Interview

สุมิตรา ศิริวัฒน์

สุมิตรา ศิริวัฒน์
AGC GOLF ACADEMY

“คิดไม่ผิดเลยค่ะ ที่อยากเล่นกอล์ฟ” คุณกบ (สุมิตรา ศิริวัฒน์) ยืนยันคำตอบแรก เมื่อเริ่มส่งคำถามให้ แต่ในชีวิตจริงของเธอนั้น กว่าจะได้เริ่มเล่นกีฬาที่ชอบ ต้องรอมายาวนานมาก…

สมัยเรียน คุณกบ เป็นคนชอบกีฬา เล่นวอลเลย์บอล แชร์บอล อยากเป็นนักกีฬา แต่คุณป้าไม่ให้เล่น เพราะกลัวหลานไม่สวย… “เคยอยากเล่นกีฬามาก ๆ ถึงขั้นแอบไปลงแข่งขันวอลเลย์บอล แล้วคุณป้ามารู้ทีหลัง ท่านโกรธมาก กลับมาบ้าน ถูกตีด้วยไม้ขัดหม้อเลย ถูกตำหนิว่าเราดื้อในสายตาท่าน” คุณกบ เล่าถึงวีรกรรม “พอโดนดุ ก็ยังไม่ได้เลิกนะ แต่ถูกห้ามไม่ให้เล่น” เธอหัวเราะร่วน “นอกจากเรียนกีฬาในคาบแล้ว กิจกรรมอื่นที่ทำได้อย่างเดียวก็คือ รำไทย แต่ยังไงส่วนตัวก็ยังชอบกีฬา เพราะสำหรับเรา มันคือการได้ผ่อนคลาย”

คุณป้าเป็นครูสอนนาฎศิลป์ ค่อนข้างดุ ทำให้เธอถูกฝึกมาแบบอยู่ในระเบียบ เป็นเด็กไม่ดื้อ เชื่อฟังคำสั่ง บอกว่าไม่ ก็คือไม่ ไม่เคยออกนอกกรอบ คุณกบ ถูกห้ามไม่ให้เล่นกีฬาเพราะคุณป้ากลัวว่า จะหน้ามัน สิวขึ้น อยากให้หลานสาวรักสวยรักงาม ใช้ชีวิตแนวกุลสตรี จึงฝึกให้ทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง “คุณป้าดุมาก เข้มงวด แต่นั่นก็ทำให้เรามีทักษะ มีวิชาชีพติดตัว อยากให้เอาตัวรอดเองได้”

คุณกบ เกิดที่หนองคาย แต่พออายุได้ 3 ขวบ คุณพ่ออยากให้มีอนาคตที่ดี อยากให้เรียนหนังสือ ส่งให้มาอยู่กับคุณปู่และคุณป้า ที่กรุงเทพฯ “ตอนนั้นเพิ่งจะหย่านมเองค่ะ ยังไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ยาวไม่ได้กลับบ้าน เขาบอกว่าจะพามาเที่ยว พออยู่นานก็เริ่มคิดถึงบ้าน ร้องหาพ่อแม่ พอปรับตัวได้ก็กลายเป็นลูกคุณป้าไปเลย โตขึ้นมาถึงจะได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่หนองคายบ้างช่วงปิดเทอม โดยคุณปู่จะนั่งรถไฟไปส่งและรับกลับ ช่วงนั้นจะมีความรู้สึกว่า ทำไมมีความสุขจังเลย ทั้ง ๆ ที่คุณพ่อก็ดุ คล้ายกับคุณป้า แต่เรามีความรู้สึกว่าผูกพัน ได้กลับบ้าน”

