กอล์ฟ ให้คุณค่ากับชีวิต – ชนินทร์ พันตาวงษ์
ชนินทร์ พันตาวงษ์
สุวรรณภูมิกอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ
“..กอล์ฟ ให้คุณค่ากับชีวิต..”
คุณพ่อ (สุรพงษ์ พันตาวงษ์) ฝึกให้ผมเล่นสกีที่แม่น้ำท่าจีนตั้งแต่อายุแค่ราวหกขวบ โดยมีคุณลุง (ภุชงค์ ยุวบูรณ์) มาร่วมเล่นอยู่ด้วยกันทั้งวัน ทุกอาทิตย์ จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณลุง ได้ชวนให้ผมกับพ่อ ไปลองเล่นกีฬาของท่านบ้าง ซึ่งตอนนั้นท่านยังบริหารสนามกอล์ฟโรสการ์เด้น สามพราน
คุณลุง ให้เหล็ก 7 ผมมาอันนึง แล้วหลังจากนั้น พ่อกับผม ก็ไม่กลับไปเล่นสกีกันอีกเลย
ผมกับพ่ออยู่ในสนามไดร์ฟหกเดือน จนพอตีกันได้ถึงเริ่มออกรอบ เพราะคิดว่าไม่อยากเป็นภาระให้กับนักกอล์ฟที่เล่นอยู่ในสนาม จำแม่นเลยว่าครั้งแรกที่ลงสนาม นักกอล์ฟเยอะมาก จนต้องไปเริ่มออกที่หลุม 2 พอไดร์ฟช็อตแรกไปได้ เมื่อถึงลูกผมก็จะหยิบขึ้นมาตั้งบนทีจะตีช็อต 2 ด้วยความไม่รู้ พ่อถึงบอกว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ต้องตีจากพื้นเท่านั้น เราถึงต้องซ้อมกันเยอะก่อนออกรอบ
ผมลงแข่งแมทช์แรกที่ ทบ. อายุราวเก้า ขวบ ได้อันดับ 6 แข่งครั้งที่สอง ได้ที่ 7 แล้วก็แข่งมาเรื่อยๆ ชนะมั่งแพ้มั่ง กับเพื่อนๆ ร่วมรุ่นที่เล่นด้วยกันมา จนได้มีโอกาสได้เล่นรายการ เอเชียแปซิฟิก ที่ฟิลิปปินส์ เมื่ออายุราวสิบขวบ โดยสมาคมฯ พาไป ผมเข้าที่ 2 ทำให้ได้รับสิทธิ์ไปแข่ง จูเนียร์เวิลด์ ซึ่งผมก็ได้รางวัลอันดับ 2 อีก จนปี 1997 ผมไปได้แชมป์ที่ฮ่องกง แล้วเมื่อปี 1998 ซึ่งผมต้องเลื่อนขึ้นไปแข่งกับรุ่นพี่ๆ ทำให้ผลงานยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังได้โควต้ารายการออฟติมิส ตีจบรายการขึ้นนำ แต่โชคไม่เข้าข้าง คณะกรรมการยกเลิกรอบสุดท้าย ทำให้ได้แค่ที่สอง
ปี 1999 ผมกลับไปได้แชมป์จูเนียร์เวิลด์ที่สนามซิงกิ้งฮิลส์ ซานดิเอโก้ อเมริกา, แชมป์ที่ฮ่องกง, แชมป์จูเนียร์แปซิฟิก ที่พม่า และปีนั้นที่ประเทศไทยมีแข่ง 10 รายการ ผมเข้าแข่งไป 9 ครั้ง เพราะโดนมีดบาด แล้วชนะ 8 ครั้ง รอง 1 ครั้งที่สนามสามพราน ทั้งๆ ที่เป็นสนามที่ผมเล่นมากที่สุดตอนเด็ก
ก่อนหน้าจะไปแข่งที่จูเนียร์เวิลด์ คุณพ่อบอกไว้ว่า ถ้าชนะ จะให้ไปเรียนที่สถาบันเดวิด เลดเบทเตอร์ ทำให้ผมตั้งใจเต็มที่ และทำคอร์สเรคคอร์ดสนามได้ พอชนะ คุณพ่อก็ให้ตามที่สัญญาไว้ ผมกลับมาไปแข่งกับสมาคมฯ ที่ดิสคัฟเวอรีเบย์ ฮ่องกง แล้วเก็บกระเป๋าบินไปที่ ไอเอ็มจี อะเคเดมี เบรเดนตัน ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา และย้ายไปประจำที่นั่นเลย โดยคุณแม่ไปอยู่ด้วย
