Interview

สัมพันธ์ วงษ์ปาน

สัมพันธ์ วงษ์ปาน
บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน)
ประธานนิสิตเก่าน้องใหม่ จุฬาฯ CU 14

BABY BOOMERS : ผมเป็นเด็กยุคที่เรียกกันว่า เบบี้ บูมเมอร์ ส่วนใหญ่แล้วเด็ก ๆ จะมีอาชีพยอดฮิตคือ หมอ กับ วิศวะ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ครอบครัวเราเป็นข้าราชการตำรวจ เป็นชนชั้นกลางระดับหนึ่ง ผมเองก็อาจจะถือว่าเป็นเด็กขยัน อยู่ในกลุ่มที่ใส่ใจในการเรียน ทำให้สามารถสอบเข้าโรงเรียนสวนกุหลาบ และสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ มหาวิทยาลัย ได้สมความตั้งใจ ที่ผมมุ่งเตรียมเรียนสายนี้ ตั้งแต่ชั้น ม.ศ. 1

กิจกรรม : แต่ก็ใช่ว่าจะเคร่งเครียดกับการเรียนตลอดเวลา บางช่วงที่ผ่อนคลายได้ ก็สบาย ๆ หรืออาจจะมีเกเรบ้างนิดหน่อยในบางครั้ง แต่ถ้าถึงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียน ก็ทุ่มเท รู้จักแบ่งเวลาให้เป็น เคยว่ายน้ำ ตั้งแต่เป็นเด็กประถม พอเข้าสวนกุหลาบ ครูให้ไปเล่นฟุตบอลรุ่นจิ๋วเพราะตัวเล็ก แต่ไม่ค่อยถนัด เมื่อมีโอกาสที่จะค้นหาแนวทางว่าตัวเองชอบอะไร ก็ลองไปเรื่อย ๆ จนได้เรียนดนตรี เล่นอยู่ในวงดุริยางค์ ได้ตีกลอง ทำให้มีความรู้ทางด้านดนตรีบ้าง เป็นกิจกรรมที่ชอบ ทำให้มีความสุข

เส้นทางสายอาชีพ : พอสอบเข้าวิศวะได้ ตั้งใจเรียนเต็มที่ เพราะถนัดทางด้านไฟฟ้า มีทักษะมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น คิดว่าเป็นสิ่งที่เดินมาถือว่าถูกทางแล้ว ความคิดผมอาจจะแปลก ๆ สักหน่อย อยากทำงานมากกว่าเรียนต่อ ในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ถ้าไปเรียนอาจจะเสียเวลา อยากทำงานสะสมให้เป็นเรื่องของประสบการณ์มากกว่า พอสอบเสร็จก็ทำงานทันที

อุตสาหกรรมหม้อแปลงไฟฟ้า : ผมได้อยู่มาตั้งแต่เริ่มทำงานครั้งแรก เจ้าของเป็นรุ่นพี่ แล้วก็อยู่ยาวจนบริษัทเกิดวิกฤติทางการเงิน จังหวะนั้นทำให้ผมได้ลิ้มรสชาติของการตกงานเป็นปี มีครอบครัว มีลูกแล้ว แต่ตกงาน ก็เหมือนกับฟ้าบังคับ จนตัดสินใจร่วมกับเพื่อน ๆ ที่เคยทำงานมาด้วยกัน ให้มารวมตัวกันเปิดบริษัทใหม่ แล้วช่วยกันบุกเบิกในงานที่เราถนัด

ถิรไทย : ถิร แปลว่า มั่นคง สะท้อนความรู้สึกนึกคิดของเราว่า จะทำอย่างไร ถึงจะสร้างองค์กรที่มั่นคง มีเสถียรภาพ ประสบการณ์ก่อนหน้า ทำให้เป็นบทเรียน ทำให้รู้ว่า เมื่อจะทำอะไร ต้องคำนึงถึงความมั่นคง การเงินที่เป็นระบบ ทำอะไรด้วยความรอบคอบ สมัยก่อน ธุรกิจที่มีปัญหาส่วนใหญ่เกิดจาก การจัดการด้านการเงินไม่เป็นระบบ เช่น ลงทุนในธุรกิจ แค่เพียงด้านเดียว เมื่อเกิดวิกฤติ ไม่มีหนทางอื่น จะไปต่อไม่ได้ทันที

