ธัญลักษณ์ แสงสุวรรณ
ธัญลักษณ์ แสงสุวรรณ
Everydayengine
Beyond gadget
“คุณแม่สอนไม่ให้พวกเรากลัวอะไรเลยค่ะ” คุณแบม (ธัญลักษณ์ แสงสุวรรณ) ลูกไม้หล่นใต้ต้นของ แม่ติ๊ก (จารุวรรณ แสงสุวรรณ) บอสใหญ่แห่ง บริษัท ถาวรมอเตอร์แอร์ แอนด์ ซาวน์ 4 คูณ 4 จำกัด เอ่ยถึงคำสั่งสอนที่ถือว่าเป็น กฎเหล็ก ของบ้าน
“เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ พอเจอจิ้งจก แมลงสาบ แล้วร้องกรี๊ดกันลั่นบ้าน… แม่ก็มาดุ แล้วบอกว่า อย่าไปกลัวพวกนี้เลยนะลูก ทุกอย่างไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ให้กลัวอย่างเดียวคือ ความจน เพราะว่าแม่เคยสัมผัสมาแล้วว่า ความจนมันน่ากลัวยังไง พ่อแม่ จะบอกเสมอว่า บ้านเราเป็นหนี้ ทำให้เราไม่กล้าใช้เงินเยอะ ในแต่ละวันต้องประหยัด อดออม รู้สึกว่า ถ้าเรารู้จักเก็บ ขยัน ก็จะช่วยได้บ้าง”
ตัวอย่างที่คุณแบมได้เห็นจนเป็นภาพติดตา นั่นคือ ความขยันขันแข็งของพ่อแม่ “ตั้งแต่จำความได้ เห็นพ่อแม่ทำงานกันทุกวัน ไม่เคยได้หยุด จนกระทั่งวันหนึ่ง เห็นประตูร้านปิดลงมา เพราะวันนั้นเป็นวันหยุด ก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ได้หยุดงานแล้ว ยังคิดเสมอว่า บ้านเราทำงาน 365 วัน เพราะเห็นพ่อแม่ทำงานทุกวัน ขยัน ทำทุกอย่าง ไม่เคยเกี่ยงเรื่องเงินเล็กเงินน้อยเลย ตอนเด็ก ๆ แม่ก็เคยทำงานจนกลับมาให้นมลูกช้า หรือบางวันพ่อแม่ทำงานเพลิน จนลืมไปรับลูกที่โรงเรียน เป็นตัวอย่างที่ทำให้เราขยันตามท่านไปด้วย” คุณแบม เล่าไปหัวเราะไป
ทำงานหนักให้ลูก ๆ เห็นอย่างเดียวยังไม่พอ ทั้งพ่อและแม่ ต่างปลูกฝังความคิด ในเรื่องการดำเนินธุรกิจ สอนวิธีการจัดการปัญหา ด้วยวิธีสนทนากับลูก ๆ จนค่อย ๆ ซึมซับเข้าไปในจิตใจ… “ในแต่ละวัน พ่อแม่จะกลับมาเล่าให้ฟังว่า วันนี้เจอลูกค้ายังไงบ้าง แต่ละรายเป็นอย่างไร จะสอนไปด้วยว่า ถ้าวันนี้เจอลูกค้าแบบนี้ จะแก้ไขปัญหากับกรณีนี้อย่างไร หรือ วันนี้ท่านไปทำอะไร ซื้อสินค้ามาต้นทุนเท่าไหร่ ขายไปแล้วได้กำไรดีขนาดไหน เหมือนมาเล่าให้เราฟังเพื่อเก็บประสบการณ์ แล้วเอาไปใช้ในอนาคต” ลูก ๆ ของบ้านนี้ จึงได้เรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจ ค้าขาย คุ้นเคยกับการคิดต้นทุน กำไร แบบนอกตำรามาโดยตลอด
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นหัวใจของความสำเร็จก็คือ บ้านนี้เปิดกว้างเสมอ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ หรือ ลูก ๆ ทุกคนต่างมีสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น และสอบถาม ขอคำแนะนำ “ในทุก ๆ ด้านที่พ่อแม่สอน พอเราเริ่มโต ก็อยากจะทำเหมือนท่าน จะถามอยู่เสมอว่า พ่อทำอันนี้, แม่ทำแบบนี้ ซึ่งท่านก็จะยอมให้ทำ” ที่เป็นเช่นนี้ได้ เพราะท่านเชื่อว่า “เดี๋ยวเจ็บก็ได้เรียนรู้เอง” คุณแบมเล่าไปหัวเราะไป “หรือบางครั้ง คุณแม่ ก็จะมาปรึกษาพวกเราบ้างในเรื่องการเงิน การลงทุน ซึ่งคำแนะนำของเรา ท่านก็ยินดีรับฟัง”
