ท้อได้แต่อย่าถอย – คุณสุชาภา ผลชีวิน

คุณสุชาภา  ผลชีวิน
กรรมการผู้จัดการ
หนังสือพิมพ์กอล์ฟไทม์, พระ-นาง

ทีมงาน Working Women เคยจะสัมภาษณ์คุณสุชาภา ผลชีวิน หรือพี่แจ๋วของเรามาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อคราวกอล์ฟไทม์ครบรอบ 20 ปีที่ผ่านมา แต่พี่แจ๋วบอกพวกเราสั้นๆว่า “ยังไม่ถึงเวลา” แต่มาครั้งนี้พี่แจ๋วตอบรับอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสแถมนัดแนะ วัน เวลา กับทีมงานเสร็จสรรพ คงเป็นเพราะหนังสือพิมพ์กอล์ฟไทม์โตเป็นสาววัยเบญจเพสเต็มตัวแล้วกระมัง

ทีมงานยิงคำถามตรงๆแบบไม่รอช้า

เหนื่อยไหมค่ะก่อนจะมาถึงวันนี้?

หายเหนื่อยหมดแล้วค่ะ (หัวเราะ) 25 ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นการทดสอบและเป็นบทพิสูจน์ตัวพี่ ซึ่งพี่คิดว่าพี่สอบผ่านทุกวิชาแล้วนะ หลังจากที่ได้รับมอบกอล์ฟไทม์จากคุณระวิ โหลทอง ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ จึงถือโอกาสขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้ ที่ท่านได้ให้โอกาสพี่พิสูจน์ตัวเอง การสร้างหนังสือขึ้นมาสักเล่ม หากไม่เอาจิตวิญญาณใส่ลงไปด้วยก็คงจะยากที่จะสำเร็จ และไม่ใช่เพียงตัวพี่คนเดียว หากเราต้องรวมพลังกันเป็นทีม ทีมต้องแข็งแกร่ง อดทนอดกลั้นสู้ฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการไปด้วยกัน ต้องให้ความเข้าใจในทุกๆด้าน มันละเอียดอ่อนมาก ซึ่งพี่ท่องไว้อย่างขึ้นใจ “ท้อได้แต่อย่าถอย” และสอนตัวเองเสมอ เมื่อเกิดปัญหา ก็จะนึกถึงคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่องสติปัญญา ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ด้วยสติปัญญา แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

การที่เราทำกิจกรรมควบคู่กับการทำหนังสือเป็นการแก้ปัญหาซึ่งทั้งสองอย่างเอื้อกันทางธุรกิจ มันเป็นความลงตัว แบบธรรมะจัดสรร หนังสือพิมพ์กอล์ฟไทม์เราเลยเป็นหนังสือพิมพ์ที่เสนอข่าวสารด้านกีฬากอล์ฟ และรองรับกิจกรรมกอล์ฟของเราเองอย่างลงตัว โดยใช้หลัก “เมตตาธรรมนำธุรกิจ”

แล้วตอนนี้ใครๆเขาก็ปิดหนังสือกันเป็นแถวๆเพราะโลกของโซเชียลเข้ามามีบทบาท พี่แจ๋วคิดอย่างไรค่ะ?

อ๋อ…พี่คงไม่วิ่งตามกระแส ดูแล้วอาจจะเชยในสายตาของใครๆ แต่พี่ก็ใช้โซเชียลเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือเราเท่านั้นเพราะพี่คิดว่า สื่อสิ่งพิมพ์รูปเล่มหนังสือต่างๆยังคงเป็นเสน่ห์ที่จับต้องได้ ตราบใดที่พี่ยังต้องบริหารอยู่ตรงนี้ พี่ก็จะคงรักษาเอาไว้ ส่วนจะมีใครสานต่อหรือไม่คงไม่สำคัญเท่าที่เราได้อนุรักษ์และเก็บความภาคภูมิใจ ความทรงจำไว้ที่เราได้สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อจนครบ 25 ปีเต็ม

เห็นพี่แจ๋วมีสิ่งที่ภาคภูมิใจอีกอย่างหนึ่งจนเป็นที่เลื่องลือในวงการแฟชั่น ที่นำผ้าไทยมาประยุกต์ใช้ได้อย่างสวยงามในปัจจุบัน อยากให้พี่แจ๋วเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

