นโยบายเชือกรัดคอ
นโยบายเชือกรัดคอ
ความเป็นคนไทยที่ชอบความสนุกสนานไม่เก็บอะไรไว้ในใจนาน ที่ท่านทั้งหลายเรียกว่าโมโหง่ายหายเร็วผมว่ามันก็ดีอยู่ไม่น้อยเหมือนกันแต่เรื่องบางเรื่องเราต้องเก็บเอาไว้บ้างเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจในยามที่เกิดปัญหาขึ้นมาแล้วเราเองก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใคร ความที่เราอยากได้การปกครองแบบที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในตัวบทกฎหมายที่มีมาซึ่งก็ดูมีความสวยหรูและชัดเจนในหลักการแต่พอนานเข้าๆ ความเป็นประชาธิปไตยของเรามันเริ่มบิดเบี้ยว คนที่ใช้ประโยชน์จากการนี้ก็มีเพียงหยิบมือเดียวโดยว่ากันว่ามาจากการเลือกตั้ง…
มองย้อนกลับไปว่าวันเวลาที่เรามี “ประชาธิปไตย” นี้ เฉียดจะร้อยปีเข้าไปแล้ว แต่นักการเมืองหรือนักวิชาการหลายท่านก็บอกว่า “เราต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงให้มากกว่านี้” ผมเองอยากกระอักออกมาเป็นเลือดถึงเวลากับตัวอย่างที่มีอยู่มากมายก่ายกองที่เขาเลือกจะสร้างประเทศของเราให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมชาติมหาอำนาจ ทั้งฟากฝั่งอเมริกา ยุโรป หรือแม้แต่เอเชียของเราเอง เราสามารถมองเห็นข้อดีข้อเสียของแต่ละการบริหารประเทศ เราสามารถสืบค้นได้ในทุกมุมมองของโลก ในบางประเทศล้มพังพาบแบบไม่เป็นท่า บางประเทศก็รุดหน้าแบบพลิกฝ่ามือ ไม่ต้องรอเวลาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพราะถ้าทำเช่นที่ว่าผู้คนเขาจะอดยากล้มตายกันเป็นใบไม้ร่วงแน่นอน…
ไหนๆ ก็จั่วหัวในเรื่องนโยบายที่บางพรรคการเมืองยกขึ้นมาเป็นหัวหอกในการหาเสียงไอ้กระพ้มก็ฟังดูแล้วมันก็มีถูกใจบ้างหรือไม่ถูกใจบ้างมันก็คงเป็นเรื่องปกติของปุถุชน ไม่ใช่จะรักใครหรือจงเกลียดจงชังใครเป็นส่วนตัวหรือก็เปล่า แต่ถ้าจะรักจะชอบผมควรจะรักบ้านใหญ่อย่าง “คุณทักษิณ” เพราะผมเห็นลูกสาว ลูกชายของแกมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย หรือท่านที่เป็นเจ้าของ “หมู่บ้าน” ที่ร่ำรวยแล้วเป็นตัวเต็งตัวหนึ่งในการเป็น “นายกรัฐมนตรี” แต่ความที่เหตุและผลมันย่อมมาก่อนความเป็นคนเคยเจอกันมา ผมจึงเลือกฟังการหาเสียงคราวนี้ถึงนโยบายการให้เงิน “10,000” บาท แก่คนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป… ความจริงเงินใครก็ชอบแต่ฟังแล้วมันจบก่อนที่เขาจะอธิบาย…นอกจากจะส่อเค้าการทำผิดจริยธรรมทางการหาเสียงลองอ่านข้อความต่อไปนี้ก่อนแล้วค่อยคิดว่าอะไรคืออะไร..!
ความคิดที่เห็นว่า “คนไทยจะตายดังนโยบาย” เห็นทีว่าจะเป็นจริงซะแล้ว…
ครูไก่