วิถีชีวิตการเป็นนักกอล์ฟที่ประเทศไทยของผมเริ่มจากหลังเลิกเรียน คุณปู่จะพาไปส่งที่สนามไดร์ฟแล้วก็ซ้อมอยู่จนมืดคุณพ่อมารับกลับ ทานข้าว ทำการบ้าน นอน พอวันหยุดก็ตื่นตีห้าไปสนามกอล์ฟ แล้วก็อยู่ทั้งวันจนมืด เป็นกิจวัตรแบบนี้
พอไปอยู่อเมริกา เรียนไฮสคูลที่ ไอเอ็มจี อะคาเดมี เป็นสถาบันการศึกษาที่ทาง ไอเอ็มจี ร่วมมือกับ เดวิด เลดเบทเตอร์ จัดหลักสูตรสำหรับนักกีฬา สมัยนั้นมี 4 ประเภท กอล์ฟ เทนนิส ฟุตบอล เบสบอล เฉพาะกอล์ฟอย่างเดียวมีนักเรียนร้อยกว่าคน ซึ่งเรียนแค่ครึ่งวัน เข้าขึ้นรถบัสไปเรียน เลิกเรียนเที่ยงครึ่ง ทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนจัดเตรียมไว้ ซึ่งมีคุณประโยชน์ตรงกับความต้องการของนักกีฬา เสร็จแล้วก็คว้าถุงกอล์ฟไปสนาม ฝึกซ้อมจนเย็น จันทร์ พุธ ศุกร์ ก็ออกกำลังกาย ตามโปรแกรมที่กำหนดไว้
ปีแรกที่ผมไปได้ลงแข่งใน ฟลอริด้า จูเนียร์ กอล์ฟทัวร์ และผมก็ได้รางวัลที่หนึ่งของทัวร์ในรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ปีต่อมาก็ได้อีก จากนั้นพออายุ 15 ไปเล่นใน AJGA (American Junior Golf Association) ซึ่งเป็นรายการใหญ่กว่า มีนักกอล์ฟเยาวชนจากทั่วประเทศเข้าร่วมแข่ง ปีนั้นผมจบอยู่ที่ราวอันดับ 40 ของรุ่นต่ำกว่า 18 พออายุ 16 ซึ่งนับเป็นปีที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ผมได้แชมป์ AJGA หลายครั้ง ได้เล่น Canon Cup ซึ่งคล้ายกับ ไรเดอร์ คัพ ของเด็กฝั่งตะวันออกและตะวันตก มาแข่งกัน, ได้เล่น US Amateur, US Junior กลับมาเมืองไทยเล่น ไทยแลนด์ โอเพ่น ก็ทำสถิติไว้ได้อีก พออายุ 17 ตีไม่ค่อยดีลงมาหน่อย แต่พออายุ 18 เรียนจบ ก็ตัดสินใจเทิร์นโปร
ก่อนเรียนจบ ผมมีโอกาสได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง แต่ผมไม่ได้ตอบกลับไปเลย เพราะไม่คิดว่าจะไปเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย แต่ตั้งใจจะไปเป็นนักกีฬาอาชีพ จึงมุ่งหน้าเดินสายตรงเพื่อเป็นโปร
ตอนนั้นผมมีโอกาสได้เล่นใน Hooters Tour ซึ่งเป็นทัวร์อันดับสาม เคยได้รองแชมป์ และเคยผ่านรอบควอลิฟายเข้าไปเล่นใน Nationwide ซึ่งเป็นทัวร์อันดับสอง ขณะที่ PGA คือทัวร์อันดับหนึ่ง แต่ขนาดเล่นในทัวร์เล็กๆ เงินรางวัลก็ยังสูงพอที่จะยึดเป็นอาชีพได้หากติดอันดับดีๆ และถ้าได้เป็นอันดับต้นๆ ของทัวร์ ก็ยังมีโบนัสไว้ให้ไปเป็นทุนสำหรับการเข้าไปควอลิฟายในทัวร์ใหญ่อีกด้วย
จังหวะที่เทิร์นโปรและเริ่มแข่ง ผมมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่ข้อมือเรื้อรัง ทำให้ผมไม่สามารถซ้อมได้เยอะ ซึ่งตามปกติจะซ้อมเช้าเย็น ก็ทำไม่ได้ ตอนเริ่มเจ็บเกิดขึ้นขณะที่แข่งใน Hooters Tour เกือบจะจบรอบอยู่แล้ว วันนั้นแท่นทีออฟหลุม 16 แฉะมาก ปักทีแล้วพยายามจะตีน็อคดาวน์ แต่ตีหลังลูกไปนิดเดียว ข้อมือเลยรับแรงกระแทกนั้นเต็มๆ แต่ก็ไม่คิดอะไรมากนึกว่าเดี๋ยวก็คงหาย หลุม 17-18 ได้เบอร์ดี้ จนกระทั่งกลับบ้าน แค่เดินแกว่งแขนก็ยังเจ็บ จนคิดว่าอาการไม่ค่อยดีแล้วแบบนี้
