Interview

สิริวุทธิ์ เสียมภักดี

สิริวุทธิ์ เสียมภักดี
บ้านสวนเขาล้อม
“เรื่องราวทั้งหมดในปัจจุบัน เป็นผลมาจากการกระทำในอดีต”

กอล์ฟ คือ ชีวิต : กอล์ฟเหมือนคน กีฬานี้เหมือนการดำรงชีวิต เมื่อจะลงสนาม เริ่มปักทีออฟ พรรคพวกเพื่อนฝูงที่เล่นด้วยกัน หรือผู้ชม ทุกคนจะจับจ้องมองมา คิดว่าเราจะเล่นยังไง สังเกตการสวิงลมว่าท่าทางเป็นยังไง จะตีไปทางไหน ทุกคนคิดพยากรณ์ เดาเหตุการณ์ไปเรื่อย ต่าง ๆ นานา ขณะนี้ เราตกเป็นเป้าสายตาอยู่บนเวที

ขณะเดียวกัน เมื่อเราขึ้นไปปักที มุมมองมันต่างไปจากคนที่คอยดูอยู่ สิ่งแรกที่ต้องคิดคือ เราต้องมีการวางแผนถึงทิศทางที่ควรจะต้องไป ลูกกอล์ฟจะไปตรงไหน ซึ่งหากจะทำได้ คุณต้องเข้าใจในสิ่งแวดล้อม บรรยากาศทั้งหมด ณ เวลานั้น และต้องรู้ตัวเองว่ามีพละกำลัง สามารถจะตีได้ไกลแค่ไหน อุปสรรคต่าง ๆ อยู่ตำแหน่งใดบ้าง จะหนี จะสู้ อย่างไร ลูกนี้จะตีเฟด หรือตีดรอว์ ทั้งหมดนี้เหมือนกับการดำรงชีวิต ลูกกอล์ฟคือการเดินทาง เป้าหมายเหมือนกับการทำงาน

เมื่อสมองคุณวางแผนไว้หมดครบถ้วน ขณะที่ร่างกายเตรียมความพร้อม เมื่อทั้งสองสิ่งมีความประจวบเหมาะ ทั้งใจและกาย แล้วจึงตีออกไป หากลูกพุ่งไปยังเป้าหมายตามตำแหน่ง ตรงตามกลยุทธ์วิธีที่คิดไว้ ก็เหมือนกับเป้าหมายแรกในชีวิตได้เดินทางไปถึงแล้ว

ทว่า เรื่องจริง มักจะไม่ใช่อย่างนั้น ต่อให้เราดูทุกอย่างดีหมดแล้ว สวิงได้อย่างตั้งใจแล้ว แต่หากตีออกไป แล้วเกิดมีลมพัดหอบลูกให้ลอยออกไป จากตำแหน่งที่คิดหวัง บางครั้งโชคร้ายไปตกในอุปสรรค ก็เหมือนกับการทำธุรกิจ เราไม่เคยรู้เลยว่าจะมีโควิด ลงทุนไปแล้ว ถึงมีวิกฤติเกิดขึ้น เราตีออกไปแล้วลมถึงกรรโชกเข้ามา

เมื่อไม่ได้ดังหวัง ลูกตกทราย ยังไงเราก็ต้องไปตี ไปดูว่า จากหลุมทรายถึงกรีน ระยะเท่าไหร่ อ่านอุปสรรคทั้งหมดที่เป็นความเสี่ยง คราวนี้ควรรอบคอบมากขึ้นกว่าเดิม ที่สุดแล้วต้องตัดสินใจว่า เราควรจะเลือกอุปกรณ์อะไร แซนด์เวจ พิชชิ่ง หรือเหล็กชิ้นไหนที่ฝึกซ้อมจนถนัดมาใช้ เลือกได้แล้วก็ตีไป ถ้าโชคดีตีไปออน ก็ถือว่าเข้าเป้า ได้เล่นลูกพัตต์ เหมือนธุรกิจที่แก้ปัญหาได้ ก็เดินหน้าต่อ นั่นแปลว่าต่อให้กำลังขาดทุน ยังไงธุรกิจก็ต้องทำ, ชีวิตจะเจ็บไข้ได้ป่วย หรือสภาพร่างกายกำลังย่ำแย่ยังไง ก็ต้องอยู่ต่อให้ได้

แต่ถ้าไม่สำเร็จล่ะ? ตั้งใจตีจากทรายให้ขึ้นไปออน แล้วดันไปตกทรายอีก คราวนี้เป็นครั้งที่ 2 แปลว่าปัญหามันหนักขึ้นกว่าเดิม โอกาสทำพาร์แทบไม่มีแล้ว ยิ่งต้องคิดให้หนักเข้าไปอีก และควรทำใจ คิดซะว่า ถึงไม่ได้พาร์ก็ไม่เป็นไร เก็บโบกี้ได้ก็ยังดี นี่เสียหายน้อยที่สุดแล้ว, ถ้าทำธุรกิจแล้วเจอปัญหาซ้ำก็ยิ่งแย่ ต้องคิดว่า จะยอมตัดใจขายทรัพย์สิน เพื่อความอยู่รอด หรือถ้าเป็นร่างกาย หากจำเป็น ก็ต้องตัดอวัยวะบางส่วนเพื่อรักษาชีวิตไว้

