ปล่อยยานลูก สำรวจทริปในฝัน
ปล่อยยานลูก สำรวจทริปในฝัน
หลังจากวางแผนมาข้ามปี บน Google earth และศึกษาแผนที่อีกหลายๆชนิด ทั้ง แบบ ภาพถ่าย ดาวเทียม แบบแสดงถนน และแบบภูมิประเทศ ในที่สุดก็ มีโอกาส ได้สำรวจและท่องเที่ยว จริงๆหลังจากทริปที่แล้ว นำยานแม่(รถ 4wd)มาสำรวจแบบคร่าวๆก่อน ที่เรียกว่ายานลูกยานแม่เพราะ ผมหัดขี่มอเตอร์ไซค์มาไม่เกิน 2 ปี ไม่ถนัดการขี่ออกถนนใหญ่ จึงต้องขนมอเตอร์ไซค์ขึ้นรถมาลงที่พักใกล้แล้วค่อยขี่ออกเที่ยว อีกทั้งรถพวกนี้ขี่ทางไกลเมื่อยมากๆครับเพราะเบาะมันแคบ
ทริปท่องเที่ยวและสำรวจเส้นทาง ครั้งนี้ เริ่มมาจากการเปิดดู Google Earth สลับ Google Map หาสถานที่ ที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน แต่ไม่เป็นป่าทึบ จนมาเจอจุดนี้ซึ่งในตอนแรกผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ จังหวัดไหน อำเภอไหน มารู้ตอนหลังว่าเป็น อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งลักษณะเป็นที่ราบสูง ทำให้เห็นวิว 360 องศา ปัจจุบันมีชาวบ้านทำไร่กัน ตลอดเส้นทางแต่ผมเข้าใจว่าเป็นการจัดสรรไว้แบบนั้น สิ่งปลูกสร้างจากนายทุน หรือการเปลี่ยนมือเพื่อใช้ผิดวัตถุประสงค์ น่าจะยังไม่มี เนื่องจากอยู่ใกล้หูใกล้ตาเจ้าหน้าที่ ทางที่ผมขี่สำรวจกันครั้งนี้ก็เป็นเส้นทางที่เจ้าหน้าที่ใช้ลาดตระเวนด้วย ผมขอฝากข้อคิดไว้นิดนึงเนื่องจาก ผมทำรีสอร์ทที่อยู่ติดกับหน่วยลาดตระเวณของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ คุยกับเจ้าหน้าที่บ่อยๆ การที่มีเส้นทางลูกรัง(ไม่ใช่ลาดยาง)เหล่านี้กลับช่วยในการดูแลพืนป่าเนื่องจากเจ้าหน้าที่ดูแลได้ทั่วถึง จุดที่ไกลหูไกลตา เจ้าหน้าที่เข้าไม่ถึงต่างหากที่จะถูกมอดไม้เข้าทำลายและลอบล่าสัตว์
“ยานลูก” หรือ มอเตอร์ไซค์ ที่เราใช้กันในทริปนี้ หน้าตารูปทรงเหมือน มอเตอร์ไซค์ พวก Motocross แต่ความจริงมันคือ รถจักรยานยนต์มีทะเบียนที่สามารถวิ่งได้ตามท้องถนนหลวง มีอุปกรณ์เช่นไฟหน้าไฟท้าย ตัวถังไม่ใช่อลูมิเนียม จึงมีน้ำหนักมากกว่า พวกรถ motocross หรือ enduro แท้ๆเกือบ สองเท่า แต่รถแบบที่เราใช้ก็เหมาะกับทริปขี่ท่องเที่ยวแล้วคือไปได้ทุกที่ และได้เปรียบเรื่องถังน้ำมันใหญ่ เพียงปรับแต่งเล็กน้อย เช่นการเปลี่ยน ยาง โช๊คอัพ เสตอร์(เฟืองท้าย)ก็สามารถไปได้ทุกที่แล้ว
