Interview

สุขนิยม คือการใช้ชีวิตแบบพอดีๆ – ยอดชาย ขันธะชวนะ

ยอดชาย ขันธะชวนะ
บรรณาธิการบริหาร นสพ.กอล์ฟไทม์

“สุขนิยม คือการใช้ชีวิตแบบพอดีๆ”

หนังสือพิมพ์กอล์ฟไทม์ มีจุดกำเนิดจากการริเริ่มของคุณสมพงศ์ อรเอก ที่ปรึกษาของบริษัทสยามสปอร์ต ซึ่งเป็นเพื่อนกับพี่วิ (คุณระวิ โหลทอง) ท่านมีความคิดเห็นว่ากอล์ฟ เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเยอะมาก เราก็มีทั้งโรงพิมพ์ มีบุคลากรพร้อมอยู่แล้ว น่าจะทำหนังสือกอล์ฟที่มีรูปลักษณ์เป็นหนังสือพิมพ์ขึ้นมาสักฉบับ
ในยุคนั้นเป็นช่วงที่กีฬากอล์ฟบูมขึ้นมา มีหนังสือเกี่ยวกับกอล์ฟเยอะแยะมากมายในแผงหนังสือ หลากหลายรูปแบบ เช่นแม็กกาซีน หนังสือพิมพ์ กอล์ฟไทม์ เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย โดยวิธีการทำงานก็เหมือนกับการทำหนังสือพิมพ์รายวันที่ต้องลงลึกในกีฬานี้ มีวิถีแห่งกอล์ฟมากพอสมควรเพื่อให้คนอ่าน

ตอนที่ได้รับคำสั่งให้เริ่มก่อตั้งหนังสือพิมพ์กอล์ฟไทม์ ช่วงนั้นกอล์ฟกำลังบูมมากๆ ใครๆ ก็เล่นกอล์ฟกัน บนแผงหนังสือ มีแต่หนังสือกอล์ฟ ผมเองก็เริ่มเล่นบ้าง พี่โย่ง (คุณเอกชัย นพจินดา) ก็ชอบเล่นอยู่แล้ว คุณพิษณุ (คุณพิษณุ นิลกลัด) ก็ทำทีวีรายการกอล์ฟจนประสบความสำเร็จ ทำให้มองเห็นโอกาสในการทำตลาด ซึ่งกอล์ฟบูมเห็นได้จากการเติบโตของกอล์ฟเยาวชน มีการแข่งขันเกิดขึ้นมากมาย มีหลายชมรมจัดการแข่งขัน สนามจำนวนมากก็กำลังเกิดขึ้นตามมา แต่ในที่สุดแล้วทุกวันนี้ต่างก็อยู่ในสภาพที่ต้องรักษาให้อยู่รอดให้ได้ อะไรที่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟจึงกลายเป็นโจทย์ธุรกิจกีฬาที่ยากมากๆ ต้องยอมรับว่าน้อยรายนักที่จะอยู่รอดมาถึงวันนี้ได้

พอเริ่มทำมาอยู่ช่วงนึง ก็พบว่า กอล์ฟไทม์ ไม่ค่อยจะเข้ากับไลน์ของหนังสือในสยามสปอร์ตเท่าไหร่ ส่วนมากจะผลิตเป็นจำนวนเยอะๆ จนพี่วิ บอกว่าจะไม่ทำต่อ เพราะยิ่งทำยิ่งขาดทุน เนื่องจากหนังสือไม่ได้ขาย แต่จะวางแจกฟรีตามสนามกอล์ฟแล้วเก็บค่าโฆษณา ซึ่งมันผิดนโยบายของบริษัทที่ผลิตหนังสือแล้วต้องขาย โดยในขณะนั้นคุณแจ๋ว (คุณสุชาภา ผลชีวิน) ก็ได้เข้ามาช่วยงานทางด้านโฆษณาพอดี