ผมไปปรึกษากับคุณพ่อของพอลล่า ครีเมอร์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนกอล์ฟมาด้วยกัน ท่านก็แนะนำหมอที่เก่งที่สุดในเรื่องข้อมือให้ เพราะ พอลล่า ก็มีปัญหาในเรื่องอาการบาดเจ็บของนิ้วโป้งเหมือนกัน ผมก็ไปดำเนินการรักษากับคุณหมอ และคาดว่าภายในสัปดาห์เดียวจะหาย พอครบกำหนดก็ไปออกรอบ ซึ่งไม่เจ็บเลยตอนเริ่มเล่น แต่พอเล่นไปได้สักชั่วโมงกว่าๆ ก็กลับมาเจ็บอีก ผมโทรไปปรึกษา หมอสั่งให้พักยาวๆ เลย ยิ่งนานยิ่งดี แค่ชิพพัตต์ก็ไม่ต้อง
ผมได้แต่รอเวลาให้ข้อมือหายเจ็บ ผ่านไปสามเดือนก็ยังไม่หาย โค้ช (เดวิด วีแลนด์) ผู้อำนวยการสถาบันฯ ที่ดูแลผมอยู่ เห็นว่าว่างเลยชวนให้มาทำงานด้วย เพราะรู้ว่าผมมีศักยภาพทำอะไรได้บ้าง ผมก็เข้าไปสมัครงานที่สถาบันฯ แล้วเริ่มงานทันที แบบไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะยังไงเราก็ยังเล่นกอล์ฟไม่ได้อยู่แล้ว แต่พอเปิดซองค่าจ้างก็พบว่าเขาจ้างผมในอัตราที่สูงมาก
หน้าที่ผมคือดูแลเด็ก 7 คน อายุช่วง 15-17 ปี โดยโค้ชเดวิดให้ผมเป็นผู้ช่วยร่วมกันดูแลเด็กกลุ่มนี้โดยเฉพาะ เพราะโค้ชเองมีภาระหน้าที่ ไม่ได้ว่างตลอด สำหรับผมถึงแม้จะไม่เคยทำหน้าที่สอนโดยตรง แต่ประสบการณ์ที่อยู่ในสถาบันฯ ถึงเก้าปี ทำให้คุ้นเคยกับวิธีการเรียนการสอนของที่นี่ เคยสอนให้เพื่อนๆ อยู่บ่อยๆ พอทำหน้าที่จริงๆ ก็ทำได้เลยโดยไม่รู้สึกติดขัดอะไร แต่ผมไม่เคยคิดว่าจะยึดเป็นอาชีพจริงจัง เลยไม่ดิ้นรนที่จะได้ใบรับรองจากสถาบันฯ
เด็กๆ ที่ผมดูแลต่างได้ทุนเรียนในมหาวิทยาลัยแบบฟูลสกอลาร์ชิพเรียนฟรีทุกอย่างกันทุกคน นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งที่เราได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จของเขา และเมื่อจบปีนั้นผมก็ตัดสินใจกลับมาดูแลธุรกิจของครอบครัว…
เมื่อดูจากสภาพข้อมือของผมแล้ว คิดว่ายังไงก็ไปไม่รอด แล้วคุณพ่อก็ทำงานมายาวนาน เหนื่อยมาเยอะแล้ว อยากจะช่วยเหลือท่านบ้าง จุดเริ่มจริงๆ ก็ไม่ได้เกิดจากการวางแผนอะไร พอดีคุณแม่ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ผมกลับบ้าน เพื่อมาเซอร์ไพรซ์เป็นของขวัญวันเกิดให้คุณย่า ไม่ได้บอกใครเลย คุณพ่อก็ไม่รู้ ผมไม่ได้กลับบ้านมาเจ็ดปีแล้ว มาถึงก็ให้เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันไปรับที่สนามบินไปอยู่กับเขาเก็บตัวก่อนเข้าบ้าน คุณแม่ก็โทรบอกอาว่าส่งของขวัญมาให้แล้วนะ ทุกคนก็งงว่าของขวัญอะไรกัน พอถึงวันงานก็ไปโผล่ที่นั่น ทุกคนตื่นเต้นกันหมดว่าผมมาได้ไง พอเจอคุณย่าก็ดีใจที่หลานกลับมา