เริ่มแบบไม่มีทุน : เพราะพวกเราตกงานกันมาเป็นปี ต้องอาศัยการร่วมทุนกันของเพื่อนกลุ่มแรกราวสิบกว่าคน จากบริษัทเดิมเพื่อมาเปิดบริษัทใหม่ กรอบวิธีการจัดการของเรา จึงเป็นกึ่งมหาชนตั้งแต่เริ่ม ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีหุ้นส่วนร่วมกัน โดยมีผมเป็นผู้นำ ช่วยกันดูแล ทุกคนต้องเสียสละ เงินเดือนที่เคยได้ ก็ลดลงเหลือแค่เพียงครึ่งเดียว เพื่อทำให้บริษัทเติบโตต่อไปได้ นับเป็นเรื่องที่ดี ที่ทำให้พวกเรารักกัน ร่วมมือร่วมใจกัน ทำอะไรจริงใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เล็กไปใหญ่ : ปี 2530 เราไปเช่าโกดังโรงรถเก่า ๆ ค่อย ๆ ดัดแปลง ยุคนั้นเศรษฐกิจเริ่มจะกลับขึ้นมาแล้ว หลังจากตกลงไปนาน การขยายตัวทางอุตสาหกรรมเริ่มมีมากขึ้น ปี 2530 – 2540 ประเทศไทยเจริญขึ้นเร็วมาก เราก็เกาะกระแสนั้นได้ ทำให้โตเร็วตามไปด้วย ปี 2534 จึงเข้าไปอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู มีอัตราเติบโตดีมาก จนตัดสินใจสร้างโรงงานแห่งที่สอง ตรงกับเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งพอดี เราก็ได้ผลกระทบ เพราะมีการกู้เงินจากต่างประเทศ ทำให้เกิดหนี้สินเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว เกิดภาวะชะงักงัน ต้องทำการเจรจากับธนาคาร เพื่อประคองธุรกิจ ถึงแม้จะมีช่วงสะดุดบ้าง แต่เราก็รอดมาได้ จนมาถึงวันนี้ เราเข้าใจว่านี่คือวัฏจักร อะไรมาก็อย่าไปกลัว เป็นสถานการณ์ชั่วคราวที่ต้องรู้จักรับมือ, อุตสาหกรรมหม้อแปลง นับว่าโชคดีที่ยังไงก็ยังต้องใช้ แต่แน่นอนว่า ตลาดอาจจะมีการหดตัว มีปัญหาสินค้าล้นตลาด มีการแข่งขันสูงขึ้น และหลังจากเราทำสินค้าตัวเดิมเข้มแข็งแล้ว ก็อยากจะพัฒนาสินค้าตัวใหม่

สินค้าไทยไม่แพ้ใครในโลก : ให้เครดิตกับเจ้านายคนเก่า มีใจที่จะต่อสู้กับค่านิยมในการใช้สินค้าจากต่างประเทศ สมัยก่อน ยังไงก็ต้องนำเข้า แต่ความเชื่อมั่นของเราคือ คนไทยก็ผลิตสินค้าได้ ไม่แพ้ชาติใดในโลก สามารถผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าได้สบาย ๆ ซึ่งมาถึงวันนี้ ความเชื่อนี้ได้รับการยอมรับอย่างชัดเจนแล้ว

