Interview

ศรีวงศ์ อาญาสิทธิ์

ศรีวงศ์ อาญาสิทธิ์
หนังสือพิมพ์ ข่าวสด USA
“คนเราต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อนฝูงต้องมี”

เด็กเพชรบุรี : คุณพ่อเป็นครู คุณแม่เป็นแม่บ้าน อยู่จังหวัดเพชรบุรี เราอยู่บ้านนอกแต่เข้าไปเรียน ม.7 ในเมือง ผลการเรียนดี ได้ที่หนึ่งประจำอำเภอ เรียนไปเรื่อย ๆ ชอบเล่นกีฬาบาสเกตบอล ก็เล่น แข่งขันไปเรื่อย ๆ ตอนเรียนจบ ม.7 แล้วมีช่วงพักก่อนขึ้น ม.8 หลอกพ่อแม่ว่าจะมาสอบพยาบาล แต่จริง ๆ คือ พี่ชายพามาเที่ยวกรุงเทพฯ (หัวเราะ) แต่ไหน ๆ มาแล้ว ก็สมัครสอบสักหน่อยละกัน จริง ๆ แล้วเขารับเฉพาะลูกทหาร แต่ปีนั้นสอบได้ไม่ครบจำนวนโควต้า จึงเปิดรับพลเรือนเป็นปีแรก มีผู้ไปสมัคร 7-8 ร้อยคน รับแค่ 30 คน เกือบจะไม่สมัครแล้ว เพราะคิดว่ายังไงก็ไม่น่าสอบได้ ถึงขนาดเพิ่งมารู้ความหมายของคำว่า Nurse คือ พยาบาล ก่อนเข้าห้องสอบไม่กี่นาที (หัวเราะ)

16 บอก 17 : เขารับอายุ 17 – 20 แต่เราอายุแค่ 16 ก็ต้องบอกให้เกินจริงไป ส่วนเพื่อนอีกคน อายุ 24 ก็บอกว่า 20 พอมาเรียนอยู่ด้วยกันก็เลยดูต่างกันเยอะ ต่างคนต่างไม่แจ้งตามจริง (หัวเราะ) เพราะสมัยโน้นยังทำได้ง่าย ตอนประกาศผล พอไปดูแล้วเราสอบได้ ดีใจมาก แล้วยังแอบนึกอยู่เลยว่า ยังมีคนอื่นที่ฉลาดน้อยกว่าเราอีกเยอะเลยนะ (หัวเราะ) หลอกแม่ว่าจะมาสอบ ทั้งที่จริงตั้งใจมาเที่ยว แต่เมื่อสอบได้จริง ๆ ก็ไม่ได้เที่ยว (หัวเราะ) คิดว่านี่คงเป็นโชคชะตาที่จะทำให้ได้ไปต่างประเทศ

พยาบาลทหารอากาศ : ต้องอยู่ประจำ ทุกอย่างเข้มงวดมาก จะออกไปข้างนอกต้องมีคนมารับส่ง การเรียนก็ค่อนข้างหนักเพราะต้องเรียนไปทำงานที่ได้รับมอบหมายไปด้วย สนุก มีกฎระเบียบเยอะ แต่ไม่ค่อยปฏิบัติตามเท่าไหร่ ตามประสาวัยรุ่น (หัวเราะ) ก็ถูกลงโทษ ถูกตัดคะแนนบ้าง พอเรียนจบ จังหวะชีวิตช่วงนั้นสอบเข้าครูพยาบาลได้ เรียนต่ออีกสองปี กลับมาก็เป็นหัวหน้าตึก สอนหนังสือ เป็นซูเปอร์ไวเซอร์ ทำงานหนักมาก แต่ไม่เคยเกี่ยง ทำทุกอย่างตั้งแต่ปีหนึ่ง ยิ่งถ้าเปรียบเทียบกับของอเมริกาแล้ว กฎหมายบ้านเขาเยอะ ไม่มีใบอนุญาต ทำไม่ได้เลย ผิดพลาดไปโดนฟ้องเอาง่าย ๆ ขณะที่บ้านเรา ลุยหมด (หัวเราะ) ยิ่งเราเป็นพยาบาลที่ได้รับการฝึกแบบทหารมาแล้ว เกือบจะไปเวียดนาม ไปช่วยรบด้วยซ้ำ

ไปอเมริกา : เพื่อน ๆ ไปกันก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ยังไม่สนใจ เลือกไปเรียนต่อครูพยาบาล พอกลับมาทำงาน เพื่อน ๆ มายืมเงิน แล้วก็ไม่คืน เราก็เดือดร้อน จนตัดสินใจว่าไม่อยู่แล้ว และเพื่อน ๆ ไป อเมริกา กันเยอะ เพราะช่วงนั้นประเทศเขาต้องการอาชีพพยาบาล ทราบมาว่าเงินเดือนเป็นสิบเท่าของที่นี่ ส่วนเราตอนนั้นเป็นเรืออากาศตรี ทำงานสารพัด แต่เงินเดือนแค่พันบาท งั้นเราไปดีกว่า (หัวเราะ) กับที่บ้านก็ไม่ได้ขออนุญาต แค่บอกว่าจะไปแล้วนะ แล้วก็ไปเลย เหมือนกับที่แจ้งผู้อำนวยการฯ ก่อนเดินทางสองวัน ไปพบท่านแล้วก็บอกว่า ขาลาออกค่ะ จัดการเรื่องการเดินทางทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ส่วนเรื่องงานในความรับผิดชอบต่าง ๆ ได้ฝึกเจ้าหน้าที่ไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะเกรงว่าถ้าบอกท่านล่วงหน้านาน ๆ จะไม่ได้รับอนุญาต (หัวเราะ) เดินทางไกลครั้งแรก ไปแบบยังไม่รู้อะไรเลย ขึ้นเครื่องการบินไทย แอร์บอกว่า “ค็อฟฟี่ ที้” ๆ ยังฟังไม่ออกว่าหมายถึงอะไร (หัวเราะ) เรียกว่าไปเสี่ยงจริง ๆ มีเพื่อนที่ทำเรื่องได้ เดินทางไปด้วยกันอีกคน ลุยเอาดาบหน้าทั้งคู่ ตอนต่อเครื่องที่ฮาวาย ภาษาก็ไม่ค่อยดี เอกสารทั้งหมดให้ทนายทำให้ เตรียมใส่ถุงเรียบร้อย ไปถึงก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ เขาบอกให้รอ 15 นาที ตอนนั้นรู้แค่ว่าเราต้องมีบัตรเขียวถึงจะเข้าประเทศได้ กลายเป็นว่าเขานำกรีนการ์ดมาให้เลย แต่ก็ตกไฟลท์ (หัวเราะ) เพื่อนที่ไปอยู่ก่อน มารอรับที่แอลเอก็มารอเก้อ ต้องรอเที่ยวบินถัดไปอีกวัน พอไปถึงก็ไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นอะไรมาก เพราะยังไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วยังทำงานทันทีไม่ได้ ต้องสอบให้ได้ใบอนุญาตก่อน ภาษาก็ยังไม่ได้ ต้องเรียนเพิ่มเติมก่อน รัฐบาลสอนให้ฟรี เรียนกับพวกเม็กซิกัน ซึ่งเขาฟังกันออก ขณะที่พวกเราเก่งเซนเทนซ์ แต่ฟังไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) สำเนียงก็มีหลากหลาย ยิ่งทำให้ยากเข้าไปอีก

งานธนาคาร : เตรียมไปเป็นพยาบาล แต่ระหว่างรอสอบใบอนุญาตฯ ก็ได้ทำงานธนาคารก่อน ตำแหน่งพนักงานคอมพิวเตอร์ บางครั้งป้อนข้อมูลแล้วเงินหายไปหนึ่งเซนต์ เราจะขอออกให้ เพื่อจะได้เสร็จงาน (หัวเราะ) เขาก็ไม่ยอม ต้องเริ่มทำกันใหม่ให้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำไปสักพัก คิดว่าถ้ามัวแต่มาทำงานธนาคารอยู่อย่างนี้ เราจะสอบใบอนุญาตพยาบาลไม่ได้แน่ เพราะขาดประสบการณ์ ตัดสินใจมาทำที่โรงพยาบาล เป็นผู้ช่วยฯ อย่างน้อยก็ได้สัมผัสงานในขอบเขตของเรา ระหว่างนั้นก็อ่านหนังสือเตรียมสอบ หลักสูตรการเรียนของเราทางโน้นเขายอมรับ เพียงแต่ต้องสอบให้ผ่านใบรับรองวิชาชีพพยาบาล ซึ่งยากมาก สอบหลายครั้งกว่าจะผ่าน

พยาบาลวิชาชีพ : พยาบาลที่มาจากไทย เป็นที่ทราบกันดีว่า ทำงานเก่งมีประสบการณ์ และทำด้วยใจจริง ๆ แต่ปัญหาคือภาษา ยิ่งพอรู้ว่าเราต้องไปทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยฯ ที่รับเงินค่าจ้างถูกกว่าความสามารถในการเป็นพยาบาลของเรา เขาก็ยิ่งชอบ แต่จำต้องอยู่ไปแบบนั้นจนกว่าจะสอบผ่าน ได้ใบอนุญาต RN (Registered nurse) ชีวิตเปลี่ยนทันที ค่าแรงจะขยับขึ้นอีกเยอะเลย ทำงานล่วงเวลากันเต็มที่ เรางกเงิน (หัวเราะ)

ทำงานเพื่อสังคมไทย : พอทำงานไปได้สักพัก ชีวิตเริ่มอยู่ตัว เริ่มมีสมาคมพยาบาล เข้าไปทำบุญ ตอนนั้นวัดไทยที่ใหญ่ที่สุดใน ลอสเองเจลิส ยังไม่ได้สร้าง พวกเราเป็นโยมอุปัฏฐากไปช่วยกันดูแล ตั้งแต่ยุคที่เพิ่งเริ่มต้น เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ จนในปัจจุบันใหญ่โตอย่างที่เห็น เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนไทย และยังมีวัดเกิดขึ้นอีกหลายแห่ง คนทำบุญก็เยอะ

สื่อสารมวลชน : เข้ามาอยู่ในวงการฯ ด้วยความบังเอิญจริง ๆ หลังจากทำงานพยาบาลมาได้สองปี ช่วงนั้นหนังสือพิมพ์ข่าวสด ยูเอสเอ เริ่มเปิด อยากรู้อยากเห็นว่าเขาทำยังไงกัน พอดีรู้จักกับเจ้าของ ก็เข้าไปช่วย เริ่มด้วยการทำอาหารไปให้เวลาเขาปิดเล่ม (หัวเราะ) สมัยนั้นต้องซื้อตัวอักษรลอกจากเมืองไทยไป เวลาพาดหัว ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ ต้องนำอักษรลอกสิบตัวมาแปะให้พอดีกับเนื้อที่กระดาษ ในยุคนั้นคนไทยที่นั่น ต้องการความช่วยเหลือมาก โดยเฉพาะยามเจ็บป่วย จะไปโรงพยาบาลก็ไม่มีเงิน เราเป็นทั้งพยาบาลและเขียนบทความให้กับหนังสือพิมพ์ด้วย ให้คำแนะนำเรื่องสุขภาพ เพื่อให้ดูแลตัวเองกันได้บ้าง การปฐมพยาบาลอย่างถูกต้อง การดูแลคนไข้ พยายามสื่อทุกทาง ช่วยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะสมัยก่อนยังต้องพึ่งพากันเอง ไม่เหมือนปัจจุบัน ที่มีองค์กรต่าง ๆ ให้การรักษาฟรีเข้ามาดูแลกันเยอะแล้ว

ข่าวสดยูเอสเอ : เจ้าของจำเป็นต้องกลับเมืองไทย เราก็เห็นว่าถ้าปิดไปพนักงานที่เห็นหน้าค่าตากันอยู่จะตกงาน เลยรับช่วงงานต่อ ทำหน้าที่เป็น บรรณาธิการ อาศัยว่าชอบเขียนอยู่แล้ว ทำด้วยใจรัก แต่กลายเป็นว่า ต้องเอาเงินจากอาชีพพยาบาลมาช่วยงานหนังสือพิมพ์ (หัวเราะ) ยุคนั้น หนังสือพิมพ์ มีส่วนช่วยสังคมคนไทยเยอะมาก สมัยก่อนยังไม่มีอะไรเลย จึงเป็นสื่อให้คนไทยได้พอรู้ว่าใครเป็นใคร เป็นสื่อกลางในการสื่อสารให้ทุกคน มีอยู่ช่วงนึงที่ใครอยากมีชื่อเสียงต้องทำหนังสือพิมพ์ จนมีหัวหนังสือพิมพ์ของไทย มากถึง 13 ฉบับ แต่พอผ่านยุคนั้นมาลดลงจนเหลือแค่ 3 ฉบับ ในปัจจุบัน

ไทยนิวเยียร์สงกรานต์เฟสติวัล : สมัยก่อนงานเทศกาลของไทย มีจัดกันเรื่อย แต่เป็นต่างคนต่างจัด จนทางการถามว่า ทำไมไม่รวมกันจัด จนเกิดเป็นงานใหญ่ขึ้น ปิดถนนฮอลลีวูด ซึ่งทำได้ยากมาก ถึงงานจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่ส่วนตัวนั้นเอ่ยปากไว้เลยว่า ใส่พานทองมาถวายก็ไม่รับจัดให้ (หัวเราะ) เพราะงานนี้ยากมาก ๆ แต่ในที่สุดก็ทนเสียงรบเร้าขอร้องจากรอบข้างไม่ได้ ต้องรับหน้าที่เป็นประธานจัดงาน ไทยนิวเยียร์สงกรานต์เฟสติวัล เป็นงานใหญ่ที่สุดในอเมริกา เปิดถนนถึงแปดช่วงตึก คนทุกเชื้อชาติ มาจากทั่วทุกรัฐ เวลาไม่จัด เขาก็จะถามหาเมื่อไหร่จะมีจัดอีก มีเวทีมวย เวทีประกวด เวทีดนตรีไทย รำวงย้อนยุค ซุ้มอาหาร ขายสินค้าต่าง ๆ ฯลฯ เยอะแยะไปหมด ปีแรกยอมรับว่าแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะมีคนช่วยทำงานทั้งหมด แล้วบอกว่าให้เราทำหน้าที่แค่คอยรับแขก แต่กลายเป็นว่าเบื้องหลังวุ่นวายกันมาก เพราะเรื่องการติดต่อกับราชการนั้นซับซ้อน มีรายละเอียดเยอะ ซึ่งเวลานั้นเราไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในที่สุด ก็ผ่านพ้นไปได้

เบื้องหลังความสำเร็จ : มาศึกษาว่า ต้องทำอย่างไรถึงจะจัดงานนี้ให้ประสบความสำเร็จได้ หลังจากนั้นถึงแม้ใครจะมาเป็นประธาน เราช่วยเต็มที่ ขออยู่เบื้องหลัง หน้าที่เราจริง ๆ คือคอยประสานงานทุกส่วนให้เป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนมาช่วยกันด้วยใจ ใหม่ ๆ ระหว่างจัดงานต้องเช่าโรงแรมอยู่ เพราะเราไม่ได้นอนกันทั้งคืน ถ้าไม่ได้อาสาสมัครงานนี้ก็ไม่สำเร็จ งานนี้ต้องใช้คนจำนวนมาก ทุกคนเป็นจิตอาสา นอกจากไม่ได้อะไรแล้ว ยังต้องเสียสละให้อีกด้วย แต่นี่คือการทำเพื่อชื่อเสียงของประเทศไทย งานนี้จึงประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้เข้าชมงานปีละกว่าสองแสนคน เป็นงานใหญ่ที่สุด นครลองเองเจลิส ลงในปฏิทินให้เลยว่าเป็นอาทิตย์สุดท้ายของเดือนเมษายน แล้วทุกครั้ง จะจบงานด้วยการเป็นคนกวาดถนนเองกับเพื่อน ๆ เพราะถึงจะจ้างคนมาช่วยก็แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องดูความเรียบร้อยด้วยตัวเอง เคยมีอยู่ครั้ง ที่กลับบ้านไปนอนแล้ว มีโทรศัพท์มาบอกว่าในงานขยะยังเต็ม ถ้าไม่ทำความสะอาด ปีหน้าจะไม่ให้จัด เราก็โทรหาทุกคนที่คิดว่าจะช่วยกันได้ ใครรับสายก็ถือว่าดวงดี ต้องไปช่วยเราไปเก็บกวาด (หัวเราะ)

ให้เวลากับสังคม : เวลาทำงานก็ทำงานปกติไป แต่พอกลับมาบ้าน มีเวลาส่วนตัว ก็ให้เวลากับชาวบ้านเยอะ บางครั้งมากกว่าครอบครัวด้วยซ้ำ ใครเจ็บ ใครป่วย เดี๋ยวก็โทรมา จะขายรถ ก็ยังโทรมา แม้กระทั่ง ขโมยขึ้นบ้าน ก็ยังโทรมาหาทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เราถามก็ไปว่า แล้วทำไมไม่แจ้งตำรวจ แจ้งประกัน เขาก็ตอบแบบถามว่า แล้วจะต้องแจ้งยังไง เราก็ถามอีกว่าแล้วมีลูกหรือเปล่า เกิดเหตุแบบนี้ทำไมไม่โทรตาม เขาก็บอกว่า มีค่ะ ลูกเป็นทหารอยู่ซานดิเอโก้ แต่เขายุ่งอยู่… อ้าว แล้วเราล่ะ ไม่ยุ่งรึไง (หัวเราะ) แม้กระทั่งเรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ถ้าเขาคิดอะไรไม่ออก รู้จักไม่รู้จัก ก็โทรหา เราเลยเหมือนเป็นกระโถนท้องพระโรง (หัวเราะ) ถ้าเราช่วยได้ ก็เต็มใจช่วยเต็มที่ เป็นความสุขของเราอย่างนึงก็ว่าได้ เลยต้องไปเป็นทั้งนายกสมาคมพยาบาลฯ, นายกสมาคมสื่อมวลชน ฯลฯ เพราะเคยเห็นผู้ชายทำงาน เวลามีข้อขัดแย้ง จะทะเลาะกันแบบไม่มีใครยอมใคร แต่การเป็นผู้หญิงแล้วทำหน้าที่อยู่ตรงกลาง คอยประสานฝ่ายต่าง ๆ อาจทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงไปได้บ้าง (หัวเราะ)

ทำบุญ ช่วยเหลือคน : คนเราต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อนฝูงต้องมี เราถือเอาสิ่งนี้มาเป็นส่วนหนึ่งของความสุขในชีวิต ชอบทำบุญ คนที่นั่นนิยมแต่งชุดไทย นุ่งผ้าถุงยาว เสื้อแบบไทย ได้แต่งตัวสวย ๆ ไปทำวัด ไปทำบุญ หรือออกงานสังคมบ้าง ทำให้รู้สึกสดชื่น แล้วชอบช่วยเหลือคน ต้องมองโลกในแง่ดี ไม่ไปเครียดอะไรด้วยมาก แต่ถ้าไม่พอใจก็สวดไปเลย (หัวเราะ) แล้วก็จบแค่นั้น ถ้าไม่เครียดมาก อะไรก็ดีขึ้น ถึงบางครั้งจะบ่นโน่นบ่นนี่บ้าง แต่หากมีอะไรพอช่วยได้ก็ช่วยหมด เพราะบางเรื่องก็น่าช่วย แต่บางเรื่องก็ไม่มีเหตุผล

บ้านเกิด : ถึงแม้จะจากไปนานแค่ไหน แต่จิตใจยังรักเมืองไทยอยู่ตลอดเวลา มีโอกาสก็จะกลับมาเยี่ยมเยียนเสมอ เพียงแต่ว่า การไปอยู่ต่างประเทศ ทำให้เรามองเห็นโลกกว้างขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะอยู่ที่นี่ เราไม่ใช่คนใหญ่คนโต เรามีขีดจำกัด แต่อยู่โน่นเรามีโอกาสช่วยเหลือกันและกันมากขึ้น โดยเฉพาะกับคนไทยด้วยกันค่ะ