สัพเพฯ กอล์ฟ

จบไปอีกงาน แล้วก็ ต่ออีกงาน

จบไปอีกงาน แล้วก็ ต่ออีกงาน

“เทศกาล” ของประเทศเราเนี่ยที่ติดหูติดตานักท่องเที่ยวมากที่สุดก็นี่แหละ “สงกรานต์” ด้วยความที่บ้านเราสืบทอดเรื่องราวนี้มานานเนเต็มที ความบิดเบี้ยวทาง “วัฒนธรรม” มันเริ่มเกิดขึ้นอย่างที่เราเห็นกันเป็นระยะๆ ของเทศกาลของแต่ละปีที่ผ่านมาครูไก่เนี่ยห่างจาก “สงกรานต์” มาเป็นนานแล้วครั้งสุดน่าจะกว่า 20 ปีแล้วเห็นจะได้ ไม่ใช่ว่าผมจะไปขวางกับอะไรเขาหรอก เพียงแต่เวลาเห็นเขาเล่นสงกรานต์แล้ว “ปลงอนิจจัง”

แต่ขณะเดียวกัน ตามข่าวตามคราวในเวลาเดียวกันของเพื่อนบ้านเรา เขาเริ่มมีการละเล่นที่คล้ายกับของเราเช่นกัน เพียงแต่เขาไม่เอาความสนุกสนานมาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น “วัฒนธรรม” อันงดงามที่สืบทอดกันมาเขาเก็บเอามาใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา… ถ้าเรายังเล่นกันชนิดเอาสนุกเอาฮากันอย่างเดียว ระวังเราจะต้องไปหาสงกรานต์ในแถวๆ ประเทศเพื่อนบ้านเล่นกัน

ความจริงผมเริ่มคิดเรื่องนี้มานานแล้วครับ เห็นทีปีหน้าผมคงจะต้องหาแนวร่วมไปสงกรานต์แถวๆ สปป.ลาว ใครสนใจก็เตรียมตัวไว้นะครับ ปีหน้า “หลวงพระบาง” แน่นอน แล้วอีกงานมันอะไรกันรึ…ก็งาน “ศพ” ครับ คงจะสิ้นลมหายใจกันเป็นร้อย นี่ยังไม่รวมการบาดเจ็บแบบสั้นหรือแบบยาวๆ หลังจากนี้

ผมก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร สองงานนี้มันต้องมาคู่กันตลอด “สุขกับเทศกาล” และ “ทุกข์กับเทศกาล” บางครั้งบางคราวก็อยากจะไปสนุกสนานกับเขาเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่บอกไป… แบบนี้อยู่บ้านดีกว่า

ผึ้งใจดี

หลังจากสงกรานต์สิ้นสุดลง ผมก็ออกเดินทางตามโปรแกรมที่วางไว้ 2 งานคือ “ไปดูผึ้งเลี้ยง” กับ “ไปบุรีรัมย์” งานแรกความจริงก็อยากจะรู้ อยากจะเห็นมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีโอกาสเท่านั้นเอง เพราะเวลาไปเล่นกอล์ฟที่เขาสอยดาว ผมมักจะเห็นป้ายข้างทาง “ศูนย์เลี้ยงผึ้ง” พอยามปลอดผมก็ออกเดินทาง จุดหมายคือ “ศูนย์ส่งเสริมการเลี้ยงผึ้ง” จังหวัดจันทบุรี ผมใช้ทาง Motor way เข้าบ้านบึง ถึงแยกแกลงซ้ายเข้าเมืองจันทร์ยิงตรงเข้าสามแยกขวาไป “ตราด” เราไปซ้ายทางที่ไปสอยดาวนั่นแหละศูนย์นี้อยู่ขวามือ ไปกลับรถมาแค่นั้น