สมัยก่อนนั้น การศึกษาสูง ๆ เป็นเรื่องยากมาก ยิ่งกับผู้หญิงด้วยแล้ว ยิ่งยากเป็นทวีคูณ “คุณแม่เรียนหนังสือด้วยตัวเอง ฝึกหัดจากหนังสือเพลง เปิดฟังเพลงแล้วอ่านตาม ทำให้มีทักษะเรื่องการอ่าน แม่จึงอยากให้ลูก ๆ ได้เรียนสูง ๆ ทุกคน เพื่อชดเชยในเรื่องนี้ เคยถามว่า จุดมุ่งหมายของแม่ คือ อยากมีเงินเยอะ ๆ หรืออยากส่งลูกให้เรียนจบ แม่ตอบชัดเจนว่า เป้าหมายของแม่คือ ส่งลูกให้เรียนจบ ส่วนเรื่องเงินเป็นเรื่องรอง แล้วตอนนี้แม่ก็ทำสำเร็จ ลูก ๆ เรียนจบกันหมดแล้ว แม่บอกเสมอว่า การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ” นี่คือวิสัยทัศน์อันกว้างไกล… “พวกเราทั้ง 3 คน เรียนจบ เอแบค หมดเลย พี่คนโตเรียน การตลาด แล้วไปต่อปริญญาโท ที่ ไต้หวัน, พี่คนกลาง จบนิติศาสตร์ แล้วไปต่อโท ที่ อังกฤษ, ส่วน แบม เรียนบริหารบัญชี ได้ทุนของมหาวิทยาลัย แต่ยังไม่ได้ไปเรียนต่อ เพราะได้งานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ขอทำงานก่อนค่ะ”
คุณแบม เริ่มงานเป็นพนักงานตรวจสอบบัญชี ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ “เป็นงานเครียดมาก ๆ เลยค่ะ, สองปีแรกที่ออกไปทำงานประจำ ยังไม่ได้ช่วยงานอะไรของที่บ้าน พองานเริ่มอยู่ตัว และมีการ Work from Home ทำให้มีโอกาสกลับมาดูงานที่บ้านบ้าง แต่ก็ต้องเจอกับปัญหาคนรุ่นเก่า ๆ ที่เขายังไม่เปิดกว้าง”
“เปิดเฟสบุ้ค ของร้านเราขึ้นมาเองเลยค่ะ” นี่คือวิธีการเริ่มเข้าสู่การค้าในโลกโซเชี่ยล… “ถ้าจะขายอะไร ต้องมองไปว่า จะขายใคร, ถ้ารู้แล้ว ไปให้ถูกกลุ่มเป้าหมาย ว่าเขาอยู่ที่ไหนบ้าง ใน เฟสบุ้ค อินตราแกรม ไลน์ หรือ โซเชี่ยลรูปแบบต่าง ๆ ก็ต้องมาทำราคาว่า ในตลาดตอนนี้ ราคาอยู่ที่เท่าไหร่ สินค้าเราจะสู้เขาได้ไหม นั่งจดบันทึกข้อมูลเป็นข้อ ๆ เพื่อตั้งราคาให้น่าสนใจ หรือหาข้อได้เปรียบของสินค้าเรา เช่น การมีหน้าร้าน, การรับประกันสินค้า ในราคาใกล้ ๆ กัน โดยไม่ทำให้เราขาดทุน” คุณแบม เผยเทคนิค
ความสำเร็จของการค้าขายในโซเชี่ยลที่เห็นได้ในทันทีก็คือ… “ไม่ว่าจะไปรื้อสต็อกขายอะไร พอเริ่มขายได้ สินค้านั้นก็จะไม่มีพอขาย” นั่นทำให้เธอต้องมองผลิตภัณฑ์ชิ้นต่อไปว่าจะหยิบตัวไหนดี เพราะมีเยอะมาก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับรถยนต์… “เรามีสินค้าปีเก่า ๆ ที่อาจจะหากลุ่มลูกค้าได้ยากหน่อย แต่ก็ยังมีคนที่ต้องการ เราต้องหาเนื้อคู่ของสินค้านั้นให้เจอ” นี่เป็นคำเปรียบเทียบ ที่ทำให้เห็นภาพได้ชัดเจน…
