เขียน..เมื่อมีลมหายใจ

สำเร็จไปด้วยกัน….

เขียน…เมื่อมีลมหายใจ
สำเร็จไปด้วยกัน….

“โอม ศรี คเณศา ยะ นะมะฮา”

องค์พระพิฆเนศเทพแห่งความรู้ทั้งมวล และทรงขจัดอุปสรรคต่างๆ ประทานความสำเร็จ สัมฤทธิ์ผล โดยพระหัตถ์ซ้ายบนทรงถือหอยสังข์ ประทานพรพาดผ่านเส้นวาสนา ด้วยพระเมตตาโดยฝีมือการปั้นของตรงๆ ซึ่งในตำนานกล่าวว่า พระโกญจนาเนศวรศิวะบุตร เล่าไว้ชัดเจน พระพิฆเนศนอกจากจะให้กำเนิดช้างเผือกในโลกมนุษย์แล้ว ยังเป็นผู้ให้กำเนิดหอยสังข์อีกด้วย หอยสังข์ที่ตรงๆ ปั้นขึ้นนั้น เพื่อแทนอาวุธของ้าวที่มีอยู่ดั่งเดิมประดิษฐานที่ห้องเทพในบ้าน“ผลชีวิน”เป็นหอยสังข์ที่มีเกลียวก้นหอยวนขวา ซึ่งตามตำนานเรียกหอยสังข์ทักษิณาวัตร หอยสังข์จึงมีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกับพระพิฆเนศอย่างลึกซึ้ง และหอยสังข์ยังใช้ในพิธีกรรมสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทพเทวดาที่จะขาดจากกันไม่ได้ ความเชื่อที่ว่าเสียงสังข์นั้นสามารถใช้ปลุกอัญเชิญพระนารายณ์จากใต้เกษียรสมุทร เป็นเสียงมงคลชัย เป็นเสียงที่นำพาชัยชนะมาสู่กองทัพได้นั้นยังเป็นเสมือนเสียงทิพย์อันทรงพลังอำนาจ สามารถข้ามมิติโลกสู่มิติเป็นทิพย์ หรือโลกสวรรค์ เมื่อเทพยดาได้ยินเสียงสังข์ปรากฏขึ้น ณ ที่ใด ก็จะมาร่วมประชุมพร้อมกัน ณ สถานที่แห่งนั้น เพื่อประสิทธิ์ประสาทพรให้ทุกๆ คนที่อยู่ในสถานที่นั้นในทันที ฉันทำหน้าที่แทนสมาคมศิษย์เก่าสวนสุนันทา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และตัวแทนลูกพระนางทุกคน (นักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา พวกเราเรียกตัวเองว่า “ลูกพระนาง” ) โดยเชิญพราหมณ์จากสำนักพระราชวัง กองราชพิธี มาทำพิธีบวงสรวงในทุกๆ วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกๆ ปี ปีนี้ก็เช่นเดียวกันในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้มีความสำคัญยิ่งกว่าปีก่อนๆ ตรงกับ 142 ปี วันทิวงคต ได้อัญเชิญพระนามาภิไธย ขึ้นสู่ยอดศาลสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระอัครมเหสี ในรัชกาลที่ 5 ณ วัดกู้ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