ผู้ร่วมทริป ในครั้งนี้มีน้าโต้งเจ้าเก่าซึ่งมาด้วยกันตั้งแต่เอายานแม่มาสำรวจ ที่ตามมาอีกสองคนคือรุ่นน้องสมัยเรียน ป โท ทั้งสองคน ไม่ใช่มือใหม่แต่เป็นมือเก๋าทางเรียบ ขี่ bigbike คันละเป็นล้าน ตอนนี้หันมาขี่ ทางฝุ่นกัน ซึ่งปรากฏว่า เริ่มมี กลุ่ม bigbike หันมาขี่แนวนี้กันมากขึ้น ผมคาดว่าน่าจะเรื่องความปลอดภัยด้วยเพราะ 1 ในผู้ร่วมทริปครั้งนี้ รถล้มพร้อมกับเพื่อนอีกคัน ปรากฏว่าเพื่อนเสียชีวิต ตัวเองรอด ภรรยาจึง ขอร้องและบังคับให้เลิกขี่เพราะลูกยังเล็ก จึงมาเริ่มหัดขี่ทางวิบากกันในทริปนี้ ผมเลยมีโอกาสได้สอนจรเข้ว่ายน้ำ (ครั้งหน้าเจอกันคงขี่เก่งกว่าผมแล้ว) ทุกคนแต่งตัวกัน เต็มที่ มีเกราะป้องกันครบชุด ที่สำคัญชุดและอุปกรณ์ หล่อกันทุกคน ผมจึงดูเหมือนไกด์ท้องถิ่นที่กลุ่มนี้จ้างมาขี่นำทาง จึงต้องขอเป็นช่างภาพดีกว่าไม่กล้าสู้
สภาพเส้นทาง ออกจากที่พักเป็นทางลูกรังตลอด ระยะทางไม่เกิน 2 กิโลเมตร ก็มาถึงทางขึ้นเขา เพราะเลือก พักในจุดที่ใกล้ที่สุด ขี่เข้าไปเพียงนิดเดียว ก็จะมีบ้านพักเจ้าหน้าที่ป่าไม้อยู่สองข้างทาง แต่ไม่มีไม้กั้น มีป้ายบอกทางไปแหล่งท่องเที่ยวเป็นระยะแสดงว่าไม่ใช่เขตห่วงห้าม แต่ด้วยความเป็นทางลูกรังในป่า มีน้ำกัดเซาะบ้าง มีไม้ล้มขวางทางหลายจุดจึงมีคนใช้เส้นทางนี้น้อยมาก (มาสองรอบไม่เคยเจอรถสักคัน) พวกเราวอร์มเครื่องและร่างกายคนขี่ด้วยการขี่ผ่านทางที่ ร่มรื่นในป่า เลี้ยวหลบหลุม และก้มลอดกิ่งไม้ที่ล้มลงมาขวางทางเป็นช่วง พอเข้าไป ได้ครึ่งทาง ถนน ก็เริ่มชันและวิบากมากขึ้น แต่เชื่อหรือไม่ว่า ช่วงล่างรถมอเตอร์ไซค์แบบนี้สามารถ ผ่านไปได้นิ่มนวลกว่ารถ 4wd ที่ขึ้นชื่อว่าแพงและดีที่สุดในโลก เพราะหากนั่งในรถ 4wd เราคงหัวสั่นหัวคลอน แต่ บนมอเตอร์ไซค์ เราสามารถขี่หลบและผ่านอุปสรรค์ไปได้ง่ายๆและทำเวลาได้ดีกว่า รถ 4 ล้อ อย่างน้อยเท่าตัว เพียงแค่ 10 กิโลเมตร เราก็เริ่มขี่ขึ้นเขาชันและออกจากป่ามาถึงที่ราบสูง อำเภอ ครบุรีที่เห็นวิวทิวทัศน์ แบบ 360 องศา มองได้ไกลสุดลุกหูลูกตา ใช้เพียงระยะเวลาเพียงแค่ 20 นาที่ เราก็ลัดป่าข้ามอำเภอมาเจอวิวที่ต่างกัน แบบคนละขั้ว จุดชมวิวคือจุดสุดท้ายที่ “ยานแม่” เคยมาสำรวจ หลังจากนี้คือการ เดาทางด้วย GPS ที่วาดเส้นวางแผนเอาไว้ ล่วงหน้าและติดไว้บน แฮนด์ ของรถ หลังจากจุดชมวิวคือ เส้นทางวิบากของจริง เพราะที่ผ่านมานั้น เรียกว่าระดับเด็กอนุบาล แต่เพียงแค่เริ่มของจริงเท่านั้นก็เจอกับเนิน สูงชันยาวหลายร้อยเมตร และมีน้ำกัดเซาะจนเป็นร่องและมีหินลอย จนรุ่นน้องที่ตามมา รถล้มไป 1 รอบ แต่ก็ปลอดภัยไร้แผลเพราะการขึ้นเขาแบบนี้ใช้ความเร็วต่ำมากและอุปกรณ์ป้องกันของทุกคนก็พร้อมอยู่แล้ว