พี่วิ เลยบอกว่า “ยอด กับ แจ๋ว” จะเอาหัวกอล์ฟไทม์ไปลองทำเองไหม มาพิมพ์ที่นี่ได้ ค่าพิมพ์ ค่าใช้จ่ายอะไรก็ติดค้างกันได้ ให้โอกาสลองทำงานกันดู นั่นคือจุดเริ่มของการทำหนังสือกอล์ฟไทม์อย่างจริงจัง เราได้หัวหนังสือมา แล้วต้องตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำ ซึ่งคุณแจ๋วก็รับหัวหนังสือไปดูแลเอง เริ่มจัดตั้งกอง บก. ตั้งบริษัทเล็กๆ แบบครอบครัว อยู่ที่อาคารด้านหลังโรงพยาบาลวิภาวดีเป็นแห่งแรก โดยมีผมช่วยดูแลเรื่องกอง บก. แล้วก็เริ่มทำหนังสือพิมพ์กอล์ฟไทม์กันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งสยามกีฬาย้ายโรงพิมพ์มาอยู่ที่นวจจันทร์ ผมก็ถูกเรียกตัวให้กลับมาประจำที่สยามสปอร์ตอีกครั้ง

การทำหนังสือ นับเป็นความทุกข์ยากสาหัสที่สุดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหนังสือพิมพ์กอล์ฟ เพราะมันเป็นธรรมชาติที่แปลกๆ คือคนตีกอล์ฟไม่ชอบใช้เงินซื้อหนังสืออ่าน แต่จะชอบของฟรี ย่ิงเมื่อจุดเริ่มเป็นของฟรีด้วยแล้ว การจะกลับมาขายก็ยิ่งยากลำบาก ตัวของ กอล์ฟไทม์ ใครๆ ก็รู้จักว่า มีเนื้อหาสาระ ข้อมูลต่างๆ ที่ดี มีคุณภาพ ความมีคุณค่าของตัวหนังสือเลยไปอยู่กับเรื่องกิจกรรม ต้องดิ้นรนหาวิธีการต่างๆ เพื่อจะช่วยให้อยู่รอดกันไปได้ ถามว่า เลือดขมปากไหม?… ขมแน่นอน หนังสือเล่มอื่นๆ ที่เห็นวางแผงด้วยกันมา ก็ค่อยๆ หายไปจนแทบจะไม่เห็นกันแล้ว

เวลา 25 ปีที่ผ่านมาแล้ว ผมต้องยกย่องคุณแจ๋วว่า เป็นการทำงานที่มาจากชื่อเดียวแท้ๆ มาจากหยาดเหงื่อจริงๆ การติดต่อสปอนเซอร์ต่างๆ ที่เป็นรายได้หลัก นำมาผนวกกับการจัดกอล์ฟจัดการแข่งขัน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ที่สุดแล้วก็สามารถทำให้ระบบหมุนเป็นวงจรสามารถเลี้ยงตัวเอง ผลิตหนังสือออกมาได้อย่างต่อเนื่อง ตัวหนังสือก็สร้างสะสมมูลค่าในตัวของมันเองจนใครๆ ก็รู้จักว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่เป็นกอล์ฟแท้ๆ หนึ่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งลึกๆ แล้วผมก็มีความเชื่อว่า คนที่ทำหนังสือพิมพ์กอล์ฟไทม์ทุกคน ไม่ว่าจะช่วงไหนยุคไหนก็มีความภาคภูมิใจ และรักจนท้ิงไม่ลง ทำมานานจนถึงขนาดนี้ เป็นความรู้สึกผูกพันยังไงก็ต้องทำ