เข้าซอยไปนิดนึงก็จะป๊ะกับศูนย์การเลี้ยงผึ้ง บรรดาพลผึ้งที่เขาเลี้ยงมันเป็นสายพันธุ์จากยุโรป พวกนี้ดูไม่ค่อยจะต่อยใครสักเท่าไหร่ มุ่งหน้าหาน้ำหวานอย่างเดียว จากภาพเราสามารถอยู่ใกล้ชิดขนาดติดชิดใบหน้าได้เลย แต่ถ้าเป็นผึ้งในแถบที่เรามีก็ต้องจองห้อง I.C.U.ได้แน่นอน ผมก็ถามเขาเหมือนกันว่าทำไม “ผึ้งเรามันดุนัก” คำตอบก็คือของเรามันเป็น “ผึ้งป่า” ที่ยังไม่ได้รับการ “ปรับปรุงพันธุ์” อาชีพนี้ที่ในยุโรป หรือในซีกโลกอื่นเขามีกันมานานเนแล้วครับ ส่วนของเรายังอยู่ในวงจำกัด แต่ก็กำลังดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยๆ

ความจริงแล้วผมเองก็อยากยึดอาชีพนี้เหมือนกัน เพียงแต่กำลังรอเวลาที่เหมาะสมกับสถานที่เท่านั้นบอกตรงๆ “เบื่อเมือง” แล้วครับ…ส่วนอีกจุดหมายก็คงเป็นจังหวัด “บุรีรัมย์” ซึ่งเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ต้องเข้าไปดูความใจถึงของนักธุรกิจท่านหนึ่งที่กล้าหาญและองอาจมาก

ชื่อสถานที่ท่องเที่ยวของเมือง”บุรีรัมย์”นั้นนอกจากจะเป็นของเก่าระดับหลายร้อยปีอันเป็น “เทวสถาน” ที่มีอยู่มากมายส่วนในปัจจุบันก็เป็นเรื่องของ “กีฬา” ทั้งสนามฟุตบอลสนามแข่งรถที่เข้ามาตรฐานโลกทั้งคู่แล้ว เจ้าสถานที่ซึ่งผมต้องออกจากเมืองหลวงไปดูให้มันรู้แจ้งเห็นจริงเลยรึ…!

จากตี 5 ล้อหมุน ผมใช้เส้นทางไปทางนครนายกเข้าสระแก้วเพื่ออยากพบอยากเห็นอะไรต่อมิอะไรที่ไม่เคยรู้เลยว่า “ถนนสายนี้เขามีอะไรกันบ้าง” จากบ้านที่พระราม 4 เข้านครนายก ผ่านถนนที่คุ้นเคยเข้าสระแก้วและต่อจากนี้ป้ายบอกว่า”บุรีรัมย์”เข้าซ้ายซึ่งก็แน่นอนผมคงไม่เลี้ยวขวาลงข้างทางนะครับ…ถนนสายนี้เรียบเนียนมากถึงแม้จะเป็น2ทางสวนกันไปมาข้างทางเป็นโรงงานสลับกับพื้นที่การเกษตรรวมถึงป่าโปร่งๆสลับกันไปมาแต่ถนนสายนี้บางเขตก็ต้องขับแบบระวังตนมากมายอันเนื่องด้วยไหล่ทางมีอยู่จี๊ดเดียวก็ประมาณว่าถ้าเราจอดข้างทางรถเล็กๆอย่างผมก็ยังอยู่บนพื้นถนนอีกเกือบครึ่งคัน

ขนาดนี้ผมยังอุตส่าห์ออกไปเก็บดินข้างทางมาเพียบ…บางที่บางแห่งเป็นดินทรายแดงๆ น่าสนใจดี ส่วนจะเอาไปทำอะไรเดี๋ยวขอศึกษาเขาหน่อย เส้นทางสายนี้ “ผมไม่เคยมาเยี่ยมมาเยือนกับเขาเลย” ชื่อใดน่าสนใจก็เข้าไปดูไปส่องให้มันรู้แจ้งกันไป…แต่ด้วยเวลาที่มีอยู่น้อยนิดเราก็คงทำได้เพียง “ขี่ม้าชมดอกไม้” เท่านั้นเอง

แล้วจุดหมายที่ “บุรีรัมย์” มันคือที่ใดก็ติดตามกันได้ในคราวหน้านะครับ

ครูไก่ ลำพอง ดวงล้อมจันทร์

0501 col Krukai 2