โดยที่ฉันไม่ลืมที่จะนำภาพของเธอ ที่ฉันเห็นเธอมานั่งสวดมนต์ทำวัตรเย็นใกล้ๆ กับฉันที่ศาลาบัวพ้นน้ำเมื่อครั้งที่ฉันมาบวชที่วัดใหญ่คลายคีรี ก่อนการเดินทางไปอเมริกา ขึ้นร่วมพิธีบวงสรวงซึ่งเธอได้อยู่ใกล้กับเขาของเธอ แม้ว่าเธอกับเขาของเธอยังสื่อสารกันไม่ได้ แต่ฉันก็ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมบุญให้เธอกับเขาของเธอโดยไม่มีใครล่วงรู้ แม้แต่คนเดียว… ทุกขั้นตอนฉันกำหนดจิตส่งถึงเธอและเขาของเธอตลอดการทำพิธีบวงสรวงจนถึงการลอยกระทงและกรวดน้ำ “พระจตุโลก พระยมกทั้ง 4 ส่งน้ำอุทิศนี้ เข้าไปในลังกาทวีป ในห้องพระสมาธิ เป็นที่ประชุมการใหญ่ ของแม่พระธรณี ขอให้แม่พระธรณี จงมาเป็นทิพยาน เป็นผู้ว่าการในโลกอุดร ขอให้แม่พระธรณี จงนำเอากุศล ผลบุญของข้าพเจ้า ที่ได้กระทำในครั้งนี้ นำส่งให้แก่ข้าพเจ้าและครอบครัว ในกาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด นิพพานปัจจโยโหตุ” ลงบนแม่น้ำเจ้าพระยา สู่ใต้เมืองบาดาล ฉันหวนคิดถึงเขาของเธอ ที่มาอวยพรให้ฉันว่า “ให้เลือด..คือให้ชีวิต” เสียงนั้นยังคงก้องหู เหมือนอยู่ในภวังค์ฉันไม่ได้หลับ ฉันไม่ลืมที่จะขอบคุณเขาของเธอด้วยเช่นกัน

การปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่วันที่ 1 เดือน กันยายน 2545 จนถึงทุกวันนี้ กว่า 20 ปีเต็ม ผลบุญหนุนส่ง…ให้ฉันได้รับความสำเร็จ สัมฤทธิ์ผล ด้วยบุญนำ ตามคำอธิษฐานของฉัน เพื่อรับใช้พระพุทธศาสนา รับใช้ครูบาอาจารย์ ซึ่งไม่ใช่เพียงฉันคนเดียวยังมีกัลยาณมิตรสายธรรมร่วมทางเดินบุญกับฉันมา…. เราจะสำเร็จไปด้วยกัน เธอยังฝากบทเพลง “ขอบคุณที่ยังรักกัน ให้เขาของเธอ ผ่านฉัน ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของเธอที่เกิดขึ้นแล้วในบรรณโลก…ในโลกใบนี้ ฉันรู้สึกปิติยินดียิ่งที่ได้ทำหน้าที่ให้ได้เธอตามคำสัญญา…..

“อยากขอบคุณอีกสักครั้ง ที่เธอยังไม่ทอดทิ้งกัน ที่เธอนั้นยืนข้างฉัน ในวันที่ไม่มีใคร ในวันที่ฉันล้มลง ในวันที่ฉันร้องไห้ วันที่ต้องเหงาเดียวดาย เธออยู่ข้างกายเสมอ ขอบคุณฟ้าและสวรรค์ ที่ให้เราได้มารักกัน แต่งเติมชีวิตของฉันเติมฝันให้เต็มหัวใจ ขอบคุณที่เธอรักกัน ขอบคุณที่เธอมั่นใจ ด้วยศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง ให้เธอมั่นใจได้เลย ผู้หญิงคนนี้สัญญาจะเก็บรักษาใจเธอ จะรักให้สมที่เธอมอบใจของเธอให้ฉัน จะดูแลรักตัวเธอให้เท่าที่เธอรักฉัน ตราบใดที่เธอรักกัน คำมั่นคือฉันรักเธอ อยากขอบคุณอีกพันครั้ง ฉันว่ามันคงยังน้อยไป ในตอนนี้ไม่มีคำใดจะอธิบายใจฉัน ตอนนี้พูดได้คำเดียว ขอบคุณที่เธอรักกัน แต่นี้และทุกทุกวัน ฉันจะรักเธอคนเดียว ผู้หญิงคนนี้สัญญาจะเก็บรักษาใจเธอ จะรักให้สมที่เธอมอบใจของเธอให้ฉัน จะดูแลรักตัวเธอให้เท่าที่เธอรักฉัน ตราบใดที่เธอรักกัน คำมั่นคือฉันรักเธอ…”

ปฏิบัติดีไปเถิด ประเสริฐศรี       
ปฏิบัติดีไปเถิด  จะเกิดผล            
ปฏิบัติดีไปเถิด เกิดเป็นคน        
ปฏิบัติตนไปเถิด เกิดบารมี

สุชาภา ผลชีวิน