ดร.มาริสา เจริญเศรษฐกิจ
ดร.มาริสา เจริญเศรษฐกิจ
บริษัท มาบีรีช จำกัด
“มีแววเป็นแม่ค้า ชอบขายตั้งแต่เด็กเลยค่ะ” คุณกิ๊ก (ดร.มาริสา เจริญเศรษฐกิจ) เริ่มบทสนทนาพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี… “สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ยังไม่มีทุน ก็ขนของใกล้ตัว เสื้อผ้า เครื่องสำอาง หยิบโน่นหยิบนี่มาขาย ทำตั้งแต่สมัยยังไม่มีออนไลน์ หารายได้เสริมหลังเลิกเรียน เป็นยุคบุกเบิกการเปิดท้ายขายของ”…
“กิ๊ก รักการขายค่ะ ตอนเด็ก ๆ เห็นภาพลอยมาชัดเจนว่า อยากเป็นนักธุรกิจ ไม่นึกถึงอาชีพยอดนิยมอื่น ๆ เลยจนคิดว่า ถ้าโตขึ้นมาจะให้ไปทำงานออฟฟิศ รับราชการ คงไม่ชอบ เพราะค้าขายสนุกกว่า ยิ่งขยันก็ยิ่งได้ ชอบพบปะผู้คน ชอบนำเสนอ รู้สึกว่าเรามีพลังเยอะ มีความสามารถมากกว่าจะให้ไปนั่งอยู่กับที่” เธอเล่าไปยิ้มไป
“ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย เรียนการตลาดมาค่ะ ชอบการขาย ไม่ได้ชอบวิชาการ พอจบก็เลือก การโรงแรมและการท่องเที่ยว ที่ ม.สยาม เพราะคิดว่าน่าจะไม่เน้นวิชาการมากนัก คงเน้นการปฏิบัติ การให้บริการ แต่พอเรียนจริง ๆ ก็พบว่า ต้องเรียนด้านภาษาหนักอยู่เหมือนกันด้วย”
กิจกรรมโปรดของคุณกิ๊กในรั้วอุดมศึกษา ที่ช่วยให้เธอได้ทุนเรียน เพราะสร้างชื่อเสียงให้สถาบัน และยังทำให้ครอบครัวได้มีความภาคภูมิใจ แต่ก็มีอันตรายถึงขั้นทำให้บาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล… “เป็นสมาชิกใน สปาร์คกิ้งทีม ของมหาวิทยาลัยสยามค่ะ!” คุณกิ๊ก บอกพร้อมเสียงหัวเราะ “อยู่ในทีมเชียร์ เต้น ปอม ปอม ต่อตัว ตีลังกา เคยประกวดจนได้รับรางวัลระดับประเทศมาแล้ว ได้รับอุบัติเหตุจนแขนหักก็เคยมาแล้ว แต่ก็ไม่กลัว ไม่เข็ด เพราะเวลามีงานอีเว้นท์ เปิดตัวสินค้า เขาเชิญไปแสดง เต้นแค่ 3 นาที ได้ค่าเหนื่อยเป็นพัน สมัยนั้นก็นับว่าเยอะพอสมควร แต่ไม่ต้องไปนับเวลาที่ฝึกซ้อมกันอย่างหนักนะคะ”
เวลาคุณกิ๊กทำกิจกรรม เธอได้ออกกำลังกายเต็มที่ เหมือนกับการเล่นยิมนาสติก จากไม่มีพื้นฐานเลย แต่เพราะความชอบ ก็ค่อย ๆ ฝึกฝนขึ้นมา จนถึงขั้นสามารถทำท่าชุดได้ ตั้งแต่ ราวด์ดอฟ ฟลิกแฟลก ลังกาหลัง อย่างคล่องแคล่ว และยัง ต่อตัว เหมือนเล่นกายกรรมได้อีก… “อาศัยร่างกายและใจเป็นหลักค่ะ เจ็บมากสุดถึงขั้นเคยแขนหัก ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ส่วนที่บ้านก็ชื่นชม สนับสนุน เวลาไปแข่ง ได้ออกทีวีก็ตามเชียร์ แต่ก็ให้ระวังตัว อย่าประมาท”