พอผมได้กลับมา ได้ดูได้เห็นธุรกิจของพ่อ ก็คิดว่าเราน่าจะมาต่อยอดให้ได้ นำแนวคิดของอเมริกันมาใส่ บริษัทก็น่าจะเติบโตขึ้นไปได้อีก ส่วนใหญ่คุณพ่อก็ไม่ได้ค่อยอยู่ประจำที่ออฟฟิศ เพราะต้องเดินทางไปดูแลที่หน้างานตลอด เมื่อผมได้เข้ามาดูที่ออฟฟิศก็ได้เห็นระบบต่างๆ ก็ทำความเข้าใจ และคิดว่าประสบการณ์ที่ผมมีอยู่จะช่วยให้พัฒนาธุรกิจนี้ให้ก้าวไปได้อีก
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความมีระบบ ตามแบบอย่างของอเมริกัน เป็นสิ่งที่นำมาประยุกต์ใช้กับงานของเราได้เลย ในสายตาของผมทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้น เราพยายามทำให้พนักงานทุกคนได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกันตามความสามารถ ใครทำผลงานดีก็ย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดีกลับไป เราอยู่กันแบบแฟร์ๆ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
ครั้งแรกเมื่อกลับมา ผมบอกได้แค่ว่าสนาม หญ้า ควรมีหน้าตาแบบไหน เพราะเราได้เห็นได้สัมผัสมาตลอด แต่จะทำอย่างไรเพื่อให้ได้หน้าตาแบบนี้นั้นผมไม่รู้ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้จากคุณพ่อซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านนี้อยู่แล้ว ก็พยายามเกาะติดและศึกษารายละเอียดต่างๆ จากท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและมีขั้นตอนมากมาย จนช่วงหลังๆ เมื่อพบปัญหาคุณพ่อก็ปล่อยให้ผมลงไปแก้ไขเอง เพราะท่านเองก็งานเยอะมาก
ต้นหญ้าที่เห็นเขียวๆ ได้นั้น รายละเอียดเบื้องหลังเยอะเกินกว่าที่คาดคิดมาก หญ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความเอาใจใส่ ต้องรู้จักให้ลึกซึ้ง การบำรุงรักษา หรือดูแลอาการเจ็บป่วย ขั้นตอนก็เหมือนกับการรักษาพยาบาลคน ต้องวินิจฉัยอาการ ตรวจโรคให้ถูกเสียก่อน จากนั้นถึงจะรักษาได้ การใช้ยา ใช้ปุ๋ย ก็ต้องมีความเหมาะสม เป็นงานที่ต้องอาศัยประสบการณ์ ความอดทน และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องมีใจรัก
ทุกครั้งที่เห็นสนามสมบูรณ์ผมจะมีความภาคภูมิใจ เพราะเราดูแลหญ้ากันทั้งระบบ ตั้งแต่ปลูกจนบำรุงรักษาติดตั้งระบบสปริงเกอร์ เบื้องหลังของสนามที่หลังฝนตกแล้วพักแค่ไม่กี่นาทีก็ลงไปเล่นต่อกันได้นั้นซับซ้อน ลงทุนเยอะ ด้านล่างใต้ผืนหญ้ามีระบบการระบายน้ำที่ออกแบบวางแผนกันมาอย่างดี ตั้งแต่ชนิดของหญ้า ขนาดของทราย ท่อระบายน้ำ ซึ่งเรามีความพร้อมในทุกเรื่อง จึงสามารถทำงานกันได้อย่างราบรื่น จนหลายๆ หน่วยงานให้ความไว้วางใจกับเรา ไม่ว่าจะเป็นสนามกอล์ฟ หน่วยงานราชการ สถาบันต่างๆ เราก็เข้าไปรับผิดชอบดูแลให้