ผมอยากจะให้มองถึงคุณค่า ไม่ใช่แค่มองไปข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งมองย้อนกลับไปเมื่อ 25 ปีที่แล้ว จากจุดเริ่มต้น จากวันที่เรานับหนึ่งกัน เงินจำนวนมากมายมหาศาลที่ต้องหล่อเลี้ยง มันกินจุ มันกินเก่ง ใส่เข้าไปแป๊ปเดียวก็ต้องหาเพิ่มให้อีกแล้ว เหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่กินจุมาก เท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม ผู้คนอาจจะงงกันว่า แบบนี้แล้วทำทำไม ทำไปเพื่ออะไร แต่ลึกๆ ผมก็รู้ว่าเพราะทุกคนรัก อยากจะดูแล อยากจะประคับประคองให้หนังสือพิมพ์กอล์ฟไทม์อยู่ได้ตลอดไป คุณเฉพาะคุณแจ๋ว ซึ่งผมเชื่อว่าคงจะทำแบบนี้กันไม่ได้ง่ายๆ หากไม่รัก ไม่ทุ่มเททั้งชีวิตให้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ เป็นการการันตีเหมือนกับได้รับดีกรีอันสำคัญยิ่ง เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จได้อีกอย่างหนึ่ง

25 ปี ที่ผ่านมา มีคุณค่าในตัวของมันอยู่แล้ว แต่ในกาลต่อไปข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น หลายๆ คนก็เชื่อว่า สิ่งตีพิมพ์่จะหมดไปในอนาคต อาจจะ 5 ปี 10 ปี ตามวิถีเมื่อโลกเปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์จะมีสภาพเป็นอย่างไรก็คงขึ้นอยู่กับยุคสมัย แต่ ณ ตราบใดที่เรายังสามารถทำให้ออกมาเป็นเล่มให้จับต้องกันได้ ได้สัมผัส ได้ความรู้สึกที่ต่างไปจากการจับจ้องจากหน้าจอ แล้วคนที่ยังชื่นชอบกับวิถีแบบนี้ก็อาจจะเป็นคนที่ยังมีความผูกพัน หรือเป็นคนรุ่นเก่า อายุอาจจะเลย 40 ปี ขึ้นไป คุ้นเคยการอ่านแบบดั้งเดิม จับพลิกทีละหน้าเปิดไล่อ่านเนื้อหา สนุกกับของจริง แต่คนรุ่นหลังๆ ที่อายุราว 30 ปีลงมา เขาโตขึ้นพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เริ่มจะไม่คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้แล้ว และสิ่งที่ทดแทนกันไม่ได้ก็คือ เมื่อยุคของคนรุ่นเก่าได้ผ่านพ้นไป จะเกิดช่องว่างตรงนี้ขึ้น คนรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมาแทนก็ไม่ได้รับวัฒนธรรมการอ่านแบบดั้งเดิมไว้ เพราะนั่นเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกทางด้านเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาไปเรื่อยๆ วัตถุประสงค์การผลิตหนังสืออาจจะเปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยใช้เพื่อเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดข้อมูลข่าวสาร ก็อาจจะผลิตออกมาในจำนวนจำกัด กลายเป็นเหมือนงานศิลป์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเท่านั้น

ผมโชคดี ที่ได้ผ่าน ได้ทำ ได้เห็น กับการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ตั้งแต่ยุคก่อน ได้สัมผัสกับหมึกพิมพ์ ได้ออกไปทำข่าว ได้เห็นโลกของกอล์ฟในหลายๆ เรื่อง เห็นเด็กๆ เห็นลูกสาวตัวเองที่โตขึ้นมากับกอล์ฟ ว่าไปแล้วสิ่งเหล่านี้คือชีวิต คือกำไรของผม ที่ได้ทำ ได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ถึงแม้การผลิตสื่อหนังสือพิมพ์มันจะหมดไปมากมายเท่าไหร่ ต้องแลกมาด้วยกำลังทรัพย์ กำลังกาย เสียเหงื่อ เสียน้ำตา  ถ้าจะนับมูลค่ากันแล้วมันคงมหาศาล ถ้าหากนับทุนที่จ่ายไปแล้ว คงเทียบได้กับการสร้างโรงงานขนาดใหญ่ๆ ได้สบายๆ แต่นั่นก็คงเท่านั้น มันไม่ทำให้รสชาติของชีวิตเป็นเช่นนี้ หมดไปเท่าไหร่ ยังไงก็ไม่เป็นไร เพราะทั้งหมดนี้ก็คือกำไรชีวิตทั้งสิ้น