พอเรียนจบก็พบว่า… “โลกแห่งความเป็นจริงมาแล้วค่ะ”
“ที่บ้านปล่อยให้อิสระในการตัดสินใจทุกอย่าง ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ก็ลงเรียนภาคค่ำ เพราะกลางวันต้องช่วยงานที่บ้าน ดูแลบัญชี ทำงานทั่วไป ซึ่งไม่ค่อยชอบ เพราะรู้สึกว่าตัวเองน่าจะทำอะไรได้มากกว่านั้น ไม่ได้แสดงพลัง ไม่ได้โชว์ฝีมือ”
คุณกิ๊ก ขอคุณพ่อออกมาเป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง รู้สึกว่าขายดีจนสนุก… “เราต้องมองตลาดให้ออก จะไปขายที่ไหน ลูกค้าเป็นใคร รสนิยมแบบยังไง ระดับราคาแค่ไหน เริ่มจากราคาไม่แพงก่อนแล้วค่อย ๆ ขยับเพิ่มสินค้าเข้าไปเรื่อย ๆ” แต่… “ขายข้างนอกต้องต่อสู้กับสภาพดินฟ้าอากาศ ที่เราคาดการณ์อะไรไม่ได้”
คุณกิ๊ก อยากลองสัมผัสงานในออฟฟิศบ้าง เลยไปสมัครเป็นพนักงานขายเครื่องจักรอุตสาหกรรม เป็นเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ ขายตามโรงงาน “ที่บ้านมีธุรกิจอยู่แล้ว คุณพ่อเปิดโรงงานอุตสาหกรรม ฉีดซิงค์อลูมิเนียม อะไหล่นำเข้าจากต่างประเทศ แต่เราเองอยากจะไปเก็บประสบการณ์จากข้างนอกมาก่อน ไม่มีความรู้อะไร ก็ค่อย ๆ ศึกษาไป ทำอยู่ปีเดียวก็ขยับขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายขาย แล้วก็ทำหน้าที่คอยฝึกพนักงานที่เข้ามาใหม่”
พองานประจำเริ่มเข้าที่ เจ้านายก็แนะนำหลักสูตรปริญญาโท Logistics and Supply Chain ที่ ม.ศรีปทุม เป็นเรื่องเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออก การบริหารต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ แล้วยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารได้ทุกเรื่อง
“ตัดสินใจเรียนปริญญาโท เพราะสมัยเรียน ป.ตรี ทำกิจกรรมเยอะมาก จนจบช้า รู้สึกว่าอยากจะลองแก้ตัว ตั้งใจเรียนอีกสักรอบ ผลลัพธ์ที่ได้คือ รู้สึกดีมาก เพราะเราโตขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว ผ่านการทำงานมาอีกระดับ ส่งตัวเองเรียนด้วย ใช้เวลาแค่ปีเดียวก็จบ เพราะถ้าจบช้า จะต้องจ่ายเพิ่มอีก เสียดาย (หัวเราะ) แต่ก็เหนื่อยมาก เลิกงานห้าโมงเย็น ต้องรีบไปเรียน นั่งติว ทำเล่ม อยู่จนดึกทุกวัน โชคดีที่เจ้านายให้โอกาสและสนับสนุนให้ไปเรียน”
