อมยิ้มริมกรีน

เปิดแล้วจ้า…?

เปิดแล้วจ้า…?

ทันทีที่ทราบข่าวว่า ศบค. มีมติผ่อนปรน เปิดกิจการบางอย่างให้ดำเนินการได้ ก็รีบมานั่งตรวจรายการเลยว่า ถึงเวลาสำหรับ กอล์ฟ แล้วหรือยัง? คำตอบก็คือ “เปิดแล้วคร้าบบบบบ” ไชโย! เราจะได้เล่นกอล์ฟกันแล้ว…

แต่… อย่างเพิ่งรีบร้อนพุ่งพรวดพราดไปสนามกอล์ฟ เพื่อจะลงถุงแล้วหวด ๆ ให้หายคิดถึง ใจเย็นนิดนึงนะครับ รอมาตั้งนานแล้ว อดใจรออีกนิดนึง เพื่อศึกษาข้อมูลกันก่อนว่า การจะเล่นกอล์ฟ New Normal รอบใหม่ล่าสุดนี้ มีเงื่อนไขอะไรบ้าง เพื่อทั้งตัวเองและสังคมส่วนรวม จะได้อยู่รอดปลอดภัย (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม หน้า xx)

สรุปรวบยอดก็คือ ในฝากฝั่งของสนามกอล์ฟ หรือผู้ให้บริการ จะต้องเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความสะอาดทางด้านสถานที่ให้ถึงขีดสุดในทุกซอกมุม และยังต้องให้ผู้เกี่ยวข้องยึดหลักความปลอดภัยด้านโควิดเพิ่มอีก 3 ประการ เช่นเดียวกับร้านอาหารหรือกิจการอื่น ๆ ที่รัฐให้เปิดได้ นั่นคือ 1. ต้องฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว,  2. ต้องตรวจโควิด (ATK) ทุก 7 วัน, หรือ 3. เคยเป็นโควิดแล้วหาย เกิน 1 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือน… ซึ่งเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อนี้ …ทางการยังบอกว่า เป็นการ “ขอความร่วมมือ” มิถึงขั้นบังคับใช้… อืม… ก็ยังมีเปิดช่องไว้ให้อยู่บ้าง แต่ก็ยังดีครับ อย่างน้อยก็เป็นแนวทางในการปฏิบัติ เดี๋ยวจะโดนกล่าวหาว่า “บีบ” กันเกินไป ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบขององค์กรแต่ละแห่งเอง ว่าจะ “เอาจริง” สักแค่ไหน เข้มงวดไปก็ลำบากแบบหนึ่ง แต่ถ้า อ่อนไป ก็เสี่ยงอีกแบบหนึ่ง

ส่วนด้านนักกอล์ฟ แน่นอนว่า เป็นกลุ่มที่ทั้ง “ลำบากใจ” กับตัวเอง และ “สร้างความลำบากใจ” ให้กับสนามกอล์ฟ เนื่องจาก ข่าวที่กระเซ็นออกมาก่อนหน้าจะมีการเปิดสนามได้อย่างเป็นทางการนั้น คนที่เข้มงวดกับตัวเองและสังคม ยอมทนอด ยอมเปรี้ยวปาก สวิงลมจนหลังเคล็ด ไม่เคยแหกกฎของหลวงสักข้อ ได้แต่เฝ้ารอประกาศเปิดสนาม นี่คือกลุ่มแรก ขณะที่อีกพวก “ชนกลุ่มน้อย” ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า น้อยในแง่ไหน กลับก้าวข้ามกฎระเบียบได้ทุกข้อ ระหว่างสนามปิดก็ยังทะลุรั้วเข้าไปตีกันได้เฉย จนเป็นข่าวฉาว ปิดกันให้แซ่ด ส่วนนี้ล่ะครับ ที่อาจจะทำให้พวกเรากลุ่มใหญ่ มีปัญหาตามไปด้วย ตามคำไทย “ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นไปทั้งข้อง” ก็เอาเป็นว่า วิกฤตินี้ ในเบื้องต้นผ่านไปแล้วครับ

สำหรับวิธีการที่นักกอล์ฟจะเข้าไปเล่น ตามกติกานั้น เอาเข้าจริง ก็คงไม่เข้มกันถึงขั้นกฎ 3 ข้อแบบเป๊ะ ๆ แต่ก็ขอความร่วมมือกันเถอะว่า ถ้ารู้ว่าตัวเองเสี่ยง ก็อย่าพาคนอื่นไปเสี่ยงด้วยเลย ขอร้องล่ะครับ

ส่วนเรื่องก็แข่งขันแบบกลุ่ม อย่างที่เราคุ้นเคย ในเบื้องต้น ได้มีการพูดคุยกันว่า รูปแบบ “คลาสสิก” ดั้งเดิมที่เคยจัดกันมา เช่น ช็อตกันสตาร์ต คงต้องยกเลิกกันไปอีกนาน เราต้องคิดหาวิธีใหม่ ในการเตรียมงานกันอีกสารพัดวิธี เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ โดยไม่ขัดแย้งกับข้อกำหนดสำคัญ ซึ่งเป็นการคิดต่อยอดไปจาก วิธีรักษาความปลอดภัยพื้นฐาน นั่นคือ ไม่มีการรวมตัวกันเกินจำนวนที่กำหนด ตอนเล่นก็ต้องให้มีระยะห่าง ตอนเลิกก็รีบแยกย้าย ไม่มีการรวมตัว ไม่มีการร่วมงานเลี้ยง คือ คิดอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อการลดความเสี่ยงได้ ก็ทำกันไป โดยที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นกีฬากอล์ฟอยู่ได้ ซึ่ง ตามความหมาย “กีฬาของสุภาพชน” นั้น ไม่ว่าจะแข่งกันแบบไหน เล่นกับใคร คุณก็ต้องรักษาจิตวิญญาณของความเป็นนักกีฬา รักษาเกียรติตัวเอง ปฏิบัติง่าย ๆ แค่นี้ ปัญหาเรื่องใหญ่ ๆ ก็กลายเป็นปัญหาเล็กจิ๋วแล้ว

อดใจรออีกไม่นานครับ ขอให้เราได้ระดมความคิด หามาตรการที่ปฏิบัติได้จริง ไม่สร้างความยุ่งยากจนเป็นภาระ มีการเอื้ออาทรกับทุกฝ่าย ถึงแม้ช่วงแรกผู้จัด (ทุกรายล่ะครับ) คงลำบากสาหัส อย่าได้ไปคิดถึงกำรี้กำไรเลย เอาแค่มีโอกาสได้จัดกันในเบื้องต้นก่อน ทำให้ท่านนักกอล์ฟได้มั่นใจ เข้าใจและยอมรับในเงื่อนไขสังคมกีฬายุคใหม่ รับรองว่าเราเจอกันอีกแน่นอนครับ

กองบรรณาธิการ