ชีวิตคุณกบโตขึ้นมาภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง ทำให้ไม่ได้ใช้ชีวิตที่หวือหวาอะไร การดำเนินชีวิตค่อนข้างเรียบง่าย อยู่ในกรอบ ไม่เคยทำอะไรนอกสายตาผู้ใหญ่ เป็นเด็กเรียบร้อย หัวอ่อน ผู้ใหญ่ให้ทำอะไรก็ทำ แต่ก็จัดว่าเป็นสายกิจกรรม เพราะเมื่อเด็ก ๆ จะถูกจับให้รำไทยตลอด โดยคุณป้ามีหน้าที่ฝึกเด็กทั่ว ๆ ไปอีกด้วย เด็กคนไหนที่มีแวว ก็จะมาหัดให้ ดาราสาวที่มีชื่อเสียงในอดีตหลายท่าน ก็เคยมาเป็นลูกศิษย์ “ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะมาถึงคิวของตัวเองบ้าง พอคุณป้าสอนก็หัดจนรำได้หลายแบบ แต่ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ จึงทำให้ได้รับบทเป็นตัวพระ (หัวเราะ) ได้เล่นละครเวทีของโรงเรียน มาถึงโรงเรียนแต่เช้า พอทำหน้าที่ต่าง ๆ เสร็จ ก็ต้องฝึกฟ้อนรำอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนเข้าห้องเรียนตามปกติ ตอนเย็น ก็ต้องฝึกรำอีก” นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธอไม่มีโอกาสได้เล่นกีฬา ทั้งที่ใจรัก

“ไม่ได้เป็นเด็กเรียนเก่งค่ะ เรียนแค่เอาตัวรอด แต่ชอบทำงาน เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ถ้าได้รับคำสั่งจะทำจนเสร็จเรียบร้อยทุกเรื่อง”… หลังจากจบมัธยมที่โรงเรียนศรีอยุธยาฯ สายศิลป์ ก็มาเรียนต่อที่ราชภัฏสวนดุสิต สาขาอังกฤษ ธุรกิจ “หลายคนอาจจะมองว่า สวนดุสิต เป็นโรงเรียนการเรือน แต่จริง ๆ แล้วก็มีวิชาหลากหลายให้เลือกเรียน ในคณะส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนผู้หญิง ผู้ชายมีอยู่แค่ 5 คน ยังเป็นเพศทางเลือกอีก 2 จนเหลือที่เป็นเพื่อนผู้ชายจริง ๆ แค่ 3 คน แต่ก็ยังดีที่ได้เริ่มรู้จักเพื่อนผู้ชาย ได้เรียนรู้กันบ้าง เพราะเราไม่เคยมีเพื่อนผู้ชายมาก่อนเลย แล้วก็ต้องรีบกลับบ้านทันทีหลังเลิกเรียน เพราะบ้านอยู่แถว ม.เกษตร ไกลกว่าเพื่อน ๆ ที่ส่วนใหญ่อยู่แถวนั้น คุณป้าก็เป็นห่วงด้วย ไม่อยากให้ไปแวะที่ไหน แล้วเราก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนที่จะไม่ได้ไปเที่ยว ถูกฝึกมาจนชินแล้วค่ะ”

“เรียนมัธยมก็อยู่ในโรงเรียนสตรีล้วน เข้ามหาวิทยาลัยก็มีเพื่อนเป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด พอจบมา ได้เป็นพนักงานธนาคารแถวสยามสแควร์ ก็บังเอิญว่าสาขานี้พนักงานเป็นผู้หญิงล้วนอีกค่ะ (หัวเราะ) งานไม่ได้ตรงสายกับที่เรียนมา แต่เป็นช่วงจังหวะทำให้ได้เข้าไปพอดี ทำอยู่ทั้งหมด 7 ปี เริ่มตั้งแต่พนักงานรับฝากถอน หน้าเคาท์เตอร์”

เสน่ห์อย่างหนึ่งที่ติดตัวมาจากการปลูกฝังของคุณป้า ทำให้เวลาไปทำงานที่ไหนผู้ใหญ่จะเอ็นดู เพราะเธอมาทำงานเช้ากว่าคนอื่น ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง ไม่ปฏิเสธ ไม่บ่ายเบี่ยง ทำให้อย่างเต็มที่ด้วยความเต็มใจ พอได้เวลาเลิกงานก็ไม่รีบออกก่อนคนอื่น จะอยู่ช่วยจนพี่ ๆ เสร็จงาน จนผู้จัดการไม่อยากให้ออก “แต่เราก็จำเป็นด้วยภาระหน้าที่ ตอนนั้นมีครอบครัว ตั้งท้องลูกคนแรก สามีก็เป็นห่วง ไม่อยากให้ต้องลำบากกับเดินทางค่ะ” นั่นคือเหตุผลที่ทำให้คุณกบออกมาการเป็นพนักงานประจำ…

ถึงออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวแล้ว แต่เธอก็ไม่มีเวลาเบื่อ “มีงานให้ทำเยอะแยะเลยค่ะ เพราะได้ถูกฝึกเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ” จนเมื่อเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ คุณกบก็พบอีกว่า นอกจากความรักในครอบครัวแล้ว ยังมีอีกหนึ่งความรัก ที่มีความสำคัญมากด้วยเช่นกัน…

“รู้ว่าคนที่ชอบกอล์ฟ รักกอล์ฟแล้วจะไม่มีทางเลิกเล่น มีแต่จะซึมซับเข้าไปอีก” คุณกบ เล่าด้วยรอยยิ้ม… “สามี (“กัปตัน หนุ่ม” น.ต.นิธิพัฒน์ ศิริวัฒน์) ชอบกีฬากอล์ฟมาก ๆ มานานแล้ว เคยไปรอคุณหนุ่มซ้อมที่สนามไดร์ฟ เขาเป็นนักกีฬาของโรงเรียน และยังได้รับการปลูกฝังเรื่องกีฬามาจากที่บ้าน จนเมื่อเขาบอกว่าจะกลับมาเล่นอีก ซึ่งเราก็รู้ว่ากีฬานี้ใช้เวลานาน ก็คิดแล้วว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเราได้มีส่วนร่วมด้วย หรือปลูกฝังให้ลูกชอบ เพื่อจะได้เกิดกิจกรรมในครอบครัว ที่สามารถไปด้วยกันได้”

“เราต้องเป็นฝ่ายผลักดันตัวเองเข้าไปค่ะ ลูกก็เริ่มโตแล้ว เรามีเวลามากขึ้น เป็นการออกกำลังกาย ได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ คิดว่าตัวเราก็มีทักษะทางด้านกีฬาบ้าง น่าจะทำได้ จึงเริ่มจากการชวนลูกไปเรียนกอล์ฟเป็นเพื่อนแม่ ซึ่งลูกก็อยากลองเล่นด้วย เขาเองก็ชอบ ยอมเล่น ยอมฝึกกับเรา โดยมีคุณพ่อคอยสนับสนุน โดยไม่มีการบังคับ เริ่มจากคนโตไปลองเล่นก่อน แต่เขาไม่ค่อยชอบ ก็ไม่ว่ากัน พอคนเล็กมาเริ่มเรียนพร้อมกับเราแล้วเขาชอบ ก็เลยเริ่มมีกิจกรรมด้วยกัน แล้วค่อย ๆ พัฒนาฝีมือขึ้นมาเรื่อย ๆ ก็ลองผลักดัน ให้ลูกเริ่มเข้าไปแข่งขัน ให้ได้เรียนรู้ว่านี่คืออีกกิจกรรมที่เขาจะได้สัมผัส ซึ่งเขาก็ทำได้ มีความสุขกับกอล์ฟ ครอบครัวก็คิดกันว่า จะทำอย่างไรก็ได้ ให้ลูกเล่นได้กอล์ฟไปเรื่อย ๆ”

ครอบครัวนี้จริงจังกับกอล์ฟมาขึ้น จนกระทั่ง… “เริ่มทำชมรม AGC ของเราเองค่ะ สามีเขาเรียนรู้ทุกอย่างแล้ว แต่ตัวเราถือว่าใหม่จริง ๆ การที่มาทำกันเองแบบครอบครัว ทำให้ต้องเกิดการเรียนรู้ ทำความเข้าใจกับคนอื่นได้ เพื่อจะให้ทราบถึงที่มาที่ไป ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ แล้วจะมาทำงานตรงนี้ได้ สามีส่งให้ไปเรียนทุกอย่าง ทุกหลักสูตรที่เกี่ยวกับกอล์ฟ ที่จะไปเรียนได้ในหนึ่งปี”