“ตอนนั้นเริ่มภูมิใจในตัวเอง ทำงานจนได้เป็นหัวหน้า แล้วยังแบ่งเวลาไปเรียน จบได้ในเวลาที่กำหนด ปริญญาก็อยากได้ คอนเน็คชั่นก็อยากได้ เพราะคิดว่า เราคงไม่ได้เป็นลูกน้องตลอดไป ยิ่งรู้จักคนเยอะก็ยิ่งดี พอเรียนจบ ก็ขอเจ้านายลาออก ครั้งแรกท่านก็ไม่ยอม เราก็ต่อรองว่าจะอยู่ช่วยงานอีกสักระยะให้ก่อน เพราะอยากจะออกมาเริ่มงานของตัวเอง คุณพ่อก็สนับสนุนเต็มที่ เป็นธุรกิจนำเข้าอะไหล่ระบบแก๊สรถยนต์ ส่งตามอู่ต่าง ๆ ช่วงน้ำมันแพงยอดขายดีมาก จนธุรกิจเริ่มอิ่มตัวก็หันไปทำปั๊มแก๊ส”
“ทำอะไรก็อยากทำให้สุดค่ะ พอธุรกิจนิ่ง ก็คิดจะไปเรียนปริญญาเอก ตอนนั้นคนเรียนดอกเตอร์ก็ยังน้อย ที่บ้านก็ยังไม่มีใครจบระดับนี้ด้วย และรู้สึกว่า เมื่อเราจบโทได้แล้ว ต่อปริญญาเอกคงอีกนิดเดียวเอง เลยเลือกเรียนเรื่องการจัดการ เพราะจะได้นำไปประยุกต์ใช้ในทุกเรื่อง เลือกอยู่หลายแห่ง จนในที่สุดมาตัดสินใจเรียนที่ ม.นอร์ธกรุงเทพ สาขาการจัดการ เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ คอนเน็คชั่น เรียนที่นี่ได้เพื่อนเยอะแยะมากมาย เป็นกลุ่มคนที่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ หลักสูตรก็เข้มข้น มากกว่าเราคิดไว้ด้วยซ้ำ”
“เหนื่อยมาก จนเกือบจะไม่เรียนแล้ว ตอนนั้นมีลูกคนแรกพอดีด้วย”
คุณกิ๊ก ได้พบรักกับสามี (ดร.สันติ ป่าหวาย) ซึ่งมาเรียนที่นี่ด้วยกัน และปลูกต้นรักจนได้แต่งงาน
“ก็เกือบจะพากันทิ้งเรื่องเรียน” เธอหัวเราะอีกครั้ง “โชคดีได้อาจารย์ที่ปรึกษา (ผศ.ดร.อนันต์ ธรรมชาลัย) มาช่วยให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ สร้างแรงผลักดันให้เราทั้งคู่ กลับมาตั้งใจช่วยกันทำเล่มอยู่ปีกว่าจนจบ ตอนนั้นยังทำธุรกิจปั๊มแก๊สอยู่ ก็ทำดุษฎีนิพนธ์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การปรับเปลี่ยนธุรกิจปั๊มแก๊สให้มีความทันสมัย ไม่มองเพียงรายรับจากการเติมแก๊สเป็นหลัก ทำสถานที่ให้มีความน่าสนใจ สะอาด มีร้านสะดวกซื้อ ของฝาก ฯลฯ จนในปัจจุบันปั๊มแก๊สก็ต้องมีการให้บริการครบวงจรเช่นเดียวกับปั้มน้ำมันมาตรฐานหรืออยู่รวมกันในนั้น”
ในช่วงระหว่างนั้น คุณกิ๊ก ก็ไม่ยอมอยู่นิ่ง “ตอนนั้นก็มองว่าจะทำอะไรดี เลยทำเดลิเวอรี่อาหารทะเลส่งตามบ้าน ทำตั้งแต่สมัยแรก ๆ ยังไม่มีคนทำเยอะเหมือนปัจจุบัน ขายดีจนส่งกันไม่ทัน” แต่พอมีลูกคนแรก ออกไปทำงานข้างนอกไม่ไหว ต้องกลับมาอยู่บ้านเฉย ๆ ตอนนั้นออนไลน์เริ่มเข้ามาแล้ว “ก็อยู่นิ่งไม่ได้อีก ก็เข้าไปวงการกระเป๋าแบรนด์เนมก่อน เพราะเราก็ใช้อยู่แล้ว เลยลองเอาของที่เก็บไว้แต่ไม่ได้ใช้มาขายบ้าง พอขายได้ก็สนุก เริ่มซื้อมาขายไปบ้าง ราวปีกว่า ๆ พอมีกลุ่มลูกค้าพอสมควร ก็ไปเปิดร้านในห้างฯ มีหน้าร้านก็ดูน่าเชื่อถือ ขายกระเป๋าแบรนด์เนมอย่างเดียวค่ะ”
