เขียน..เมื่อมีลมหายใจ

แสงสว่าง…นำทางชีวิต

เขียน…เมื่อมีลมหายใจ
แสงสว่าง…นำทางชีวิต

ก่อนจะปิดจบ…การทำหน้าที่…เขียนเมื่อมีลมหายใจ…ในครั้งนี้ผู้เขียนขอเล่าเรื่องราวของผู้เขียน ก่อนมาปฏิบัติธรรมแต่พอสังเขป…

“บุญไม่เคยสร้าง…ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า…ลูกเอ๋ย ก่อนจะไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือ บารมีของตนลงทุนไปก่อนเมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย… มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิ้นในบุญบารมีที่ไปเที่ยวขอยืมมาจนพ้นตัว…เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมาก็ต้องเอามาผ่อนใช้หนี้เขาจนหมดไม่มีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้… แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง จงจำไว้นะ…เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้งเมื่อถึงเวลา…ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่… จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า…”

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 150 ปี (22 มิถุนายน 2415) วันมรณะ เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํงสี) ผู้เขียนตั้งจิตภาวนา ปฏิบัติบูชา น้อมถวาย องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํงสี) ตั้งแต่เช้าจดค่ำ และไม่ลืมที่จะท่องบทพระคาถาที่คุณพ่อ วินัย ช้วนกุล บิดาของผู้เขียน ที่เขียนไว้ให้ด้วยลายมือโบราณของท่านเองตั้งแต่มีชีวิตอยู่ และจากโลกใบนี้ไปแล้วตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2549 พร้อมทั้งเขียนอธิบายว่าค้นพบบทพระคาถานี้ในหลังหลวงปู่โตองค์ใหญ่พระตัวอย่าง “นะชาลิติ อรหัง สุสีสะโส นะโมพุทธายะ (ว่า 3 จบ)” ซึ่งผู้เขียนท่องสวดบูชาอยู่เนืองนิตย์ ซึ่งเป็นเหตุทำให้ผู้เขียนหวนรำลึกถึง องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํงสี) ผู้เป็นเสมือนแสงสว่างนำทางชีวิตให้ผู้เขียน…เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของผู้เขียน สามี (ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน) ได้มอบของขวัญวันเกิดอันล้ำค่าให้ผู้เขียนคือ องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํงสี) เลี่ยมด้วยทองคำพร้อมสร้อยคอทองคำที่สามีได้รับจากคุณพ่อของผู้เขียนในวันแต่งงานเนื่องจากสามีได้รับองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํงสี) อีกองค์หนึ่งจากครูบาอาจารย์สายพลศึกษา สามียังบรรยายถึงพุทธคุณขององค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํงสี) ที่ผู้เขียนพอจะทราบเรื่องราวจากคุณพ่อซึ่งเป็นนักสะสมพระโดยเฉพาะพระสมเด็จ…..จนเป็นมรดกตกทอดมาให้ลูกหลานเหลนในปัจจุบันมาบ้างแล้ว วันคล้ายวันเกิดในครั้งนั้นผู้เขียนจึงได้สวมใส่สร้อยคอที่แขวนด้วย หลวงปู่โต (ผู้เขียนเรียกสั้นๆ) แล้วท่องพระคาถาพร้อมทั้งอาราธนา “พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง” ให้องค์ท่านมาปกป้องคุ้มครองดูแล พร้อมกับสวมใส่นอนในคืนวันคล้ายวันเกิดนั้น สิ่งอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้นในเวลาประมาณ ตี 3 ของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2543(ผู้เขียนดูนาฬิกาหลังจากสะดุ้งตื่น)

“ผู้เขียนมองเห็น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํงสี) ยื่นในท่าสงบนิ่งหน้าปากถ้ำแห่งหนึ่งมีแสงสว่างไสว และมีเสียงบอกผู้เขียนว่า ให้ก้มลงกราบ 3 ครั้ง ผู้เขียนทำตามแบบว่านอนสอนง่าย สายตาจับจ้องไปที่หน้าปากถ้ำ ซึ่งมองเห็นเป็นอ่างน้ำคล้ายอ่างน้ำมนต์ มีดอกบัวสีชมพู (ดอกบัวหลวง) ลอยอยู่เต็มอ่าง และมีเสียงบอกอีกครั้งว่า…ให้ผู้เขียนเดินตามเข้าไปในถ้ำ… การดำเนินชีวิต มีหลายต่อหลายครั้งที่รู้สึก อ่อนล้า เหนื่อยแรงเหมือนตะเกียงที่ใกล้หมดน้ำมัน ผู้เขียนจะมุ่งตรงสู่ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ทันที ถวายผ้าไตรจีวร เติมน้ำมัน จุดธูปเทียน ดอกไม้ บูชา องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํงสี) ปล่อยนก ปล่อยปลา กรวดน้ำ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วกลับมานั่งสมาธิในโบสถ์ เสมือนหนึ่งตะเกียงที่ได้เติมน้ำมันแล้ว เหมือนรถยนต์ที่มีน้ำมันเต็มถังพร้อมที่ขับต่อไปด้วยพลังที่เต็มเปี่ยม เป็นแบบนี้เสมอมา

“ปริศนาธรรม” ในครั้งก่อนนั้นมากระจ่างชัดในวันนี้ จากการปฏิบัติธรรมมากว่า 20 ปี ภายในถ้ำมีอะไรมากมาย ทั้งสวยสดงดงามตามธรรมชาติ และอุปสรรคนานัปการ เปรียบเสมือนการดำเนินของชีวิตมนุษย์ซึ่งต้องพบเจอและต้องใช้ ขันติธรรม อันมั่นคง จึงจะฝ่าฟันอุปสรรค และบรรลุความสำเร็จได้ มันคือ บททดสอบ ทดสอบความอดทนต่อความยากลำบาก ทดสอบความอดทนต่อความตรากตรำ ทดสอบความอดทนต่อความเจ็บใจความโกรธ…..ซึ่งเป็นหนึ่งในคติธรรมที่ องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํงสี) ฝากไว้บนโลกใบนี้

วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งของวันดีๆ ที่ได้เติมพลัง “วันสุนทรภู่ “กวีเอกของโลก ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 26 มิถุนายน 2565 ผู้เขียนในฐานะที่เมื่ออดีตเคยเป็นนักศึกษา “ลูกพระนาง” คนหนึ่งที่จบการศึกษาด้วยวิชา เอก-โท ภาษาไทย จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จึงทำหน้าที่ในวันดีๆ นี้ด้วยการน้อมนำบุญกุศลที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติถึงชาติภพปัจจุบัน มะลิเขี้ยวกระแต น้ำทิพย์ ขึ้นถวายแด่ พระสุนทรโวหาร เจ้ากรมพระยาลักษณ์ ฝ่ายราชวัง ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นกวีเอก แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ผลบุญในการกระทำครั้งนี้ ผู้เขียน ตั้งจิตอธิษฐานว่า…ขอเป็นเพียงหนึ่งในร้อยในพันของคนทั้งหลายที่สามารถร้อยเรียงตัวอักษรจากธรรมะ ไว้เพื่อเป็นธรรมทาน ฝากไว้ในโลกใบนี้ เมื่อยังมีลมหายใจ ……

สุชาภา ผลชีวิน