Interview

โปรแภท – ดลนภา พุฒิพินิจ

“โปรแภท” ดลนภา พุฒิพินิจ
นักกอล์ฟ ไทยเบฟ ไทยทาเล้นท์

“ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในปัจจุบัน…. เมื่อไม่มีการแข่งขันไม่มีรายได้ เงินเก็บที่ได้จากเงินรางวัลแข่งขันในช่วงที่ผ่านมาก็ถูกนำมาใช้ในเรื่องของการฝึกซ้อม เพื่อพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ ก็เริ่มหมดลง แต่พอทางช้างได้ให้โอกาสแภท เริ่มเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการฝึกซ้อม ทั้งโค้ช สถานที่ ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมากๆ เหมือนมีครอบครัวที่คอยช่วยเหลือ เกื้อกูล รับฟัง ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาได้ทุกเรื่องเลยค่ะ…” โปรแภท กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการเข้ามาเป็นนักกีฬาไทยเบฟไทยทาเล้นท์

โปรแภท เริ่มรู้จักกับกอล์ฟครั้งแรกเมื่อคุณพ่อและคุณแม่พาไปเข้าแคมป์กอล์ฟและภาษาอังกฤษกับวอลโว่ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว พอได้สัมผัสก็เริ่มสนุก มีการสันทนาการกิจกรรมได้เล่น ได้แข่งกับเพื่อนๆ ได้อยู่กับตัวเอง จบแคมป์ได้ประกาศนียบัตรกลับบ้านไป

“ตอนเด็กแภทเป็นเด็กอ้วนคนหนึ่ง ชอบอยู่คนเดียวมีโลกส่วนตัวสูง แต่กอล์ฟก็ทำให้สนุก และมีความสุขกับกีฬาชนิดนี้จึงได้ไปเข้าแคมป์ต่อเป็นปีที่สอง ซึ่งก่อนจบกิจกรรมก็จะมีพาออกรอบแข่งขันซึ่งในตอนนั้น จบการแข่งขันภายในแคมป์ได้ที่ 3 รู้สึกดีใจและชอบกอล์ฟมาก รู้สึกสนุก อยากเล่นกอล์ฟ อีกทั้งยังมองด้วยว่ากอล์ฟเป็นกีฬาที่สามารถหาเงินได้ ก็แค่ตีลูกออกไปในเวลานั้นเด็กน้อยอายุ 10กว่าขวบ บอกกับคุณแม่เกี่ยวกับกอล์ฟกีฬาที่ตนเองชื่นชอบ”

“โดยตอนนั้นเด็กทุกคนที่เล่นกอล์ฟก็มีความใฝ่ฝันจะได้เข้าไปเล่นในแอลพีจีเอ ทัวร์ อยู่แล้ว แต่สำหรับแภทในตอนนั้น แภทมองเป้าหมายแค่ตรงหน้า ตั้งเป้าไว้ไม่ไกลมาก อยากเป็นตัวแทนเขตแข่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติ แข่งกีฬามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยโลก เป็นตัวแทนทีมชาติ”

เป้าหมายที่มองไว้ไม่ได้ไกลมากในตอนนั้น แภทอยู่จังหวัดนนทบุรี เรียนที่สาธิตเกษตร ก็ได้เป็นตัวแทนจังหวัดไปแข่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติ เป็นตัวแทนทีมชาติของสมาคมกอล์ฟสตรีชุดควีนสิริกิตต์ ไปแข่งที่ประเทศอินเดีย ต่อมาเมื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัยก็ได้เป็นตัวแทนไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัยเอเชีย และมหาวิทยาลัยโลก

“เริ่มรู้สึกอิ่มตัวกับการเล่นกอล์ฟสมัครเล่น อยากก้าวเข้าสู่การเป็นนักกอล์ฟอาชีพ ซึ่งในขณะนั้นกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย แต่คุณแม่ได้ห้ามไว้บอกให้เรียนให้จบก่อน แล้วค่อนเทิร์นโปร ซึ่งแภทก็เชื่อคุณแม่ ทำหน้าที่ของตัวเองในการเล่นกีฬามหาวิทยาลัยจนเสร็จ ถึงได้ไปเข้าอบรมเป็นนักกอล์ฟอาชีพ โดยได้ยกเว้นการสอบภาคปฎิบัติ”

เมื่อเปลี่ยนสถานะจากนักกอล์ฟสมัครเล่นเป็นนักกอล์ฟอาชีพ ในปีแรกก็เริ่มจากการแข่งขันในประเทศ ไทยแอลพีจีเอ ก็เริ่มเห็นเพื่อนๆ ออกไปแข่งต่างประเทศกัน ในตอนนั้นประมาณปี 2014 เรายังไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก ก็ลองเริ่มไปแข่งที่ไต้หวันดูบ้าง พอเห็นสนาม เห็นคอนดิชั่น ต่างๆ มีข้อมูลเกี่ยวกับทัวร์ในต่างประเทศมากขึ้น ก็ได้ตั้งเป้าหมายว่าเราจะไปเล่น CLPGA Tour (ไชน่า แอลพีจีเอ ทัวร์)

“แต่การจะไปเล่นในทัวร์ที่ประเทศจีนต้องมีการควอลิฟายค่ะ ก็ได้กลับมาเตรียมตัว วางแผน ตั้งใจฝึกซ้อม ว่าไปอย่างไรให้ไปครั้งเดียวและสามารถควอลิฟายผ่านได้เล่นเลย เพราะทุกบาททุกสตางค์ที่ออกไปนั้นมีค่ามากๆ เมื่อถึงเวลาไปควอลิฟายซึ่งของไชน่าแอลพีจีเอ จะเปิดให้ควอลิฟายเสตจเดียวแข่งกันสามวัน มีนักกอล์ฟร้อยกว่าคน คนที่จะผ่านได้ทัวร์การ์ดจะมีแค่ 25-30 คนเท่านั้น ซึ่งแภทก็ผ่านพอดีที่อันดับ 25”