แต่… ธุรกิจไหนดี ก็จะมีคู่แข่งเข้ามาร่วมวงด้วยเสมอ ตัดราคากันเอง ทำให้กำไรน้อยลงจนเริ่มไม่คุ้ม…
“มองว่านาฬิกา น่าจะมีอนาคตสดใสกว่า”
คุณกิ๊ก เริ่มจากซื้อเรือนเล็ก ๆ มาใส่เอง พอลูกค้าเห็นแล้วถูกใจ ก็ขอซื้อต่อ… “คิดว่า นาฬิกาก็มาต่อยอดกระเป๋าไปอีกระดับหนึ่ง สมัยก่อนยังไม่ค่อยมีคนทำเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะมีขายแต่ตามหน้าร้าน เราจึงเป็นแม่ค้าขายกระเป๋าที่ผันมาขายนาฬิกาด้วย แรก ๆ ก็ทำคู่กัน จนหลัง ๆ มาจับนาฬิกาอย่างเดียว” กลุ่มลูกค้าของคุณกิ๊กจะเป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด ต่อเนื่องมาจากกลุ่มลูกค้าเดิม “จับสินค้าผู้หญิงเป็นหลัก และขายออนไลน์อย่างเดียวเลยค่ะ”
เครดิต ความน่าเชื่อถือ เป็นหลักสำคัญที่สุดในการค้าขาย… “สมัยนั้นยังไม่มีคอร์สออนไลน์สอน ต้องลองทำเอง รีวิวสินค้าเอง ว่าเราขายจริง ส่งจริง มีสต็อกสินค้า เวลาส่งมอบก็นัดกันในสถานที่ที่รับตรวจสอบคุณภาพว่าของแท้หรือไม่ ถูกใจกันทั้งสองฝ่ายค่อยซื้อขายกัน คนเล่นนาฬิกา ส่วนใหญ่จะเริ่มจากของมือสองก่อน เหมือนกับรถยนต์มือสอง ราคาไม่ตกเหมือนมือหนึ่ง คุณภาพสินค้าก็สามารถปรับปรุงให้ใกล้เคียงกับของใหม่ได้ เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ”
ธุรกิจของคุณกิ๊กนับว่าโตเร็วมา… “ค้าขายนาฬิกา กลายเป็นอาชีพหลักไปเลยค่ะ แล้วเราก็ยังให้มีตัวแทนจำหน่าย คุณไม่ต้องลงทุนเอง ขายได้ค่อยแบ่งปันกัน เพราะเราปั้นมาดี สร้างเครดิตมาดี เป็นฐานสำคัญ เราไม่ได้แค่ขายแล้วจบ ยังมีการดูแลหลังการขาย มีปัญหาก็รับปรึกษา ดูแลให้ เริ่มราคาตั้งแต่หลักหมื่น ไล่ไปจนถึงหลายล้าน กลุ่มลูกค้าก็มีหลากหลาย บางคนซื้อเพื่อสะสม ขายหุ้นมาซื้อก็มี ราคามีขึ้นมีลง ทั้งกำไรทั้งขาดทุน เจอมาหมดแล้วค่ะ ก็พยายามเลือกลงทุนในเรือนที่เราชอบ ที่เราใช้ ถ้าไม่ขายก็ไม่ขาดทุน แต่ก็อาจจะขาดสภาพคล่องไปบ้าง”