“ครั้งแรกปฏิเสธก่อนเลยค่ะ” คุณกบตอบด้วยเสียงสูง… “เพราะตัวเองไม่มีความมั่นใจ ไม่รู้ว่าไปเรียนแล้วจะเป็นยังไง การเรียนต้องมีการสอบ มีการวัดผล เคยคิดว่า ชีวิตนี้เรื่องการเรียนเราพอแล้ว แต่ในที่สุด ก็พยายามเรียนจนจบทุกหลักสูตร ถึงแม้จะยังไม่ดีมาก แต่ก็ผ่านบทพิสูจน์ว่าเราทำได้ เป็นอะไรที่ท้าทาย เป็นประสบการณ์แปลกใหม่จริง ๆ เพราะปกติ เราเป็นคนไม่กล้าในเรื่องนี้ คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ จนทำให้สามารถแนะนำคนอื่นต่อได้ในเรื่องกีฬากอล์ฟ”

การเรียนเป็นแค่บทพิสูจน์อีกบทหนึ่ง เพราะเมื่อเริ่มขยับไปปฏิบัติจริง ทำงานใหญ่ขึ้น จนได้มาเปิดเป็น AGC GOLF ACADEMY และมี AGC GOLF SIMULATOR ที่ สนามฝึกซ้อมธูปะเตมีย์… “การอยู่รวมกันเป็นทีม มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้ว ต้องมีความรับผิดชอบ จะทำอย่างไรถึงจะเดินไปพร้อม ๆ กันได้ จึงต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เราอาจจะไม่เก่งในเรื่องการไปชี้แนะ ไปแนะนำ แต่ก็เลือกทำในส่วนที่ถนัดได้ ช่วยเหลือทีมงานให้ทำงานกันอย่างราบรื่น แบ่งหน้าที่กันตามความถนัดและเหมาะสม คอยควบคุมรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่าง ดูแล ติดต่อประสานงาน ต้อนรับ ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลกับลูกค้า เหมือนกับเป็นแม่บ้านของชมรม มองว่าตัวเองมีประโยชน์มากขึ้นกับการเป็นมนุษย์แม่บ้าน (หัวเราะ) คิดว่าเรายังทำงานได้อยู่นะ มีความสำคัญอยู่ ถึงแม้ว่าเราจะห่างหายจากการทำงานในลักษณะนี้มานานมากแล้ว แต่ก็ได้นำประสบการณ์การทำงานทางด้านบริการในอดีตมาประยุกต์ใช้”

“ครอบครัวเรารักกีฬากอล์ฟ หัวหน้าครอบครัวชอบกอล์ฟ หากเราจะเดินคู่กันไปได้ ก็ต้องผันตัวให้เข้ากับเขาให้ได้ จะได้ไปในทิศทางเดียวกัน ลูกก็ชอบ เราก็ต้องลงมาทำให้เต็มตัว ครอบครัวไปไหนก็ได้ไปด้วยกัน เป็นกิจกรรมที่ไปด้วยกันได้ตลอด ให้ทำหน้าที่ไหนก็ทำได้หมด ถึงแม้ใหม่ ๆ อาจจะติดขัดบ้าง ก็เรียนรู้กันได้ เราก็พร้อมจะเปิดรับ”

“ต้องขอบคุณกีฬากอล์ฟ ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เป็นกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อ แม่ ลูก และคนในครอบครัว ถึงแม้กอล์ฟจะเล่นคนเดียวก็ได้ แต่หากเราสามารถเล่นกับคนในครอบครัวได้ ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ไม่ต้องไปรอคนอื่น จะไปออกรอบที่ไหน เมื่อไหร่ พ่อ แม่ ลูก ไปกันเองได้ทันที ในเมื่อลงตัวแบบนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ชีวิตครอบครัวนักกอล์ฟในแบบเรามีความสุขมากค่ะ และ สถาบันครอบครัว คือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเราได้มากที่สุด เพราะสุดท้ายแล้ว ต่อให้คุณออกไปทำงานข้างนอก ไปเหนื่อยมามากแค่ไหน คุณก็ต้องกลับมาพบกับครอบครัว ใช้ชีวิตอยู่กับคนในบ้าน… เพราะที่บ้านมีความสุขที่สุดแล้วค่ะ”