“โค้ช” อมลกานต์ ผลชีวิน คอร์มิเอร์
“โค้ช” อมลกานต์ ผลชีวิน คอร์มิเอร์
ชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขหลังการแต่งงานของ “โปรโค้ช” อมลกานต์ ผลชีวิน กับ ทิม คอร์มิเอร์ พร้อมเติมเต็มความสุขในครอบครัวด้วยนางฟ้าตัวน้อย ไอริส อาลิตา ลูกสาวที่ลืมตาดูโลกอันสวยงามเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565
“โปรโค้ช” อมลกานต์ ผลชีวิน เป็นลูกสาวคนโตของ “โค้ชหรั่ง” ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน บรมกุนซือสมองเพชรอดีตผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย กับ สุชาภา ผลชีวิน ผู้ประยุกต์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายจากผ้าไทยภายใต้ชื่อ “พระนาง” ที่ประสบความสำเร็จได้รับความนิยมอย่างสูง
หลังจากจบมัธยมต้นที่สาธิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง โค้ชได้ย้ายไปเรียนไฮสคูลที่เมืองลาสเวกัส และได้ทุนนักกีฬากอล์ฟเรียนจบมหาวิทยาลัยจาก Missouri State University สาขา Marketing and Advertising ก่อนกลับมาเมืองไทยเดินสายแข่งขันกอล์ฟเป็นนักกีฬาอาชีพเต็มตัวจนกระทั่งคว้าแชมป์แรกในการแข่งขันกอล์ฟอาชีพได้ที่ประเทศฟิลิปปินส์


หลังจากนั้นโปรโค้ชยังประสบความสำเร็จในด้านต่างๆอีกมากมาย ทั้งด้านการเป็นพิธีกรคู่กับ โปรแป้ง คุลิกา รวมถึงการรับหน้าที่เป็นกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี
หลังจากเข้าสู่พิธีวิวาห์ไปเมื่อ 19 สิงหาคม 2019 โปรโค้ชย้ายไปใช้ชีวิตสหรัฐอเมริกา ร่วมกับ ทิม คอร์มิเอร์ สามี และ “น้องไอริส” ลูกสาวที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตต์
ปัจจุบันโค้ชทำงานที่สนามกอล์ฟ Salem Country Club ในตำแหน่ง Assistant Professional ซึ่งเป็นสนามนี้เป็นสนามที่เปิดสำหรับสมาชิกเท่านั้น และเคยจัดการแข่งขัน US Senior Open มาแล้วถึงสามครั้งด้วยกัน
โดยหน้าที่การงานก็ต้องช่วยดูแลในหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ golf operation, club inventory ดูแลสมาชิกผู้หญิง จัดแข่งกอล์ฟ ดูเรื่องของในโปรชอป สอนกอล์ฟตั้งแต่เด็กๆ 2ขวบ ไปจนถึง อายุ 80 โปรเล่าว่ามาทำงานที่นี่ทำงานทุกอย่างจริงๆเว้นแต่ออกรอบเล่นกอล์ฟ(หัวเราะ) จะได้ตีบ้างนิดหน่อยถ้ามีโอกาสช่วงหยุดกับครอบครัว
ทุกวันนี้มีความสุขได้ทำงานเกี่ยวกับกีฬาที่ตัวเองรัก มีคิดถึงเรื่องของการแข่งขันบ้างแต่ไม่คิดถึงการเดินทางเลย ได้อยู่บ้าน อยู่กับครอบครัวมีความสุขมาก ชีวิตมีอะไรที่มากกว่าในสนามกอล์ฟอีกเยอะ


ทันทีที่ตัดสินใจแต่งงาน ก็พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ของชีวิต แล้วพอมีลูกก็เป็นสิ่งแปลกใหม่ ต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆเยอะมาก เราเรียนรู้เค้า เค้าเรียนรู้เรา ประคับประคองเอาใจใส่ดูแลกันและกัน ก่อนหน้านี้มีเลี้ยงน้องมาบ้างแล้ว แต่รู้สึกว่าพอเป็นลูกเรามันมีอะไรมากกว่านั้น
ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีที่สุด เหนื่อยแต่คุ้มค่าชื่นใจ คิดว่าการที่เราเป็นนักกีฬามาก่อน ทำให้เรารู้สึกว่าปรับตัวได้ ไม่คาดหวังมาก เพราะทุกวันไม่เหมือนกัน แนวทางการเลี้ยงน้องไอริสอยากให้เค้ารู้จัดวัฒนธรรมทั้งสองประเทศ เพราะทั้งสองวัฒนธรรมมีส่วนดีทั้งคู่ เดินทางสายกลาง ผสมผสานค่ะ พูดภาษาไทยกับเค้า เค้าจะได้เข้าใจและพูดสื่อสารได้
เมื่อโตขึ้นอยากให้เค้าเล่นกีฬา กีฬาอะไรก็ได้ เพื่อให้เค้ารู้จักการมีวินัย รับผิดชอบ มีน้ำใจนักกีฬา ขอให้เค้าเป็นคนดี มีความเอื้อเผือเผื่อแผ่ รับผิดชอบตัวเอง ดูแลตัวเองได้ และไม่เบียดเบียนสังคม
สุดท้ายแล้ว รู้สึกว่าหน้าที่ของเราคือให้เค้ารู้ว่า ครอบครัวเราจะเป็นกำลังใจให้ไอริส ไม่ว่าเค้าจะเป็นอะไร เลือกอะไร เราจะคอยชี้แนะ และครอบครัวจะให้สนับสนุนตลอดไป
Vazashi