วิถีชีวิตที่เรามา สถานภาพแบบนี้ ผมรู้สึกยินดี กำไรชีวิต 25 ปี ที่ได้คลุกคลีด้วยกันมา ไม่ใช่กำไรเรื่องเงิน เพราะถ้าคิดถึงแต่เรื่องเงินคงเลิกทำไปนานแล้ว อยู่กันมาได้ถือว่าเก่ง มีดี มีคุณค่าในตัวเอง มีภาพลักษณ์ที่เชื่อถือได้ สำหรับผมคิดว่ายังไงก็จะทำไปเรื่อยๆ จนถึงที่สุด ทำไปจนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวสุดท้ายของสิ่งตีพิมพ์ ถ้าทำได้ ก็เหมือนกับเป็นเป้าหมายความสำเร็จอย่างหนึ่งของชีวิตได้เหมือนกัน…

ต้องขอขอบคุณคนอ่าน สมาชิกกอล์ฟไทม์ ทุกท่าน เราผูกพันกันเหมือนญาติ ถึงไม่ได้เจอกันแบบเห็นหน้าค่าตา แต่ก็รู้สึกสนิทสนมกันจากการอ่าน ลูกๆ ก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาว เราก็สูงวัยขึ้นทุกวัน แต่มีบางอย่างที่เชื่อมโยงเป็นเหมือนสายใยให้ได้รู้จักใกล้ชิดกัน ซึ่งตรงนี้ กอล์ฟไทม์ ทำหน้าที่มาตลอดตั้งแต่ปีแรกที่ก่อตั้งจนถึงปีที่ 25 แล้วก็ยังหวังว่า อยากจะมีปีที่ 30 และต่อๆ ไป
หนังสือกอล์ฟนั้นทำยากกว่าหนังสือประเภทอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด คนอ่านไม่จ่าย ไม่ซื้อ แต่คนทำ ต้องทำให้ดีที่สุด ถึงจะมีคนอ่าน การจะทำหนังสือให้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวย นั้นคงจะยาก ต้องนำมาเป็นส่วนประกอบในการจัดกิจกรรม จัดทัวร์นาเมนต์การแข่งขัน เราทำหนังสือให้ได้ดี ก็จะมีสปอนเซอร์มาสนับสนุน คนที่ได้กำไรก็คือผู้บริโภค นั่นคือสมาชิกของกอล์ฟไทม์ได้รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ
กอล์ฟ เป็นกีฬาที่ต่างจากประเภทอื่นๆ เป็นเหมือนอีกโลกนึงเลย ผมก็รู้สึกสนุก มีความสุขไปกับกอล์ฟ เพราะส่วนนึงกอล์ฟช่วยสร้างชีวิต ผมเป็นหนี้บุญคุณกีฬากอล์ฟ ที่ช่วยสร้างลูกผมให้ได้ดี กอล์ฟเป็นกีฬาที่ดีที่สุดในการสอน เพราะเด็กในช่วงเข้าสู่วัยรุ่นชีวิตมักจะมีโอกาสออกนอกลู่นอกทาง เด็กพร้อมที่จะออกไปเที่ยวกับเพื่อน ไปเดินห้าง พ่อแม่บางคนนึกไม่ออกว่าจะทำยังไงกับลูก แต่สำหรับผม ใช้สนามกอล์ฟเป็นรั้วป้องกันลูก แล้วก็เสี่ยงเอาว่าจะทำได้หรือไม่ได้นั่นเราไม่รู้ บางครั้งเด็กก็อาจจะมีความคับข้องใจ อัดอั้นว่าทำไมตัวเองต้องถูกตีกรอบให้มาอยู่ในสนามกอล์ฟ แทนที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกบ้าง อย่างน้อยที่สุดวันเวลาที่อาจจะใช้ไปในการเที่ยวเตร่ก็ถูกนำมาใช้ในสนามกอล์ฟแทน นับเป็นการทดสอบระหว่างพ่อแม่กับเด็กว่าใครจะอดทนได้มากกว่ากัน ที่ต้องผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากตรงนั้นไปให้ได้ เมื่อผ่านไปได้แล้วก็จะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า อยากลูกสาวผมได้ใช้กอล์ฟเข้าไปสนับสนุนการประกอบวิชาชีพ ทั้งการคุยธุรกิจในสนามกอล์ฟ หรือคุยเรื่องกอล์ฟในที่ทำงาน คุณค่าของกอล์ฟมันไม่ใช่แค่เรื่องกีฬา แต่มันเป็นองค์ประกอบของชีวิต ถ้าเราสามารถให้ลูกได้เรียนรู้กอล์ฟตั้งแต่ยังเด็กๆ ถ้าเขาไม่ได้เป็นนักกีฬา ก็ยังสามารถนำมาใช้กับการประกอบวิชาชีพได้ตลอดชีวิต

