ยินดีด้วยอีกครั้งกับโปรเม
ยินดีด้วยอีกครั้งกับโปรเม…
และคงจะมีความยินดีอีกหลายๆครั้งตามมา
สมัยเมื่อประมาณปี พ.ศ.2539 เป็นต้นมา ผมมีความชื่นชอบ ไทเกอร์ วูดส์ มาก
สาเหตุที่ชื่นชอบมีหลายสาเหตุ หนึ่งคือเป็นคนที่เล่นสนุก บุคลิกดี ดูเป็นนักกีฬา เป็นนักสู้
สอง ชอบเพราะเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ซึ่งไม่ได้สนใจว่าเขาจะรู้สึกว่าเป็นคนไทยหรือไม่ หรือจะทราบแค่ว่ามีสายเลือดไทย
สาม ชอบเพราะเขาเป็นคนที่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ไม่เคยพูดพาดพิงหรือชวนทะเลาะกับใคร
สี่ ชอบเพราะเขาทำให้เด็กๆและคนทั่วไปสนใจอยากเล่นกอล์ฟ ทำให้อาชีพสอนกอล์ฟของผมดีขึ้นเป็นอย่างมาก
ได้แต่คิดว่า สักวันจะต้องมีคนไทยแท้ๆ เกิดและโตในประเทศไทย เริ่มเล่นกอล์ฟในประเทศไทยเก่งแบบไทเกอร์สักคนจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้
สิ่งที่คิดไว้ ก็ไม่คิดว่าจะเกิดได้เร็ว คงต้องใช้เวลาอีกนาน
แต่ น้องเม หรือ เอรียา จุฑานุกาล ได้ทำให้สิ่งที่ผมตั้งความหวังไว้เกิดขึ้นเร็วอย่างนึกไม่ถึง ในปี พ.ศ.2559 หรือ ปี ค.ศ.2016
ต้องบอกว่าเธอเป็นฮีโร่ของผม และของคนไทยอีกมากมาย
ผลงานที่เธอทำได้ในปี พ.ศ. 2016 บอกได้เลยว่าไม่ใช่ธรรมดา ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีจะมีใครที่เป็นคนไทยทำได้อีกหรือไม่
โปรเม เป็นผู้มีความสำเร็จ เป็นคนแรกของนักกอล์ฟอาชีพคนไทยที่ทำได้
โปรเม ได้แชมป์ แอลพีจีเอ คนแรกของประเทศไทย
โปรเม ได้แชมป์ แอลพีจีเอ สองครั้งติดต่อกันเป็นคนแรกของประเทศไทย
โปรเม ได้แชมป์ แอลพีจีเอ สามครั้งติดต่อกันเป็นคนแรกของประเทศไทย
โปรเม ได้แชมป์ เมเจอร์ในแอลพีจีเอ คนแรกของประเทศไทย
โปรเม ได้แชมป์ แอลพีจีเอ 4 ครั้ง คนแรกของประเทศไทย
โปรเม ได้แชมป์ แอลพีจีเอ 5 ครั้ง คนแรกของประเทศไทย
โปรเม เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี 2016 ในแอลพีจีเอ ซึ่งเป็นคนแรกของประเทศไทย
โปรเม เป็นผู้เล่นคนแรกของประเทศไทยที่ทำเงินรางวัลสูงสุดในแอลพีจี ในปี 2016
โปรเม เป็นผู้เล่นคนแรกของประเทศไทยที่ขึ้นเป็นมือ 1-10 คนแรกในแอลพีจีเอ
โปรเม เป็นผู้เล่นคนแรกของประเทศไทยที่ขึ้นเป็นมือ 2 ของแอลพีจีเอ
โปรเม เป็นผู้เล่นหญิงคนแรกของประเทศไทยที่ทำเงินรางวัลได้เกิน 100 ล้านบาท
และโปรเม จะเป็นผู้เล่นคนแรกของประเทศไทยที่ก้าวขึ้นไปเป็นมือ 1 ของแอลพีจีเอในปี 2017
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่ความฝัน แต่มันเป็นความจริงที่คนไทยสัมผัสได้จริง
มันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรารู้สึกขนลุกมากที่เห็นธงชาติไทยอยู่เหนือธงชาติอื่นๆ โดยเฉพาะเหนืออเมริกา เหนือยุโรป เหนือเกาหลี เหนือญี่ปุ่น
เมื่อเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนเช่นนี้ เพราะอะไรผู้ใหญ่ในวงการถึงวางเฉย ไม่ทำในสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ หรือจะปล่อยโอกาสให้เหมือนอดีตที่น่าเสียดายสำหรับประเทศไทยที่มีเพียง ภราดร ศรีชาพันธ์ นักเทนนิสมือระดับ 9 ของโลก เพียงคนเดียว
หากยังทุ่มงบประมาณไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายคงเหมือนกับตำน้ำพริกละลายแม่น้ำที่อาจจะไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้เลยหรือหากมีโอกาสสำเร็จก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อไหร่อีกนานแค่ไหน
โปรเชาวรัตน์ เขมรัตน์