ในการดูแลสนามให้มีความพร้อมสมบูรณ์นั้น มีต้นทุนสูงมาก แต่ก็สามารถเลือกระดับของการดูแลรักษาได้ ว่าจะให้สมบูรณ์ถึงขั้นไหน เพราะต้องเริ่มจากลงทุนด้านเครื่องจักรที่ใช้ในเบื้องต้นก่อน จากนั้นถึงจะคิดถึงต้นทุนทางด้านวัสดุสิ้นเปลือง แรงงานฝีมือ แต่ถ้าหากให้เราดูแล คุณก็ไม่ต้องรับผิดชอบแบกภาระต้นทุนเหล่านี้ เรารับเหมาดูแลให้ตามคุณภาพและราคาที่ตกลงกัน นับว่าเป็นทางเลือกที่สบายกว่า ลงทุนน้อยกว่าของสนามกอล์ฟอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งหนึ่งที่ผมให้ความสำคัญในการทำงานก็คือ งานทุกอย่างที่ดูแล ผมจะต้องทำเองได้ทั้งหมด ถ้าผมทำไม่เป็น คนงานจะไม่เชื่อฟัง ตัวอย่างนี้ได้มาจากคุณพ่อ ซึ่งท่านทำเองได้หมดไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ทั้งดูแลต้นหญ้า ดูแลเครื่องจักร ขับรถตัดหญ้าสารพัดชนิด งานก่อสร้าง ฯลฯ ผมก็ต้องลุยทุกอย่าง เพื่อจะได้รู้ลึกรู้จริง
บริษัท พันตา จำกัด เริ่มเปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 ครั้งแรกเป็นการนำเครื่องจักรมือสองที่ใช้ในสนามกอล์ฟจากอเมริกา แล้วค่อยๆ พัฒนาต่อยอดมาเรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้คุณพ่อก็ทำธุรกิจมาหลากหลายรวมถึงเครื่องจักรที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ซึ่งเราก็ยังทำอยู่ แต่ที่ถนัดที่สุดก็คืองานเกี่ยวกับสนามหญ้า ว่าไปแล้วก็เริ่มไล่เลี่ยกับที่เราได้เริ่มเล่นกอล์ฟ รู้จักกับงานในสนามกอล์ฟก็เพราะเล่นกอล์ฟ
สำหรับ สุวรรณภูมิกอล์ฟ จริงๆ แล้วเป็นที่ที่เราไม่ได้คาดคิดมาตั้งแต่ต้น เพราะเราก็เริ่มเข้ามาจากงานของ บริษัท พันตา จำกัด ที่รับเข้ามาดูแลรักษาสภาพสนาม ให้คงสภาพในลักษณะที่เจ้าของต้องการ แต่ต่อมามีนโยบายอยากจะเปิดให้กลับมาบริการนักกอล์ฟอีกครั้ง ทางเจ้าของก็ต้องหาผู้มาดูแลรับผิดชอบ โดยนโยบายที่ให้ไว้ก็คือ เมื่อเปิดแล้วคุณภาพของสนามต้องดีระดับชั้นแนวหน้า ในที่สุดก็มาลงตัวที่เรา ซึ่งคุณพ่อก็ไว้ใจให้โอกาสกับผมให้เข้ามาดูแลที่นี่อย่างเต็มตัว
การเข้ามารับผิดชอบสนามสุวรรณภูมิสำหรับผมแล้วก็ไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจอะไร ถือว่าตรงกับความต้องการของเรา เพราะในส่วนของสนามเป็นงานที่เราทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยาก ส่วนที่นอกเหนือจากนั้น เช่นงานบนคลับเฮ้าส์ ผมก็แค่บอกว่าอยากเห็นอะไรแบบไหน ตามประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่กับสนามกอล์ฟมายาวนาน