ไว้ใจได้ : อุตสาหกรรมหม้อแปลงของประเทศไทยเรา เข้มแข็งที่สุดในย่านนี้ มีบริษัทผู้ผลิตเยอะกว่าที่คิด ทำให้เกิดการแข่งขันสูง และยังมีการแข่งขันจากประเทศอื่น ๆ ซึ่งเป็นรายใหญ่ ที่มีศักยภาพสูง เราก็ต้องอาศัยจุดแข็ง คือการบริการ การดูแลซึ่งกันและกัน เราเน้นความเป็นผู้เชี่ยวชาญ ออกแบบสินค้าตามความต้องการ เข้าไปร่วมมือกับลูกค้า ในการจัดสินค้าให้เหมาะกับสิ่งที่จะใช้ Engineering to Order ใครที่เคยเป็นลูกค้าของถิรไทย ก็มักจะอยู่กับเรายาว ๆ ไม่เปลี่ยนใจ เพราะมีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน

ตลาดหลักทรัพย์ : เราตั้งใจตั้งแต่ต้นในเรื่องนี้ บริษัทมีการขยายตัวต่อเนื่อง แต่มีบางช่วงที่เศรษฐกิจชะงักไป ต้องทำการแก้ไขปัญหา กลุ่มผู้ถือหุ้นก็มีความต้องการจะเข้าตลาดฯ อยู่แล้ว จนเมื่อปี 2546 ก็เข้าสู่ตลาดฯ ได้เรียบร้อย ทำให้ฐานะทางการเงิน เครดิต มั่นคงขึ้น พูดได้ว่าถ้าในธุรกิจประเภทเดียวกัน เราอยู่แถวหน้าในธุรกิจด้านนี้ ถือว่าเราเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อาจจะพูดได้ว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ได้ ในเรื่องของหม้อแปลง ทั้งขนาดเล็ก เช่นที่เห็นอยู่ตามเสาไฟฟ้า, ขนาดกลาง ระดับสถานีไฟฟ้าย่อย เหมือนที่เห็นหม้อแปลงก่อนจะส่งเข้าไปตามอาคาร และขนาดใหญ่ ระดับสถานีไฟฟ้าใหญ่ อย่างของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตตามต่างจังหวัด มีพื้นที่ใหญ่กว่าบ้าน หนักหลายร้อยตัน ลูกค้าหลักของเรามีสามส่วน ได้แก่ ภาครัฐบาล ทั้งสามการไฟฟ้า, ภาคเอกชนในประเทศ อุตสาหกรรมทั่วไป และ การส่งออกไปทั่วโลก โดยเน้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ ไกลที่สุดเคยส่งไป อาร์เจนติน่า ซึ่งเรากำลังขยายงานไปในขอบเขตที่มีความเกี่ยวข้องอยู่ เช่น ไฟฟ้ากำลังด้านอื่น แบตเตอรี่ ซึ่งเตรียมคิดไว้ และดำเนินการไปบ้างแล้ว ในเบื้องต้นคงเป็นขนาดกลาง ในรถยนต์ ในอุตสาหกรรม หรืออาจจะเป็นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันยังไม่นิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูง แต่เราจะยังไม่ข้ามไปยังธุรกิจที่ไม่ถนัด

สนับสนุนกีฬา : เคยมีโค้ชตะกร้อเข้ามาแนะนำว่า น่าจะสนับสนุนกีฬาบ้าง เราก็เห็นว่าตะกร้อเป็นกีฬาไทย ๆ ที่คนไทยชื่นชอบ มีสิทธิ์ชนะคนอื่นได้สูง ถ้าเราสนับสนุนให้นักกีฬาจากต่างจังหวัด มารวมตัว ทำทีมเพื่อแข่งขัน ซึ่ง ถิรไทย ได้ให้การสนับสนุนกีฬาเซปักตะกร้อมากเป็นพิเศษ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จนนักกีฬาของเรามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ตั้งแต่เมื่อปี 2535 – 2536 ในการแข่งระดับชาติ ระดับซีเกมส์ มีนักกีฬาได้เหรียญทอง นับว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมทางด้านสังคมของบริษัทฯ