วิธีมัดใจลูกค้าของเธอก็คือ… “กิ๊กจะส่งของเองค่ะ การเจอลูกค้าคุ้มค่าเสมอ การทำธุรกิจทำให้พบปะผู้คนเยอะมาก การขายของมีมูลค่า ก็เจอกับคนที่เขาระแวง เป็นเรื่องปกติที่ควรจะคิด บางคนก็มองเราเป็นโจรไว้ก่อน (หัวเราะ) ซึ่งก็ไม่ผิด แต่เราเองก็มีโพรไฟล์ ให้คุณได้ศึกษา ไว้ใจกันก่อนค่อยมา ธุรกิจเราคือการสร้างความเชื่อใจกัน ถึงจะเกิดการขายได้ บางคนมาด้วยการไม่เชื่อเราเลย แต่สุดท้ายกลายเป็นลูกค้าขาประจำ เกือบทั้งหมดจะกลับมาซื้ออีก ลูกค้ากลุ่มนี้น่ารัก มีความเชื่อถือกัน เราไม่ใช่แค่ซื้อขายกันอย่างเดียว มีโอกาสก็จะแสดงความห่วงใยกันอยู่เสมอ บางคนยังไม่รู้จักกันก็โอนเงินมาให้ก่อนเลย หรือให้ช่วยหารุ่นที่ชอบ แพงกว่าก็ไม่เป็นไร อยากซื้อกับเรา ฐานลูกค้าก็สำคัญ เราไม่หยุดในการหาลูกค้าใหม่ แต่ลูกค้าเก่าก็ไม่ปล่อยค่ะ”
ถึงแม้งานจะรัดตัว แต่เธอก็ยังคิดสร้างงานใหม่… “เป็นคนไม่หยุดนิ่ง อยากทำโน่นทำนี่ตลอด เจ็บกลับมาก็มีเยอะ (หัวเราะ) อาจเพราะเป็นสิ่งที่เราไม่ถนัด ไม่สามารถไปดูแลเองได้เต็มที่ เศรษฐกิจไม่อยู่นิ่ง หรือความที่ไม่แข็งของเราเอง แต่เราแค่อยากทำ สรุปคือ ไม่เอาอีกแล้ว โฟกัสทำในสิ่งที่ถนัดที่สุดดีกว่า อยากจะเปิดหน้าร้าน แต่ก็ต้องขบคิดถึงปัญหาต่าง ๆ ให้รอบด้านก่อน เพราะมูลค่าสินค้าค่อนข้างสูง ถึงเรายังไม่มีหน้าร้าน แต่เปิดในรูปแบบบริษัท เสียภาษีถูกต้อง ซึ่งธุรกิจออนไลน์เป็นอะไรที่ตอบโจทย์ที่สุด ทั้งไลฟ์สไตส์ ความชื่นชอบในตัวสินค้า และผลลัพธ์ทางธุรกิจที่มาในรูปแบบผลกำไรและคอนเนคชั่นจากลูกค้าที่มาจากหลากหลายกลุ่มค่ะ”
ทุกคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณกิ๊ก ใส่ใจในการดูแลตัวเองมาก… “ผู้หญิงเราต้องดูแลตั้งแต่การกิน อย่าปล่อยให้ไปถึงปลายทางแล้วค่อยไปแก้ กิ๊กอาศัยควบคุมอาหารเป็นหลัก แล้วออกกำลังกายให้กระชับ ยิ่งเราเคยออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็ก พอเริ่มเล่นอีกครั้งก็รู้สึกว่ากลับมาได้ง่าย”
ทำงานหนักตลอด แล้วจะเลือกพักผ่อนแบบไหน?…
“ชอบเที่ยวค่ะ ชอบไปต่างจังหวัด ไปนั่งตามร้านกาแฟ ถ่ายรูปสวย ๆ ก่อนหน้านี้ที่ยังเดินทางได้ปกติก็จะเที่ยวกันตลอด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไปกันทั้งครอบครัว”…
คุณกิ๊ก ได้บอกถึงสิ่งสำคัญในชีวิต ก่อนปิดบทสนทนาว่า… “งานกับครอบครัว สำคัญพอ ๆ กัน เราอยากมีครอบครัวที่ดี ก็ต้องทำงานให้มั่นคง อยากปั้นธุรกิจให้แข็งแรงที่สุด สักวันก็อยากมีหน้าร้าน หาคนมาทำแทนเรา อาจจะเป็นลูกก็ได้ ที่คนนึงรับราชการเหมือนพ่อ อีกคนก็ค้าขายเหมือนแม่ ถ้าได้แบบนี้ ดีใจที่สุดแล้วค่ะ”