Just Say Know

เตรียมพร้อมหากต้องกักตัวอยู่บ้าน

เตรียมพร้อมหากต้องกักตัวอยู่บ้าน

การรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย เดินทางมาถึงจุดที่สถานพยาบาลเริ่มเต็มแล้ว และเริ่มมีการพูดถึงแนวทาง การกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) กันชัดเจนขึ้น เพื่อให้ทรัพยากรทางการแพทย์ ทั้งทางสิ่งของอุปกรณ์และบุคลากร ใช้กับผู้ที่มาความจำเป็นมากที่สุดก่อน

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่ขยายเป็นวงกว้าง กรมการแพทย์ จึงได้มีแนวทางปรับให้กลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ สามารถกักตัวรักษาได้ที่บ้าน ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ พยาบาล

เบื้องต้นโรงพยาบาลจะประเมินผู้ป่วยที่ ไม่มีอาการ (asymptomatic cases) หรือ มีอาการน้อยในกลุ่มสีเขียว มีอายุน้อยกว่า 60 ปี มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่มีภาวะอ้วน (ภาวะอ้วน หมายถึง ดัชนีมวลกาย > 30 กก./ม.2 หรือ น้ำหนักตัว > 90 กก.) และที่สำคัญที่สุด ไม่ป่วย โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตเรื้อรัง (CKD) โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ และโรคอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ หากเป็นผู้มีโรคประจำตัวต้องเป็นผู้ที่มีอาการคงที่ สามารถควบคุมโรคได้

จากนั้นจะประเมินปัจจัยแวดล้อม เช่น อยู่คนเดียว หรือ มีผู้อยู่ร่วมที่พักไม่เกิน 1 คน มีห้องนอน หรือ ห้องน้ำ ที่สามารถแยกการใช้งานได้ และที่สำคัญยินยอมที่จะรักษาตัวอยู่ที่บ้านของตนเองอย่างเคร่งครัด ซึ่งในขณะที่กักตัวเองอยู่ที่บ้าน ทีมแพทย์จะมีการส่งที่วัดไข้/เครื่องวัดออกซิเจน ส่งให้กับผู้ป่วยที่บ้าน โดยจะมีทีมแพทย์ให้คำปรึกษา/สอบถามอาการผู้ป่วยผ่านโทรศัพท์เป็นประจำ รวมถึงสั่งจ่ายยา และอาหารส่งให้ถึงที่พัก ระหว่างนั้นให้ใช้แนวทางปฏิบัติดังนี้

1. ห้ามผู้ใดมาเยี่ยมบ้านระหว่างแยกกักตัว

2. ไม่เข้าใกล้หรือสัมผัสกับผู้สูงอายุหรือเด็กอย่างเด็ดขาด โดยรักษาระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร

3. แยกห้องพัก ของใช้ส่วนตัวกับผู้อื่น หากแยกห้องไม่ได้ควรแยกบริเวณที่นอนให้ห่างจากคนอื่นมากที่สุด และควรเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ควรนอนร่วมกันในห้องปิดที่ใช้เครื่องปรับอากาศ

4.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกัน ควรรับประทานในห้องของตนเอง หรือหากรับประทานอาหารด้วยกันควรแยกรับประทานของตนเองไม่รับประทานอาหารร่วมสำรับเดียวกันหรือใช้ช้อนกลางร่วมกัน และรักษาระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 2 เมตร

5. สวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า ตลอดเวลาที่จะออกมาจากห้องที่พักอาศัย

6. ล้างมือด้วยสบู่หรือทำความสะอาดมือด้วย Alcohol gel ทุกครั้งที่จำเป็นจะต้องสัมผัสกับผู้อื่นหรือหยิบจับของที่จะต้องใช้ร่วมกับผู้อื่น

7. แยกซักเสื้อผ้า ผ้าขนหนู และเครื่องนอน ด้วยน้ำและสบู่หรือผงซักฟอก ควรใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่น หากเลี่ยงไม่ได้ ให้ใช้คนสุดท้าย ปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำและหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ

สิ่งสำคัญ คือ หมั่นสังเกตอาการตนเอง วัดอุณหภูมิทุกวัน หากมีอาการแย่ลง คือ มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ เช่น หอบ เหนื่อย ไข้สูงลอย ไม่สามารถปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ ให้รีบโทรติดต่อโรงพยาบาลที่ท่านรักษาอยู่ และเมื่อต้องเดินทางไปโรงพยาบาลให้ใช้รถยนต์ส่วนตัว ไม่ใช้รถสาธารณะ พร้อมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่เดินทาง หากมีผู้ร่วมยานพาหนะมาด้วย ให้เปิดหน้าต่างรถเพื่อเพิ่มการระบายอากาศเพื่อความปลอดภัยแต่คนรอบข้าง

ดังนั้นหากต้องกักตัวที่บ้าน ก็ไม่ต้องกังวล เพราะตอนนี้มีโรงพยาบาลนำร่องดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 ด้วยวิธีนี้แล้วหลายแห่ง และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่ทางที่ดี ป้องกันตัวเอง ระมัดระวังไม่เสี่ยงรับเชื้อ ก็จะเป็นการดีที่สุด