โดยอาชีพนักข่าวกีฬา ผมได้แปลข่าวเรื่องกอล์ฟอยู่แล้ว เข้าใจในวิธีการเล่น กฏ กติกา แต่ไม่เคยได้สัมผัสของจริงว่าเป็นอย่างไร มาได้จับกอล์ฟจริงๆ เลยครั้งแรกก็ที่ โรงแรมเอเชีย พัทยา โดยผมเดินตามดู ย.โย่ง กับ พิษณุ เขาเล่นกอล์ฟกัน แล้วก็สอนให้ลองหัดเล่นเป็นครั้งแรก อาศัยที่เล่นกีฬามาตลอดมีทักษะก็พอจับได้เร็ว ทำให้เริ่มเล่นสนุกได้ไม่ยาก แล้วพอมาทำ กอล์ฟไทม์ ทำให้ได้เล่นมากขึ้น  ส่วนใหญ่ก็เพื่อนๆ ช่วยบอกช่วยแนะนำ แล้วพอลูกไปเรียนกับโปรก็อาศัยครูพักลักจำ โดยผมเป็นคนเล่นกอล์ฟด้วยความสนุกสนาน ตั้งใจทำให้ดีแต่ก็ไม่ซีเรียสกับมัน การพนันก็ไม่เล่น แล้วสิ่งสำคัญที่ได้รับจากกอล์ฟเมื่ออายุมากขึ้นก็คือ ได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเมื่อออกรอบกับเพื่อนๆ ที่ถูกใจ มีความสุข ได้เล่นด้วยกันอย่างอารมณ์ดี ออกรอบกันไปหัวเราะกันไป จนถึงขนาดตั้งกติกาเล่นๆ กันว่า แค้ดดี้คนไหนหัวเราะเห็นฟันจะโดนหักทิป พอเล่นจบ แค้ดดี้เป็นหนี้กันทุกคน

ผมออกกำลังกายได้การทำงานบ้านเอง ล้างรถเอง ตัดต้นไม้เล็กๆ น้อยๆ ทำให้ได้เหงื่อ การดูแลสุขภาพอาศัยการควบคุมอาหารเป็นหลัก โดยมื้อเย็นไม่กินแป้งเท่านั้นเอง ซึ่งก็คุมน้ำหนักได้ผล ผมเป็นพวกสุขนิยม ไม่เคร่งถึงขนาดมื้อเย็นกินแค่แอ้ปเปิ้ลลูกเดียว ผมกินทุกอย่างเพราะเป็นความสุข แต่ต้องรู้ตัวว่า ต้องทำอะไรแบบพอดีๆ กินอะไรได้แค่ไหน อย่างขาหมูก็ยังกิน แต่นานๆ ครั้งๆ แล้วก็ไม่ได้กินเยอะ กินแค่ให้ลิ้นได้รู้สึกถึงความอร่อย ถ้าเมื่อไหร่ไปกลัวว่ากินโน่นกินนี่แล้วจะมีผลต่อสุขภาพว่าจะเป็นโรคอะไรสารพัด เราจะไม่ได้กินอะไรเลย แล้วแบบนี้อะไรหรือคือความสุขของชีวิต…