พี่สร้างแบรนด์ “พระ-นาง” โดยใช้ผ้าไทยทั้ง 4 ภาคมาประยุกต์ให้ใช้ได้ในปัจจุบัน เน้นผ้าลายไทยโบราณและผ้าพิมพ์ทอง จริงๆถ้าจะเล่ากันก็คงจะยาวมากเอาสั้นๆนะว่าได้จากการปฏิบัติ วันหนึ่งนิมิตฝันเห็น สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ท่านฉลองพระองค์ด้วยผ้าจีบหน้านางงดงามมากและได้ยินเสียง ซิปไซด์ ด้วยปริศนาธรรมนี้ ครั้งแรกพี่ยังไม่เข้าใจปริศนาธรรมนี้สักเท่าไหร่ แต่พอพี่ได้สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิเพิ่มมากขึ้น ทุกอย่างจึงละเอียดและทำให้เราเข้าใจปริศนาธรรมนี้ พี่เลยให้พี่สะใภ้ที่เป็นช่างเสื้อสร้างแบบและตัดขึ้นมา ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีก่อน ต่อมาจึงให้พี่สะใภ้ตัดให้พี่สวมใส่เองไปทางไหนก็มีแต่คนชื่นชอบ มีอยู่ครั้งหนึ่งสิบกว่าปีมาแล้วไปงานสงกรานต์ที่ ถนนฮอลลีวูด ประเทศอเมริกา ก็นำแต่ผ้าไทยที่เราประยุกต์ไปใส่ออกงานสงกรานต์ ชาวต่างชาติรวมทั้งคนไทยเห็นที่เราสวมใส่ต่างชื่นชม กลับมาเมืองไทยมีเสียงในนิมิตฝันว่า ให้นำผ้าไทยโบราณขึ้นมาทำเพื่อแผ่นดิน ก็เลยตัดสินใจทำเสื้อผ้าไทย แต่ประยุกต์ให้เข้ากับปัจจุบัน ซึ่งได้รับความนิยมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และพี่ก็ยังนำผ้าไทยมาประยุกต์ใช้กับงานกอล์ฟช้างที่เราจัดกิจกรรมกอล์ฟเป็นบริษัทแรกจนถึงปัจจุบันมีทั้งเสื้อ ผ้าถุงและโจงกระเบน มีเดินแฟชั่นโชว์บ้างและสร้างแบรนด์ขึ้นมาเรื่อยๆจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในนาม แบรนด์ “พระ-นาง” ซึ่งมีทั้ง ชาย-หญิง แต่จะไปทางเสื้อผ้าผู้หญิงมากกว่า ซึ่งอันนี้เป็นความสุขและอิ่มเอมใจมากมายทีเดียว เหมือนเราได้คืนคุณแผ่นดินเกิดเพราะได้เงินจากต่างชาติ และคนไทยก็กลับมาชื่นชอบ คำชมพี่จึงเปรียบเสมือนมีน้ำทิพย์มาชโลมใจเติมเต็มความสุขได้อย่างเต็มเปี่ยม ที่สำคัญเท่าเราได้มีส่วนทำเพื่อแผ่นดินก็คงไม่เสียชาติเกิดที่เป็นคนไทยแล้ว “งามอย่างไทยใส่พระนาง” Pra-nang, the true beauty of Thai attire.

และนี่ก็คือ ของขวัญอันวิเศษสุด สำหรับผู้หญิงวัยเกษียณอย่างพี่แล้วล่ะค่ะ ประโยคสุดท้ายก่อนจบการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ทีมงาน Working Women สังเกตเห็นได้จากแววตาท่าทางที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุขอย่างเห็นได้เด่นชัด

ทีมงาน Working Womenก็ต้องขอขอบพระคุณ คุณสุชาภา  ผลชีวิน หรือพี่แจ๋วของเรา ผู้หญิงคนนี้ ผู้ซึ่งนำนาวากอล์ฟไทม์ของพวกเราถึงฝั่ง 25 ปี พอดิบพอดีค่ะ