“ขายสินค้าออนไลน์ ตามกระแสค่ะ ตามความต้องการของตลาด อย่างโควิดรอบแรก ก็ขายหน้ากากอนามัย รอบสอง รอบสาม ก็ยังขายอยู่ ระหว่างนั้น กระแสเซิร์ฟสเก็ตก็เข้ามา ถึงไม่ได้เล่นเอง แต่มีเพื่อนเล่นเป็น มีความรู้ทางด้านนี้ ก็ชวนให้มาร่วมทุนกัน โดยเราทำหน้าที่ประสานงาน นำของเข้า รวมทั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ต้องใช้ต่อเนื่องกันทั้งหมด เป็นการมองตลาดล่วงหน้า เดาใจลูกค้าว่าต่อไปจะต้องการอะไร ส่วนเพื่อนก็ทำหน้าที่ขาย แล้วพอของเข้ามาเยอะ ขายไม่ทัน ก็ต้องไปหาฝ่ายขายมาเพิ่ม หาฝ่ายออนไลน์ ถ่ายภาพลงโซเชี่ยล… ซึ่งทั้งหมดนี้ ต้องช่วยกัน เพราะทุกงานทำคนเดียวไม่ได้ ต้องใช้ทีมเวิร์ค เราจึงต้องกลายเป็นผู้บริหารไปโดยปริยาย มีหน้าที่คอยเลือกใช้คนให้ถูกกับงาน”
กิจการที่ไปได้สวยนั้น แท้จริงแล้วเกิดจากจุดเริ่มเล็ก ๆ “ช่วงเริ่มธุรกิจ ทางบ้านไม่ได้สนับสนุนเรื่องเงินทุนเลย แต่เราดิ้นรนเอง ไปยืมเงินจากเพื่อน ทั้ง ๆ ที่ถ้าเอ่ยปากขอจากพ่อแม่ ก็ได้อยู่แล้ว แต่ท่านชอบถามด้วยความเป็นห่วงว่าจะเอาไปทำอะไร สำหรับผู้ใหญ่ก็ต้องมองในแง่ลบไว้ก่อน ยิ่งช่วงเศรษฐกิจไม่ดี คงทำไม่ได้หรอก เลยตัดสินใจยืมเงินเพื่อน” คุณแบม เริ่มจากทุนเพียงแค่ 1 หมื่นบาท แล้วปั้นธุรกิจจนขณะนี้ทะลุเป้าไปไกลมากแล้ว…
“กดดันค่ะ แต่ทำได้” เธอบอกถึงสถานการณ์ของธุรกิจ… “เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ทุกเรื่องย่อมมีปัญหาตามมาอยู่แล้ว แต่ก็มีทางออกเสมอ อยู่ที่เราจะหาให้เจอ แล้วค่อย ๆ แก้กันไป ช่วงโควิด อาจจะขายอะไรไม่ได้ ตกงาน ก็ต้องพยายามมองไปถึงสิ่งของจำเป็น สิ่งที่คนต้องใช้ แล้วต้องดูว่า จะรับมาจากแหล่งไหน ราคาตลาดเท่าไหร่ จะสู้เขาได้หรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องไปลงทุนสู้ ให้เรากลัวทุกอย่างไว้ก่อน ค่อย ๆ ทำไปอย่าโลภ อย่างการขายสินค้าออนไลน์ เมื่อลูกค้าซื้อของจากเรา บางครั้งเกิดกรณีว่า เขาต้องการอะไร ซื้อไปแล้วได้ของไม่ตรงกับสเป็ค เราก็ต้องแก้ปัญหาในแต่ละรายไป แล้วยังต้องพยายามหาสินค้าแปลก ๆ ใหม่ ๆ เข้ามาขายอีกเรื่อย ๆ”
“สินค้าอะไรขายดี คนอื่นก็จะขายตาม ๆ กัน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่จำเป็นต้องปล่อย ก็อย่าไปติดยึด เพราะส่วนแบ่งในตลาดของประเทศไทยยังมีอีกเยอะ ยิ่งถ้าเราได้เริ่มก่อน ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จก่อน… โอกาสมีเสมอค่ะ แม้กระทั่ง ขยะ ก็ยังสร้างกำไรได้ เราเป็นคนรักแมว เลี้ยงแมว มีซองอาหารแมวเยอะ เคยส่งไปชิงโชค จนได้รางวัลไปเที่ยวต่างประเทศ พอรอบต่อมามีจัดรายการอีก ก็เลยนำซองที่สะสมไว้มาขายให้คนอื่นได้ส่งไปชิงโชคบ้าง มองเห็นช่องทางว่าเป็นค่าอาหารแมวให้กับเราได้ และยังต่อยอดไปยังฝาเครื่องดื่ม ที่ไว้ใช้ชิงโชค หรือแลกของรางวัลต่าง ๆ กลายเป็นว่าไม่ว่าจะลงขายอะไรไป ก็ไม่มีของพอขาย แล้วสิ่งที่ทำ ก็ไม่ได้เป็นแค่ผลประโยชน์ของเราคนเดียว แต่ยังรวมไปถึง ลูกน้อง ทีมงาน ที่เข้ามาช่วยกัน”