ผมเป็นพวกสุขนิยม ชีวิตวัยหลังเกษียณเมื่อเจอเพื่อนๆ ก็บอกว่า กินได้ทุกอย่าง แต่ต้องรู้ว่ากินอย่างไร กินแค่พอรู้รส แล้วก็นานๆ ครั้ง ทุกวันนี้ผมก็มีก๊วนเพื่อนๆ ที่รวมตัวไปกินของอร่อยๆ แต่ก็ไม่ได้กินอะไรจนมากมาย เหลือก็เอากลับ แต่เราได้สังสรรค์กับเพื่อน บางร้านที่ไปก็ไปรำลึกความหลังกัน ผมเองก็ได้ย้อนอดีต ได้นำเรื่องราวมาเขียนบอกกล่าวกันอีก ทุกอย่างล้วนมีเรื่องราวดีๆ ทั้งนั้น นับเป็นกำไรอีกต่อของผมที่ได้หาความสุขใส่ตัวด้วย

กอล์ฟ ผมก็ยังตามดู ตามเขียน มันเป็นวิสัย เป็นความชอบ เป็นอาชีพ เป็นความสุขอย่างนึง พยายามจะหาอะไรมาเล่าให้ฟัง บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องในอดีตที่คนรุ่นเก่าอ่านแล้วช่วยเตือนให้นึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ส่วนคนรุ่นใหม่ก็อาจจะเกิดคำถามว่าเป็นเรื่องที่เขียนมานั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ผมได้เห็นมานานก็อยากจะเขียนอะไรเพื่อให้คนเก่าได้คิดถึง คนใหม่ได้รู้จัก ได้เรียนรู้จากอดีต

ผมต้องขอขอบคุณแฟนๆ กอล์ฟไทม์ อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคนอ่านหรือคนเล่นกอล์ฟ ที่ให้กำลังใจ สนับสนุนกันมายาวนาน บางคนไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย แต่อ่านกอล์ฟไทม์ประจำ ก็เหมือนสนิทกัน ซึ่งผมก็ยินดี มีความสุข หลายๆ ครั้งความสุขของผมเกิดขึ้นเมื่อมีคนมาทักว่าอ่านคอลัมน์ผม ถึงจะไม่เคยเจอกัน แต่ก็รู้สึกเหมือนเจอเพื่อน ยิ่งอยู่กับกอล์ฟไทม์มา 25 ปี ความผูกพันสูง ผมเองก็เล่นกอล์ฟ ลูกก็เล่นกอล์ฟ จนจะมีหลานแล้ว เราก็ยังเป็นครอบครัวกอล์ฟไทม์กันมาตลอด ลูกหลานสมาชิกหลายๆ คนเติบโตขึ้นมาจนเป็นลูกหลานกอล์ฟไทม์เยอะแยะมากมาย นั่นคือความผูกพัน เหมือนกับเป็นญาติพี่น้องกันจริงๆ ตรงนี้ผมว่ามันหาไม่ได้ง่ายๆ ต้องขอขอบคุณทุกๆ คนจากใจจริงๆ ที่ให้กำลังใจติดตามผลงานกันมา แล้วถ้าเจอกันก็ขอให้เข้ามาทักทายผมเถอะ เพราะนั่นคือความสุข คือความภูมิใจของผมครับ

0916 int Exc 3

0916 int Exc 2

0916 int Exc 4