ผลงานในปีแรกหลังจากได้เข้าไปเล่นในไชน่าแอลพีจีเอ ก็ไม่ได้ดีโดดเด่นอะไรมาก แต่ก็สามารถรักษาทัวร์การ์ดเอาไว้ได้ แต่พอเข้าสู่ปีที่สองในช่วง 3-4 แมตช์แรกไม่ผ่านการตัดตัวเลย ก็มีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำว่าให้หยุดแข่งขันก่อน ก็ได้กลับมาเล่นที่ไทยแล้วก็ได้แชมป์ สร้างความมั่นใจให้ตัวเองได้มากขึ้น ก็กลับไปเล่นต่อที่ประเทศจีน ซึ่งผลงานก็ดีขึ้น สามารถรักษาทัวร์การ์ดเอาไว้ได้

ในสถานการณ์ปัจจุบันไม่สามารถออกไปแข่งต่างประเทศได้ ทางไชน่าทัวร์ก็ยังมีการจัดแข่งขันอยู่ภายในประเทศ แต่นักกีฬาก็จะหายไปเยอะ เพราะในทัวร์มีนักกีฬาจากไทยอยู่ประมาณ 30- 40 คน ทางไชน่าแอลพีจีเอก็ แจ้งว่าจะเก็บแรงกิ้งไว้ให้ เมื่อมีการเปิดประเทศสามารถเดินทางกลับไปแข่งขันต่อได้

“เมื่อก่อนแภทก็มีโค้ช ไปหามาหลายคน แต่ตอนในตอนนั้นมีโค้ชได้บอกกับเราว่าไม่มีอะไรจะสอนหรือให้คำแนะนำแล้ว… ซึ่งเราก็คิดว่ามันไม่ใช่… โค้ชต้องคอยให้คำปรึกษากับเราได้ ซึ่งทำให้มุมมองในเรื่องของการเข้าแคมป์ของแภทไม่ค่อยดีนัก”

แต่เมื่อได้พบกับโค้ชเชน จากพีจีเอ อะคาเดมี่ ที่ทางช้างได้ให้โอกาสนักกีฬาเข้าไปเรียนรู้ … “หลังจากได้เข้าไปสัมผัสกับแคมป์ช้าง มุมมองเกี่ยวกับการเข้าแคมป์ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โค้ชเชนสอนเรื่องเบสิคที่ทุกคนมองข้ามไป สอนเรื่องที่นักกอล์ฟทุกคนรู้อยู่แล้ว อย่างเช่นสถิติที่เราจดมา นำไปใช้ทำอะไร เรามีข้อมูลมากมาย แต่ไม่รู้วิธีจัดการกับข้อมูลที่เรามี ต้องนำมาประมวลผล วางแผนการฝึกซ้อมจากสถิติของเราอย่างไร ซึ่งมันดีมากๆ “

“ต่อมาเมื่อได้มาเจอกับ “โปรก้อง” วุฒิรัฐ มณีอินทร์ และทีมโค้ชไทยเบฟไทยทาเล้นท์ได้มีการปรับเกี่ยวกับวงสวิง ควบคู่กับฟิตเนส ทำให้แภทตีไกลขึ้น ตอนอายุ 30 ปี ใช้แรงในการสวิงน้อยลง อาการบาดเจ็บเรื้อรังที่หลังเริ่มน้อยลง และหายไปในที่สุด”

“ในอนาคตตอนนี้คงต้องแข่งขันในประเทศไปก่อน โดยตั้งเป้าไว้ที่ติดท็อป 3 ออเดอร์ ออฟ เมอริต และเมื่อสามารถออกไปแข่งขันนอกประเทศได้คงกลับไปเล่นที่ประเทศจีน ในไชน่าแอลพีจีเอ หรือถ้ามีโอกาสอาจไปเล่นที่ฟิลิปปินส์ โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ติดท็อป 20”

โปรแภทกล่าวทิ้งท้ายว่า “ซึ่งในปัจจุบันแภทมองว่าถ้าเราสามารถรักษาทัวร์การ์ดที่เรามี ทำผลงานให้อยู่หัวตารางก็จะสามารถทำเงินได้ดีกว่าการไปเล่นในทัวร์ที่ใหญ่ขึ้นแต่อยู่ท้ายตาราง แต่ถ้ามีโอกาสขยับขึ้นไปอยู่ในทัวร์ที่ใหญ่กว่าแภทก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองที่จะพัฒนาก้าวไปสู่ทัวร์นั้นๆ ค่ะ”

ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ-สกุล : ดลนภา พุฒิพินิจ
ชื่อเล่น : แภท อายุ : 30 ปี
วันเดือนปีเกิด : 22 มกราคม 2534
ส่วนสูง : 160 ซม.
น้ำหนัก : 70 กก.
ภูมิลำเนา : นนทบุรี
จุดเริ่มต้นของกีฬากอล์ฟ : เข้าเเคมป์ของ Volvo
จุดเด่นในเกมส์กอล์ฟ : ลูกสั้น พัตต์ ระเบิดทราย
ระยะไดร์ฟเฉลี่ย : 240
เทิร์นโปรปีไหน : 2557
ผลงานเด่นในระดับอาชีพ :
ปี2559 ชนะ Thai LPGA สนามที่4
อันดับ 2 Thai LPGA สนามที่ 8
ปี2563 อันดับ 2 Thai LPGA สนามที่ 3