กลับไปสวดมนต์ไหว้พระ สมาธิแผ่เมตตาตามที่อาตมาสอนนะโยม อย่าวิตกกังวลใดๆทำใจให้สบายเถอะโยม
ราชาวดี ยายเอม…เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ

มณีจันทร์ฉาย