คุยกับ ดร.อมร

เจตนา กับ การกระทำ ของผู้ปกครอง

“เจตนา กับ การกระทำ ของผู้ปกครอง”

สวัสดีครับ คุยกับ ดร.อมร ในวันนี้ ผมมีเรื่องอยากจะคุยเรื่องนี้มาก และมีท่านผู้ปกครองหลายท่าน อยากให้ผมเขียน เกี่ยวกับบทความ “เจตนากับการกระทำ” ของผู้ปกครอง ที่มีผลต่อบุตรหลานของท่าน

ผมเชื่อและเข้าใจดีว่า ผู้ปกครองทุกท่าน มีความรักและหวังดี ห่วงใยบุตรหลานของท่านเป็นอย่างดี ทุกคนมีเจตนาที่อยากให้บุตรหลานของตนประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในกีฬากอล์ฟ ซึ่งเป็นกีฬาที่ต้องใช้เงินลงทุนและเวลาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคนิควงสวิง อุปกรณ์ ค่าใช้จ่ายในการออกรอบ และการแข่งขัน ค่าลูกซ้อมกอล์ฟ ค่าเดินทาง เป็นต้น แน่นอนครับ ถ้าเปรียบเทียบกอล์ฟกับกีฬาอื่น ๆ อย่างเช่น ฟุตบอล แบดมินตันว่ายน้ำ ถือว่ากอล์ฟเป็นกีฬาต้องลงทุนอย่างมหาศาล จนกว่าลูกจะประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นเมื่อมีการลงทุนสูง ย่อมมีการคาดหวังสูงเป็นเรื่องธรรมดา

ครั้งหนึ่งผมพาลูกไปแข่งขัน ผมได้เห็นผู้ปกครอง ดุด่าว่า และตี ลูกในขณะทำการแข่งขัน ลูกของผู้ปกครองท่านนั้นตีตกน้ำ ซึ่งปกติแล้วเด็กคนนี้สามารถตีข้ามน้ำได้สบาย แต่บังเอิญจังหวะนั้นตีโดนหลังลูก ทำให้ลูกกอล์ฟไม่ลอยและตกน้ำไปเลย คุณพ่อท่านนั้นก็ต่อว่าดุด่าลูกตัวเอง พูดจาไม่สุภาพต่อหน้าเด็กคนอื่น ๆ และผู้ปกครองที่ร่วมก๊วนกัน เด็กคนนั้นร้องไห้ คุณพ่อท่านนั้นก็ด่าและต่อว่าลูกไม่ยอมหยุด เด็กคนนั้นตียังไงก็ไม่ข้ามน้ำ ทั้งสติ สมาธิ หลุดไปเรียบร้อยเลย ผมและผู้ปกครองท่านอื่น ๆ สงสารเด็กคนนั้นเป็นอย่างมาก ผมเชื่อครับว่าคุณพ่อผู้ปกครองท่านนั้น มีเจตนาที่ดี อยากให้ลูกตีกอล์ฟเก่ง อยากให้ลูกชนะ ก้าวข้ามอุปสรรค การกระตุ้น ปลุกใจ เช่นนี้ หรือมีวิธีอื่นที่ดีกว่าไหมที่จะทำ