ธุรกิจในปัจจุบันที่ คุณแบม กำลังดำเนินอยู่นั้นเยอะมาก เช่น ร้านรับส่งพัสดุ ขายกล่องส่งสินค้า ทั้งปลีกและส่ง แล้วยังเป็นร้านขายของออนไลน์ ทำให้เกิดการสอดประสานในการทำงาน, ประมูลซื้อของมือสองเข้ามาขาย หาสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ขายหน้ากากอนามัย เปิดเพจรับเคลือบแก้ว ติดฟิล์ม รับทำบัญชี ฯลฯ อีกทั้งส่วนตัวก็ยังเป็นพนักงานประจำของบริษัท และล่าสุด ได้เปิด Lucky Cat Thailand ศูนย์รวมแมวกวักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย… นี่คือตัวอย่างของการทำงานได้หลากหลายบทบาท
ถึงจะทำงานเยอะแยะมากมาย แต่คนรุ่นใหม่ ก็รู้วิธีที่จะทำให้ตัวเองมีพลัง และพร้อมเสมอสำหรับการทำงาน เพราะตัวเธอเองนั้น มักจะทำงานเพลิน จนรู้สึกว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ… “ตอนนี้พ่อแม่ต้องมาคอยบอกให้ดูแลสุขภาพบ้าง นอนให้มากขึ้น แล้วถ้ามีโอกาสก็จะไปเที่ยว เล่นกีฬา… ช่วงยังไม่เปิดร้าน ไปอยู่ภูเก็ตเป็นสัปดาห์ เล่นเซิร์ฟ เพราะงานที่ทำจะอยู่กับมือถือเป็นหลัก แต่พอลงทะเล ไม่สามารถเอาไปด้วยได้ ก็จะได้อยู่กับธรรมชาติ พยายามหาเวลาให้ทั้งครอบครัว ได้ไปพักผ่อน ท่องเที่ยวด้วยกัน อย่างน้อยปีละครั้ง ล่าสุดก็จัดทริป พาที่บ้านไปภูเก็ต ไปใช้ชีวิตด้วยกัน คุณพ่อชอบมาก ได้ว่ายน้ำทุกวัน แต่พออยู่นาน ๆ ท่านก็จะเริ่มเบื่อ อยากกลับบ้านไปทำงาน” เธอหัวเราะเบา ๆ ในความขยันของคุณพ่อ
เมื่อได้ออกไปสัมผัสกับสายลมแสงแดด เธอก็พบว่า… “พอเป็นผู้บริหารเยอะ ๆ พยายามจะทำให้ทุกอย่างให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา แต่พอไปอยู่กับธรรมชาติ ทุกอย่างกลับควบคุมไม่ได้ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้ทุกอย่าง ธรรมชาติต่างหากที่คอยควบคุมเรา”…
และบทสรุปสุดท้าย สำหรับเคล็ดลับความสำเร็จสไตล์คุณแบม ก็คือ… “ตั้งเป้าหมายให้ชีวิตค่ะ เราอยากได้อะไร ต้องการอะไรก่อน… อย่างการตั้งเป้ายอดขายว่าจะได้เท่าไหร่ เราก็จะสนุกกับการลุ้นว่าตอนนี้ทำยอดไปถึงไหนแล้ว ทำอย่างไรถึงจะทำยอดให้ถึงเป้าที่วางไว้ได้ ต้องทำอะไรเพิ่มอีก เพราะถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนจริง ๆ และอยากทำจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ทุกคนทำได้แน่นอนค่ะ”