เรื่องของข้าว กับ ราคาข้าว
เรื่องของข้าว กับ ราคาข้าว
เกิดความเหลือเชื่อขึ้นเมื่อถึงช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตราคาของข้าวกลับกระดุกกระดิกพลิกตัวลงในแนวดิ่งชนิดมีคำเปรียบเทียบว่าข้าวเปลือก 1 กก.มันถูกกว่า “มาม่า” เสียอีก ถึงขนาดมี ส.ส. บางคนเอาข้าวเปลือกไปโปรยใส่สภาซึ่งถือว่าเป็นการประท้วงที่ว่า “ทำไมราคาของข้าวเปลือกถึงได้ตกต่ำดำดินได้เยี่ยงนี้” แต่แทนที่จะมีใครมาตอบกระทู้ถามเรื่องนี้กลับไม่เห็นแม้เงาใครสักคนที่กล้าปริปากว่า “ทำไมราคาถึงเป็นแบบนี้” หลังจากที่โปรยข้าวเปลือกเป็นที่สะใจแล้วก็ต้องร้อนถึง “ท่านชวน” ที่ต้องออกมาปรามในการกระทำแล้วก็ขอให้จัดการทำความสะอาดเสียด้วย…
ถ้าจะดูเอามันก็พอได้ครับถือว่าเขาต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนที่เลือกเขาเข้ามาอยู่ในสภาแห่งนี้ แต่เรื่องแบบนี้หากปล่อยไว้มันอาจมีการเลียนแบบเกิดขึ้น ถ้ายางพาราเกิดถูกขึ้นมาหรือราคาปาล์มรวมถึงราคาของที่เป็นสิ่งมีชีวิตเกิดถูกแบบรับไม่ได้มันมิโกลาหลกันใหญ่รึครับ….อันนี้แค่ขำๆ ครับอย่าคิดมากผมเองในฐานะที่เป็นผู้ที่บริโภคข้าวเป็นอาจินแทบจะทุกมื้อผมซื้อข้าวนึ่งหรือข้าวสวยทีไรมันก็ราคาเดิม คือ 10 บาทต่อถุงตลอดไม่เคยซื้อข้าวในราคาเจ็ดบาทห้าสิบหรือจะโควิดกำลังเต็มที่มันก็ราคานี้ทุกคราไป…มันย่อมสำแดงกับท่านทั้งหลายได้ว่า “มันมีการบิดเบือนราคากันจริง” ส่วนจะเป็นสายล่างหรือสายบนที่ทำกันผมก็สุดจะทราบจริงๆ….
กลับมาราคาข้าวกันดีกว่าว่าเราจะทำอย่างไรกันดีกับข้าวเปลือกตันละไม่กี่มากน้อยหากราคาที่ว่านี่มันเป็นจริงคือ “5 บาทต่อ กก.” ตันหนึ่งก็ 5,000 บาท (ห้าพันบาท) ราคานี้รับไม่ได้จริงๆ “ห้าพันบาท” นี่ถ้าเป็นเมื่อหลายสิบปีก่อนชาวนาพออยู่ได้แบบไม่ถึงตาย แต่ ณ เพลานี้มันจบตั้งแต่ยังไม่เกี่ยวออกจากนาดังนั้นชาวนา “ตายสนิท” จริงแท้แน่นอน ทีนี้มาดูราคาข้าวที่น่าจะเป็นจริงต่อชีวิตมนุษย์ หากเอามาหักลบกลบหนี้โดยเป็นราคาข้าวสารมันปาเข้าไปเป็นหมื่นๆ หลายคนอาจบอกว่า “ครูไก่เสียสติหรือเปล่า” ราคาข้าวเป็นหมื่นๆ …หรืออาจบอกว่าครูไปกินยาซะ
สรุปว่าราคาข้าวที่ได้ราคาจริงเป็นหมื่นๆ มันเป็นไปได้เพียงแต่จากข้าวเปลือกทำไมเราไม่เอาข้าวมา “สีเสียเอง” ข้อแรกคือเราได้แกลบดิบ ได้รำข้าว ได้ข้าวสารทั้งสามอย่างหากเอามาจำหน่ายเองบอกได้คำเดียว “รวย” ครูไก่เคยได้คุยกับคนขายก๋วยเตี๋ยวซึ่งที่บ้านในจังหวัดร้อยเอ็ดมีนาปลูก “ข้าวหอมมะลิ” ที่ถือว่าดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลกแต่ราคาก็อย่างที่รู้ๆ กันเพราะฤดูกาลนี้ไม่ขาดทุนก็บุญหัวแล้ว…คำถามผมก็ผุดขึ้นมาว่า “แล้วราคาข้าวสารมันเท่าไหร่กันไอ้ข้าวหอมเนี่ย” คำตอบคือ “โลละ 40 บาท” โอ้แม่จ้าวเอาหนึ่งพันไว้ในใจคูณด้วย 40 อย่างไรก็ 40,000 (สี่หมื่นบาท) จริงๆ ผมถามว่าทำไมไม่สีมาขายเองรถกะบะก็มีคนขับก็เป็นเจ้าของเองแต่คำตอบคือ …ไอ้โน่นก็ไม่ได้…ไอ้นี่ก็ไม่สะดวก…แถมด้วยค้าขายไม่เป็น…อยากได้เงินก้อน…ฯลฯ…
เอาจริงนะจากข้าวเปลือกสู่ข้าวสารมันเหลือกระบวนการเดียวคือ “สี” ให้ออกมาเป็นข้าวสารแล้วค่อยๆ ลำเลียงมาขายให้ผมให้ 35-40 บาทต่อกิโลกรัม…กำไรเห็นๆ เพียงแต่เงินอาจได้ช้าแต่ชัวร์ป้าบ…สุดท้ายผมก็จ่ายค่าอาหารในราคาเดิมแล้วก็ออกจากร้านไปส่วนเขาจะทำหรือไม่ทำสุดท้ายก็แต่เขาเลย…ถ้ามีทุนพอจะไปเก็บข้าวเปลือกมาขายให้สบายใจฉิบเลย
ครูไก่