มีอีกตัวอย่างหนึ่ง นั่นก็คือตัวผมเองครับ ผมรักลูกอยากให้ลูกเล่นกอล์ฟด้วยความสนุกสนาน สบายใจ จึงช่วยอยู่เหลือ ดูแลทำให้ลูกทุก ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียมอุปกรณ์กอล์ฟ เสื้อผ้า รองเท้า อาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงการจองแค้ดดี้เก่ง ๆ ที่สามารถวางไลน์ให้กับลูกของผมได้ เมื่อลูกซ้อมกอล์ฟเสร็จผมก็จะเก็บอุปกรณ์ให้ทั้งหมดโดยลูกผมไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ เลย แม้แต่ตอนออกรอบและแข่งขัน ผมจะเป็นคนกำหนดการใช้ไม้กอล์ฟ วางแผนการแข่งขันให้ลูกทุก ๆ อย่าง เมื่อลูกไม่ใช้ไม้ตามที่กำหนดไว้ ผมก็จะถามว่าทำไมถึงไม่ใช้ตามที่พ่อบอก เราเจตนาดีต่อลูก แต่การกระทำของเรานั้น ส่งผลเสียต่อลูกเป็นอย่างมาก ทำให้ลูกเราไม่สามารถจะทำอะไรด้วยตนเอง ไม่กล้าที่จะตัดสินใจในการลงมือทำในสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือก หรือวิธีการเล่นด้วยตนเอง ต้องคอยอาศัยผมเป็นคนบอก บางครั้งก็อาศัยแค้ดดี้เป็นคนบอกไลน์ให้ตลอดเวลา เมื่อแข่งขันเสร็จ ผมก็จะเก็บไม้ เก็บอุปกรณ์ให้เขาทุก ๆ อย่าง จนลูกทำเองไม่เป็น เจตนาดีกลับกลายเป็นผลเสีย

ปัจจุบันนี้ ผมเข้าใจแล้วว่า เจตนากับการกระทำ มีผลส่งเสริมต่อกันอย่างไร ผมได้ให้ลูกทำเองทุกอย่างไม่จองแค้ดดี้ ไม่สปอยล์ลูก ให้เขาทำเอง เล่นกันเอง เราเป็นแค่โค้ช คอยเป็นที่ปรึกษาดูแลให้ลูกมีระเบียบ วินัย ตรงต่อเวลา รับผิดชอบในอุปกรณ์ของตนเอง กล้าตัดสินใจในการเลือก เลือกไม้และเลือกวิธีการเล่น เราแค่ดูอยู่ห่าง ๆ คอยให้กำลังใจ และเชื่อมั่นในตัวลูกของเรา ทำอย่างไรให้ลูกรักในกีฬากอล์ฟ แต่ไม่สปอยล์ ให้เขากล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง ถึงแม้จะพลาด ก็บอกลูกถึงข้อผิดพลาด และเรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไขไปด้วยกัน โดยมีเราเป็นผู้ปกครองอยู่เคียงข้างกัน

และมีอีกเหตุการณ์หนึ่งอยากจะนำมาคุย ซึ่งเกี่ยวกับผู้ปกครองที่มีเจตนาดีต่อลูกตนเอง แต่การกระทำนั้น ส่งผลเสียหายแก่ลูกของเขา และลูกของคนอื่น ๆเมื่อลูกของเขาตีได้ไม่ดี ผู้ปกครองท่านนั้นก็จะโวยวาย กล่าวโทษแค้ดดี้บ้างโทษว่าแค้ดดี้วางไลน์ไม่ดี หยิบไม้ผิด ไม่บอกระยะลูกให้ถูกต้อง หรือแม้แต่กล่าวหาผู้เพื่อนร่วมก๊วนที่แข่งกับลูก เช่นลูกของคนอื่นส่งเสียงดังทำลายสมาธิลูกของตนเอง กล่าวหาคนนั้นคนนี้โกง กรรมการตัดสินไม่ยุติธรรม นับคะแนนไม่ถูกต้อง

สุดท้ายผมหวังว่า พวกเราในฐานะผู้ปกครอง ควรจะให้ความเคารพ และปล่อยให้เด็กได้ดูแลตัวเอง ไม่แน่ใจอะไรก็เรียกกรรมการ ผู้ปกครองควรเป็นผู้ชมที่ดี ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในระหว่างการแข่งขันของลูก เด็กจะผิดพลาดอย่างไรก็ให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง อย่าไปดุด่าว่ากล่าว ทำให้ลูกต้องเสียใจ อย่าให้ลูกต้องมาพูดเมื่อตอนโตไปแล้วว่า “พ่อแม่รังแกฉัน”

ดร.อมร นันทวะกุล
Parent Sport Coach
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา สาขา Sport Management