ผมเป็นคนรับฟังมากกว่าสั่ง เพราะการออกคำสั่งโดยไม่รู้ว่าเขาเต็มใจหรือเปล่า งานจะออกมาไม่ดี แต่ถ้ารับฟังเขาให้มีโอกาสได้เสนอความคิด ให้เขาทำด้วยความเต็มใจ ผลงานก็ย่อมออกมาดีกว่า ถ้าเขาทำได้ก็ปล่อยให้ทำไปเลย แต่ถ้างานออกมาแล้วไม่ได้ตามที่ต้องการถึงค่อยแนะนำวิธีปรับปรุงแก้ไข เสร็จแล้วก็คือจบ เป็นการทำงานแฟร์ๆ สไตล์อเมริกัน ไม่มีลูกน้องเจ้านายขณะทำงาน ทุกคนเท่าเทียมกัน แค่รับผิดชอบตามหน้าที่ของใครของมัน เราอยู่ครอบครัวเดียวกันแล้ว ต้องช่วยเหลือกัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน นี่คือความตั้งใจและถือเป็นหลักการทำงานของผม
ทุกอย่างที่สนามสุวรรณภูมิฯ ที่ผมสามารถควบคุมได้ จะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน เพราะเป็นสิ่งที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก สิ่งใดที่ดีอยู่แล้วก็จะรักษาสภาพให้คงความสมบูรณ์ไว้ ส่วนไหนหากจะมีการลดหรือเพิ่มเพื่อการปรับปรุงก็ว่าไปตามเหตุผล โดยสิ่งที่เราจะยึดเป็นหน้าตาของที่นี่ก็คือ คุณภาพของหญ้า คุณภาพของกรีน โดยจะทำสนามในรูปแบบที่ทุกคนสนุกกันได้ เช่น
ช่วงที่มีแข่งขันรายการสำคัญๆ ระดับโลก เราอาจจะมีการปรับสนามบางฝั่งให้มีสไตล์แบบเดียวกับที่ใช้แข่งขัน เพื่อให้นักกอล์ฟได้ลองสัมผัสกับ รัฟหนาๆ กรีนสปีดสูงๆ แบบเดียวกับที่โปรระดับโลกได้เจอ ถึงเลย์เอ้าท์จะไม่เหมือนกัน แต่ก็พอจะสัมผัสบรรยากาศที่ใกล้เคียงกันได้ การปรับสภาพสนามในลักษณะนี้มีต้นทุนที่สูงขึ้นพอสมควร ซึ่งปกติแล้วไม่มีใครเขาทำกัน แต่ที่ทำได้ก็เพราะเรามีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว
การจะทำให้สนามดีมีคุณภาพ เล่นสนุก ก็ขึ้นอยู่กับการตอบรับของนักกอล์ฟ หากเราได้รับการสนับสนุนที่ดี มีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการเพียงพอ เราก็มีกำลังที่จะดูแลและปรับปรุงสนามให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก ซึ่งคุณภาพสนามเป็นสิ่งที่เรามั่นใจมากว่าจะทำให้นักกอล์ฟที่เข้ามาเล่นครั้งแรกแล้วจะต้องมีครั้งต่อๆ ไปอีกอย่างแน่นอน นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราต้องตั้งใจทำสนามให้ดีที่สุด
เมื่อประตูบานหนึ่งได้ปิดลง ประตูอีกบานหนึ่งก็เปิดขึ้น เพราะกีฬากอล์ฟเปลี่ยนชีวิตผม ประตูการเป็นนักกอล์ฟอาชีพสำหรับผมจำต้องปิดลงเพราะอาการบาดเจ็บ แต่ประตูของการเป็นผู้ฝึกสอนก็เปิดให้ผมได้ก้าวไปต่อ ขณะที่หาทางเดินต่อไปนั้น ก็พบกับประตูบานใหม่เปิดขึ้นอีก นั่นคือการเป็นผู้ดูแลสนามกอล์ฟ แล้วก็ยังพบว่ายังมีประตูอื่นๆ อีกเยอะแยะมากมายเปิดกว้างรอเราอยู่ ทั้งการบริหาร การตลาด ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้เริ่มขึ้นจากกีฬากอล์ฟทั้งสิ้น กอล์ฟให้อะไรกับผมหลายๆ อย่าง กอล์ฟให้คุณค่ากับชีวิต ทั้งเรื่องความสุขและเสียใจ ทำให้ผมได้เห็นชีวิตในมุมที่แปลกออกไป ได้ท่องโลกกว้างขึ้น ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะกอล์ฟครับ