กอล์ฟ : ทักษะทางกีฬาอาจจะไม่ค่อยดีมากนัก ทักษะทางดนตรีพอได้ ร้องเพลงได้ สมัยเรียนจุฬาฯ ได้เล่นบริดจ์ ซึ่งเป็นกีฬาในร่ม เล่นได้ดีพอสมควร เคยเล่นกันทั้งวันทั้งคืน อาจเพราะเราชอบคณิตศาสตร์ ชอบคิด จนมาทำงาน หลังจากบริษัทได้เข้าตลาดฯ ไปแล้ว มีความสบายใจมากขึ้น ก็มีกอล์ฟนี่แหล่ะ ที่ให้เวลาเยอะที่สุด ก่อนหน้านั้นไม่ได้เล่นกีฬาอะไรเลย ชีวิตอยู่กับการทำงานมาตลอด ผมเป็นคนชอบดูกีฬา มากกว่าภาพยนตร์ ดูกอล์ฟมาตั้งแต่ยังไม่เล่น เลยพอมีความเข้าใจในเกมส์ ครั้งแรกที่เล่น ใช้อุปกรณ์แค่เหล็ก 7 กับ พัตเตอร์, 9 หลุม ทำสกอร์ได้ 52 มาถึงวันนี้ ยังทำสกอร์นี้ไม่ค่อยได้เลย ถ้ายอมตัดใจเอาหัวไม้ออก เหลือแค่เหล็กที่สั้นลงมาหน่อย สกอร์ก็น่าจะดีขึ้น แต่ก็ไม่เคยทำได้สักที อยากจะลองใช้หัวไม้ให้ตีได้ไกล ๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยตรงทุกที เป็นกีฬาที่เอาไว้เล่นสนุกจริง ๆ เมื่อไหร่ที่ไม่โลภ สกอร์จะดี สอนให้เรารู้จักตัวเราเอง ว่าขณะนั้น เราทำอะไรได้ ไม่ได้ ควบคุมตัวเองได้อย่างไร ยิ่งโมโห ยิ่งไปกันใหญ่ จุดอ่อนคือลูกไดร์ฟ ความที่อยากให้ไกล บางครั้งยิ่งตีแรง ก็ยิ่งไม่ตรง แต่จุดแข็งคือ รอบ ๆ กรีน ขึ้นจากทราย ชิพ พัตต์ ไม่ค่อยหลุดไปไหน

สุขภาพกาย : ผมอาจจะโชคดีที่สุขภาพไม่ค่อยมีจุดอ่อน ผมมีคุณหมอที่ปรึกษาให้คำแนะนำว่า การดูแลการกินให้เหมาะกับอายุ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะบางครั้งเมื่ออายุมากการออกกำลังกายอาจจะทำให้บาดเจ็บได้ง่าย วิธีการก็คือ ปรับวิธีกิน แป้ง น้ำตาล ต้องเลี่ยงให้ได้มากที่สุด ทานผักเยอะ ๆ อาจจะมีดื่มบ้างนิดหน่อย มีโอกาสก็ออกรอบ กีฬาอาจจะเหลือแค่กอล์ฟอย่างเดียว ใครชวนไปเล่น ก็ยังไป เพราะได้เดิน ได้ออกกำลังกายบ้าง ด้วยวิธีการเดินให้เยอะ ๆ

ไม่หนีปัญหา : ถ้ามีปัญหาถาโถมเข้ามา มันมีหลาย ๆ เรื่องซ้อนกันอยู่ แค่เรานิ่ง บางครั้งปัญหาก็ลดลงไปเยอะแล้ว ผมไม่หนี แต่จะนิ่ง แล้วค่อย ๆ แยกแยะปัญหา ค่อย ๆ แก้ทีละเรื่อง แล้วดูว่าทีมาของปัญหาคืออะไร ใช้กลไกของความคิด แก้ได้แก้เลย ไม่ได้ก็พักก่อน ต้องตัดตอนเราต้องทำใจให้นิ่งให้ได้ ไม่ฟุ้งซ่าน การนอนหลับ คือการพักผ่อนที่ดีที่สุด ต้องหลับให้สนิท ผมอาจจะโชคดีที่ตัดได้ ไม่ว่าปัญหาอะไร ผมก็ปิดสวิตช์ได้ นอนเป็นนอน แต่ก็มีบ้างที่บางครั้งปิดไม่ลง แต่เป็นส่วนน้อย อาจเป็นเพราะชีวิตผ่านช่วงยาก ๆ มาเยอะแล้ว พอมองย้อนอดีตกลับไปแล้วเทียบกับปัญหาในวันนี้ มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก

CU 14 : จุฬาฯ มีประเพณีอยู่ว่า อยากจะให้คนที่จบการศึกษาไปแล้ว 50 ปี ได้กลับมารวมกัน ทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ของสังคม ของสถาบันการศึกษา ของประเทศชาติ ซึ่งในปี 2564 นี้ ของพวกเราที่เข้าเป็นน้องใหม่เมื่อปี 2514 ครบรอบ 50 ปีพอดี เริ่มจาก ผมเข้าเรียนวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เมื่อปี 2514 แล้วก็เป็นมาประธานฯ ในช่วงหลัง ๆ เมื่อ 7 – 8 ปีนี้ ต่อเนื่องกันมา พอมีการประชุมร่วมกันทั้ง จุฬาฯ ก็ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อน ๆ ต่างคณะ ให้ทำหน้าที่เป็นประธาน CU Freshy 2514 ประธานของนิสิตเก่าน้องใหม่ จุฬาฯ ปี 2514 ด้วย คนเราพออายุมากขึ้นแล้ว ได้มาเจอกันในภายหลัง เป็นความรู้สึกที่ดีมาก ทุกคนเปิดใจเข้าหากัน ยินดีที่จะทำงานร่วมกัน มีความสุขที่ได้รวมกลุ่มกัน ได้ใช้เวลามาทำงานร่วมกัน ได้รู้จักกันมากขึ้น

กิจกรรมการกุศล : ตั้งแต่ต้นปี 2564 ที่ผ่านมา เราได้ทำกิจกรรมไปเยอะมาก หลาย ๆ เรื่อง ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี รวมถึงการจัดกอล์ฟการกุศลด้วย วัตถุประสงค์คือ นำรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ทูลเกล้าถวาย กรมสมเด็จพระเทพ ฯ ซึ่งถือว่าพระองค์เป็นองค์อุปัฏฐาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่แล้ว นั่นคือหนึ่งในเป้าหมายที่เราคิดจะทำการกุศล และบริจาค ไปตามต่างจังหวัด โดยมีคำขวัญของรุ่นเราว่า “รักษ์น้ำ ฟื้นป่า ตอบแทนคุณจุฬาฯ พัฒนาคน” เราขึ้นไปช่วยต้นน้ำ อ.แม่แจ่ม เชียงใหม่ ผลักดันโครงการ สร้างฝายให้ชาวบ้าน ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก ตามทฤษฎีพอเพียง ของ ในหลวง ร.9, มีการเข้าไปในชนบท นำติวเตอร์ไปสอนเด็ก ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ มีการบริจาคให้กับ รพ.ของสมเด็จพระเทพฯ ที่ อ.แม่แจ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ผู้เข้ามาใช้บริการเป็นพี่น้องชาวเขา และยังมีโครงการอื่น ๆ ที่มีประโยชน์อีกมากมาย รวมตั้งแต่เริ่มโครงการ บริจาคเกิน 20 ล้านบาทไปแล้ว และเมื่อเสร็จสิ้น ก็จะมีพิธีในการส่งมอบภารกิจในกับนิสิตน้องใหม่ในรุ่นต่อ ๆ ไป ราวเดือนมีนาคมของทุกปี เพื่อสังคม : ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคณะ ที่ให้ความไว้วางใจ ความร่วมมือ และเปิดใจเข้าหากัน เราอยู่ในวัยเกษียณกันแล้ว ผ่านภาระปัญหาพื้นฐานของชีวิตแล้ว ทุกคนเก่งกันหมด หน้าที่ของเราคือ จะหากลไกในการร่วมมือกันอย่างไร ต้องสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทำงานให้ได้ ทุกคนจริงใจกัน ไม่มีวาระซ่อนเร้น พวกเราตั้งใจกันมาทำงานเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริงครับ