Golf NEWS

ไทเกอร์ มีความสุขได้กลับมาหวดอีกครั้ง

ไทเกอร์ มีความสุขได้กลับมาหวดอีกครั้ง

ไทเกอร์ วูดส์ พลาดไปเพียงหวุดหวิดที่จะสร้างเทพนิยายในการกลับมาลงแข่งขันกอล์ฟอีกครับในรายการรูปแบบครอบครัวในศึกพีเอ็นซี แชมเปียนชิพ ในฟลอริดา สหรัฐอเมริกา

ไทเกอร์ วูดส์ ซึ่งกลับมาลงเล่นรายการแรกนับจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างหนักเมื่อ 10 เดือนก่อนหน้านี้เก็บ 11 เบอร์ดี้ติดเคียงคู่กับ ชาร์ลี ลูกชายวัย 12 ปีก่อยจบสกอร์รอบสุดท้าย 15 อันเดอร์พาร์ 57 รวมสองวันที่ ริตซ์ คาร์ลสัน กอล์ฟคอร์ส ในเมืองออร์แลนโด ด้วยสกอร์รวม 25 อันเดอร์พาร์

อย่างไรก็ตาม ไทเกอร์ ไม่สามารถทำเบอร์ดี้ที่ 12 ที่หลุม 18 พาร์​ 5 โดยทำได้เพียงพาร์จึงพลาดโอกาสที่จะกดดัน จอห์น เดลีย์ แชมป์เมเจอร์ 2 รายการที่ลงเล่นคู่กับลูกชาย จอห์น เดลีย์ เดอะ เซคคั่น

คู่พ่อลูกเดลีย์จบการแข่งขันด้วยเบอร์ดี้ทำให้จบรอบสุดท้าย 57 เท่ากับคู่ของ ไทเกอร์ แต่เมื่อรวมสกอร์สองวันคว้สแชมป์ไปครองด้วยสกอร์ 27 อันเดอร์พาร์ ชนะไป 2 สโตรก

ไทเกอร์ที่เกือบต้องโดนตัดขาขวาหลังอุบัติเหตุทางรถยนต์ในลอสแองเจลิสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บอกว่าเขารู้สึกขอบคุณมากที่มีโอกาสได้กลับมาลงเล่นกอล์ฟได้อีกครั้ง

“ผมมีความสุขและรู้สึกขอบคุณมากที่ยังสามารถทำแบบนี้ได้อีกครั้ง”​ไทเกอร์กล่าวกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี 

“ผมยังคงมีขาเป็นของตัวเอง ซึ่งแม้วาช่วงหนึ่งอาจจะมีปัญหาและไม่แน่ใจว่าจะใช้การได้หรือไม่ แต่ตอนนี้มันก็สามารถได้งานได้ ผมรู้สึกเหนื่อยเหมือนกันและยังไม่รู้สึกชินมากนัก” 

“ผมคิดว่านี่เป็นการเล่นกอล์ฟเพียงรอบที่สี่หรือรอบที่ห้าในปีนี้ของผม ก็รู้สึกเหนื่อยหน่อยยะ แต่ก็ดีที่ยังสามารถใช้รถคาร์ทได้”

ไทเกอร์บอกว่าก่อนที่การแข่งขันรายการนี้จะเปิดฉากขึ้นนั้น เขาและลูกชายตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าจะลงเล่นตลอดสองรอบโดยไม่เสียโบกี้แม้แต่หลุมเดียว ซึ่งพ่อลูกวูดส์สามารถทำได้ตามเป้าหมาย

“เป้าหมายหลักของพวกเราคือการเล่นสองวันโดยที่ไม่เสียโบกี้ เมื่อปีที่แล้วพวกเราเสียไปสองโบกี้ และปีนี้เราไม่เสียแม้แต่โบกี้เดียว”​ไทเกอร์กล่าว

“พวกเรารู้สึกว่าในช่วงเก้าหลุมสุดท้ายนั้นเราต้องเก็บเบอร์ดี้ให้ได้ทุกหลุมเพื่อจะมีโอกาส และทุกอย่าก็ดูน่าสนใจแม้่ช่วงท้ายจะทำไม่ได่ แต่ก็เป็นการแข่งขันที่สนุกมาก”

ไทเกอร์ที่เมื่อปี 2017 เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกทับเส้นและสามารถชนะ เดอะ มาสเตอร์ส สมัยที่ห้า และเป็นการคว้าแชมป์เมเจอร์รายการที่ 15 ในปี 2019 ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าการฟื้นฟูสุขภาพจากอาการบาดเจ็บที่เกิดจากอุบัติเหตุรถยนต์ในครั้งนี้นับว่าสาหัสที่สุดในชีวิต 

ก่อนหน้าที่จะลงเล่นรายการครอบครับรายการนี้หนึ่งสัปดาห์ ไทเกอร์ บอกว่าเส้นทางยังอยู่อีกยาวไกลที่จะสามารถกลับไปเล่นกอล์ฟในระดับสูงสุดได้อีกครั้ง แม้จะเป็นการเล่นแบบพาร์ตไทม์ก็ตาม

อุบัติเหตุของ ไทเกอร์ นักกอล์ฟวัย 45 ปีผู้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในบาฮามัสนั้นเหมือนเป็นกระจกสะท้อนกับ เบน โฮแกน ตำนานนักกอล์ฟที่ประสบอุบัติเหตุอย่างหนักในปี 1949

หลังประสบอุบัติเหตุ โฮแกน เจ้าของแชมป์พีจีเอทัวร์ 64 รายการและแชมป์เมเจอร์ 9 รายการ ลงเล่นไมเกิน 9 รายการในฤดูกาลถัดจากนั้น

ไทเกอร์ยังไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ แมตต์ คูชาร์ เพื่อนร่วมอาชีพที่บอกว่าไทเกอร์ไม่เพียงแค่กลับมาเดินได้เท่านั้น และยังสามารถลงไปแข่งขันระดับสูงสุดอย่างยูเอสพีจีเอทัวร์ได้ด้วย

“ไม่ ไม่ ไม่”​ไทเกอร์กล่าว “ผมไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ผมยังไม่ได้อยู่ในระดับนั้น ในตอนนี้ผมยังไม่สามารถลงแข่งขันกับนักกอล์ฟเหล่านั้นได้ ไม่มีทาง”            

ส่วนการแข่งขันพีเอ็นซี แชมเปียนชิพ ในออร์แลนโด ที่เขาลงเล่นคู่กับลูกชายเป็นปีที่สองติดต่อกันนั้น เขาเพียงต้องการใช้เวลากับลูกชาย

“แม้กระทั่งก่อนหน้านี้สัก 2-3 สัปดาห์ พวกเราก็ยังไม่แน่ใจว่าผมจะสามารถลงมาเล่นแบบนี้ได้หรือไม่ แต่ตอนนี้พวกเราก็มาอยู่ที่นี่แล้ว” ไทเกอร์กล่าว “และที่สำคัญคือพวกเรามีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

“ผมเพียงหวังว่าจะลงมาเดินเคียงข้างกับเขาในแฟร์เวย์ตลอดเวลาเหมือนที่เคยทำเมื่อปีที่ผ่านมา”

“แต่ผมก็ทำเท่าที่สามารถทำได้”​ไทเกอร์กล่าวพร้อมบอกด้วยว่ากลิ่นอายของการแข่งขันไม่เคยห่างหายจากตัวเขาแม้ว่ามีข้อข้อจำกัดในเรื่องสภาพร่างกายหรืออะไรก็ตาม

“นี่เป็นสิ่งแวดล้อมของผม”​ไทเกอร์กล่าว “นี่เป็นสิ่งที่ผมทำมาตลอดชีวิต”

ทางด้าน จอห์น เดลีย์ แชมป์พีจีเอ แชมเปียนชิพ 1991 และบริติช โอเพ่น 1995 ซึ่งจับคู่กับลูกชายวัย 18 ปีเป็นปีที่หกติดต่อกัน โดย เดลีย์ เดอะ เซคคั่น ลงเล่นฤดูกาลแรกกับยูนิเวอร์ซิตี ออฟ อาร์คันซอส์

ทั้งคู่คว้าแชมป์หลังในรอบสุดท้ายบ้ายวันอาทิตย์เก็บเข้ามา 13 เบอร์ดี้และ 1 อีเกิล

เดลีย์น้อยยอมรับว่ามีบางช่วงเวลาที่เขาค่อนข้างกังวลเมื่อเห็นชื่อของ ไทเกอร์ ขยับขึ้นมาตามเขาบนลีดเดอร์บอร์ด

“แน่นอนว่ามันน่าตื่นเต้นและประหม่ามาก”​เดลีย์ เดอะ เซคคั่น กล่าว “แต่พวกเราก็ยังได้เปรียบเนื่องจากเล่นอยู่ในก๊วนสุดท้าย ดังนั้นพวกเราจึงรู้สถานการณ์ว่าต้องทำอย่างไรบ้างในหลุมสุดท้าย หรืออย่างน้อยก็ในสามหลุมสุดท้าย”