ยกแรกที่ยังไม่ผ่าน
ยกแรกที่ยังไม่ผ่าน
เรื่องราวของการโหวตของสภาที่จะเลือกเฟ้นหาที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาบริหารประเทศในฐานะของผู้นำคนที่ 30 สรุปว่า “คุณพิธา” ไม่สามารถฝ่าด่านหินโหดออกไปได้ ผู้นำพรรคก้าวไกลสามารถเรียกคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อสองเดือนก่อน เรียกว่ามีคะแนนเสียงสีส้มทั้งตารางคะแนน ด้วยเสียงที่ประชาชนขนาดนี้อะไรที่จะมาหยุดม้าศึกตัวนี้ได้… มันยากมากที่จะปฏิเสธหนุ่มไฟแรงนาม “พิธา” ที่จะขึ้นเป็นผู้นำของคณะรัฐมนตรี แต่สุดท้ายผลการโหวตยกแรกคะแนนขาดหายไป 50 กว่าเสียง สรุปว่ายกแรกจบออกมาแบบที่หลายคนรวบรวมเหตุและผลเท่าที่จะหาได้มาสรุปแล้วก็ออกมาตามที่เกจิการเมืองบอกไว้ก่อนหน้านั้น คือ “พิธา จะแพ้การโหวต” ผมเองก็มองเช่นนั้นเหมือนกัน…
แล้วทำไมคนที่ทั้งหนุ่มทั้งทันสมัยได้ใจกับนโยบายที่พกใส่กระเป๋ามาเต็มอย่าว่าแต่แต่เด็กหรือคนรุ่นใหม่เลยสาวแก่แม่หม้ายก็เทใจให้เขาเหมือนกัน ไอ้ความเป็นจริงหาก “พิธา” อยากช่วยเหลือประเทศชาติในฐานะของอะไรก็ช่าง เริ่มจากเป็นอะไรสักอย่างในฐานะ “รัฐมนตรี” กระทรวงอะไรสักแห่งเก็บเกี่ยวความเจนจัดของเวทีการเมืองให้มากกว่านี้บางทีวันนี้อาจเป็นวันที่ดีของเขาเอง… ส่วนอีกข้อคือปากคอที่ยังอ่อนหัดในการเจรจาเพราะคำว่า “เจรจา” มันต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ควบรวมกันไป…
แต่ข้อสุดท้ายที่ถือว่าเขาทำผิดมากคือ “การไปยุ่งวุ่นวายกับมาตรา 112” ถึงแม้จะมาแก้ต่างในช่วงเวลาก่อนโหวตไม่นานมันก็ไม่ช่วยให้เขารอดพ้นจากความไม่ไว้วางใจใครต่อใครไปได้ ลองมองย้อนกลับไปก่อนหน้า “หนุ่มพิธา” ปากกล้าจัดจ้านฝากรอยแผลให้กับผู้คนที่ยังรักในสถาบัน “พระมหากษัตริย์” นับเป็นรอยแผลฝังลึกที่ยากที่จะลืมในฐานะของคนที่เคยเจอ เด็กเล็กคนนี้ในนามของ “ด.ช.ธิม” ผมก็ว่าเขาก็เป็นผู้นำพี่น้องสามคนดีนะครับ สอนกันมาก็หลายปีผมว่าผมก็รักเขาโขอยู่เหมือนกัน แต่พอเขาเข้ามาเล่นการเมืองทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ กล้าคิดกล้าทำ…ในหลายนโยบายมันก็ถูกใจอยู่แต่พอมาแตะมาตรา 112 แบบแรงๆ ผมเองบอกได้เลยว่า “ทำใจยากและเลือกแค่มอง” ในฐานะครูคนหนึ่งแค่นั้นเอง… ในยามที่เขาแต่งงานเราก็ชื่นใจหรือจะละลายคำว่าครอบครัวก็เสียใจไปกับเขาด้วย…
ถ้าเรามองย้อนกลับไปตอนที่ “ราชวงศ์จักรี” ก่อร่างสร้างประเทศเรามีดินแดนที่เรียกได้ว่าเกือบจะทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขาดไม่กี่มากน้อยเป็นของเราหมดด้วยพระปรีชาสามารถของ “พระมหากษัตริย์” ในพระองค์ต่อมาที่นำชาติมายืนถึงวันนี้ ผมเองอยากถามว่าเราได้ไกลขนาดนี้ด้วยระบบการปกครองอย่างไร พอเรามีประชาธิปไตยเข้ามามันส่งผลให้ประเทศไทยเราลุ่มๆ ดอนๆ แน่นอนเราจะย้อนเข็มนาฬิกานำเอาระบบการบริหารประเทศแบบเดิมที่เกรียงไกรกลับมาไม่ได้ แต่เรายังมีคำว่าพระมหากษัตริย์ติดอยู่ 1 ใน 3 ของสถาบันเป็นหลักเสียด้วย…
นี่แหละครับประเทศไทยหากใครก็ตามที่คิดจะนำพาประเทศโดยละเลย “กษัตริย์” หรือจะลดความสำคัญลงรับรองเขาจะไม่ได้อะไรกลับไปในชีวิตเลยแล้วบาดแผลที่เขาก่อไว้จะกลับไปเป็นบาดแผลของเขาเอง….
ครูไก่