หลังจากนั้นมีเนินขึ้นลงอีกหลายรอบที่ไม่ยากนัก แต่วิวสวยงามมาก เพราะเป็นไร่ของชาวบ้านอยู่บนที่สูงเห็นวิวท้องฟ้าและภุเขารอบทิศจนบ้างครั้งรูสึกเหมือนกำลังขี่ขึ้นไปบนฟ้า แต่ก็ไม่มีโอกาส ได้ชมวิวมากนักเพราะต้องก้มมอง GPS ด้วยจนผมเกือบล้มเพราะก้มมองหลายรอบ และก็ทำให้พวกเรา ได้ฝึกวิชาการกลับรถในที่แคบและเป็นเนินชันกันหลายรอบมากเพราะ การวางเส้นทางนั้นทำ บนแผนที่ แต่พอมาสำรวจจริงปรากฏว่าเส้นทาง เปลี่ยนไปพอสมควร แต่การไปผิดเส้นทางหลายๆครั้งก็เพิ่มความมันส์ให้กับทุกคนในทริปเพราะเส้นทางที่ รกและชันกลับกลายเป็นความท้าทาย ในที่สุดก็มาถึงจุดที่เป็นทางขาดในแผนที่ และเป็นร่องน้ำ ซึ่งผมคาดเดาเอาไว้ว่า รถยนต์คงผ่านไม่ได้และก็เป็นตามนั้นจริงๆเพราะมีหินก้อนใหญ่ขวางอยู่ แต่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ นั้นสามารถผ่านไปได้ไม่ยาก แต่ก็ได้ล้มลุกคลุกคลานกันเป็นพิธี เนื่องจาก อุปสรรค์จุดนี้ มาเป็นแบบ คอมโบ้ คือมาเป็นชุดเริ่มจาก ขี่ลงร่องน้ำ จากนั้นต้องหลบหินก้อนใหญ่ ตามด้วยรากไม้ที่ขวางแนวเฉียงและลื่น ปิดท้ายด้วยเนินขึ้นชันยาว ทั้งหมดนี้ต้องขี่ผ่านให้ได้โดยไม่หยุดเพราะถ้าหยุดหรือล้มไปแล้วก็ต้องจูงรถขึ้นเนิน และในที่สุดก็ได้รับน้องใหม่แบบเบาๆ คือมือเก๋าทางเรียบมาเจอรากไม้ขวางแนวเฉียง ทำให้ล้อรถลื่นไถลไปตามรากไม้เสียการทรงตัวจนรถล้มไปแต่ก็ไม่รุ่นแรงและไม่มีแผล
จุดนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์ของทริปเพราะเป็นจุดที่จะกำหนดว่าเราสามารถไปถึงปลายทางได้ไหมเพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าสามารถข้ามร่องน้ำนี้ได้หรือไม่และก็มีอุปสรรค์ให้ได้สนุกกันแบบพอหอมปากหอมคอ หลังจากผ่านจุดนี้ไปได้ก็เป้นเส้นทาง ขึ้นๆลงๆ บางช่วงก็เลาะริมหน้าผา เป็นเส้นทางที่ทำความเร็วได้และสวยงามจนกระทั่งเรามาถึงเขื่อนมูลบนซึ่งเป็นจุดหมายของเรา หลังจากกินข้าวกลางวันที่เขื่อนมูลบนแล้ว เราก็ขี่กลับที่พักโดยใช้เส้นทางเดิม แต่คราวนี้ใช้เวลาน้อยกว่าขามาครึ่งนึง เพราะคนนำทางก็พอจำทางได้ไม่ต้องก้มมอง GPS ตลอด และผู้ตามก็ไม่มีใครล้มอีกแล้วเพราะเริ่มคุ้นเคยกับรถและ เริ่มรู้เทคนิค ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง บ่ายสองโมง ก็ถือว่าเป็นทริปที่ สนุกและไม่โหดเกินไป ทางก็สวยงาม unseen มากทำให้ทุกคนกลับบ้านกับแบบปลอดภัยและคงประทับใจกับทริปนี้ไปตลอดอย่างแน่นอน
โอ้ต อัคนิษฐ พีชผล