กรรม เป็นเหตุแห่งกรรม : คำสอนของพระพุทธเจ้า นำมาใช้กับชีวิต มาใช้กับธุรกิจได้ และยังตรงกับเรื่องกอล์ฟ ไม่ว่าเราจะทำอะไร ย่อมส่งผลให้เกิดปัญหาอื่นตามมาเสมอ ในทางพระบอกว่า กรรม เป็นเหตุแห่งกรรม, แต่ก่อนที่จะมีเหตุ ย่อมมีปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุ, เมื่อมีเหตุ จะเกิดกรรมในชั้นแรก และเมื่อลงมือทำอีก สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะเป็น กรรมต่อเนื่อง ในชั้นต่อ ๆ ไป

ชีวิต คือ กอล์ฟ : ชีวิตแบ่งออกเป็น 4 ช่วง เหมือนเล่นกอล์ฟ

ช่วงที่ 1 ขึ้นไปปักที

ช่วงแรกของชีวิต โดยทั่วไปอายุน่าจะไม่เกิน 21-22 ปี จนจบมหาวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี จะมีความรู้สึกว่า ทำอะไรก็แล้วแต่ ยังมีคนให้อภัย คนเห็นใจ เข้าใจ มีคนชี้แนะ ถ้าเราวางรากฐานช่วงนี้ให้ดี ก็จะผลักดันไปช่วงที่ 2,3 และ 4 ได้ดี นั่นคือ ช่วงแห่งการเตรียมตัวสำหรับชีวิต

ช่วงที่ 2 ตีเข้าไปหาเป้าหมาย

ชีวิตเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เป็นช่วงวางรากฐานชีวิต เป็นวัยเจริญพันธุ์ มีครอบครัว อายุอยู่ในช่วงราว 23-45 แต่ใช่ว่าจะโตขึ้นในทันทีทันใด ต้องเริ่มจากเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มีการทำงาน ทำมาหากิน มีรายได้ คิดในสิ่งที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ จะได้ผลตอบแทนอย่างไร รู้จักคิด เริ่มสร้างฐานะ ดูแลตัวเอง บางคนคิดดี ควบคุมตัวเองได้ โดยมีพื้นฐานที่ดีมาจากชีวิตในช่วง 1 สามารถวางรากฐานทำให้ชีวิตในช่วงที่ 2 มั่นคง มีการวางแผนดี แบ่งเงินไว้ลงทุน เก็บออม ใช้จ่าย มีครอบครัว ลงหลักปักฐาน จัดการวางแผนชีวิตให้กับลูกหลาน แต่ถ้าบางคนคิดไม่รอบคอบ มีรายได้ก็ใช้จ่ายเกินตัว เกิดภาระหนี้สิน ไม่ได้วางรากฐานชีวิตให้ดี ก็จะใช้ชีวิตในช่วงที่ 2 นานมาก ส่งผลให้เกิดความลำบากในชีวิตช่วงถัดไป

ช่วงที่ 3 ตีให้ออน

ชีวิตเดินมาสู่ช่วงที่ 3 วัยใกล้เกษียณ สำหรับคนอายุ 45 ขึ้นไป ตำแหน่งหน้าที่การงานก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นหัวหน้า เป็นผู้บริหาร ในชีวิตก็เป็นพ่อแม่ เป็นปู่ย่าตายาย ช่วงนี้จะต้องมีความคิดกลับข้างกันกับชีวิตช่วงแรก ที่มีคนมาคอยแนะนำ คอยช่วยเหลือ พอถึงช่วงที่ 3 เราจะนำประสบการณ์ที่ผ่านมา ไปแนะนำให้กับคนรุ่นหลัง มากกว่าจะไปลงมือทำเองเหมือนในช่วงที่ 2, ถ้าเป็นกีฬา ช่วงนี้เราคือ โค้ช ที่คอยชี้แนะ ให้คำแนะนำ แต่ถ้าหากใคร ชีวิตยังไม่เข้าเป้า ไม่ได้เป็นหัวหน้า ไม่ได้เป็นผู้บริหาร เพราะอาจจะยังขาดทักษะบางอย่าง ก็ต้องไปฝึก ไปเรียน ยังมีโอกาสพัฒนาตัวเอง เหมือนกับตีไปตกทราย ก็ต้องแก้ไข หากตีกลับให้ขึ้นไปออน เพื่อทำพัตต์ได้ นั่นคือแก้ตัวยังทัน เพราะเกษียณคือการพัตต์, แต่ถ้ายังไม่ออน แต่ชีวิตจะเกษียณอยู่แล้ว จะทำยังไง จะเอาอะไรไปพัตต์ จะเตรียมตัวหลังจากนี้แบบไหน อย่างเรื่องสุขภาพ ถ้าไม่ได้ดูแลร่างกายมาตั้งแต่ตอนต้น หลงลืมจนไม่ได้ วางรากฐานชีวิตมาก่อน  มาตอนนี้ก็คงจะลำบากล่ะ  

ช่วงที่ 4 พัตต์ให้ลง

ในช่วงที่ 4 ชีวิตหลังจากอายุ 60-65 ปี ขึ้นไป ช่วงหลังเกษียณ ชีวิตก็เหมือนกับกราฟ ที่พุ่งสูงขึ้นจนสุด แล้วก็ต้องตกลง จากแรกเกิดไม่รู้เรื่องเลย นอนแบเบาะ ต้องการคนดูแล พอถึงบั้นปลายชีวิต ต้องย้อนกลับไปคิดถึงตอนที่เราเป็นเด็ก สุดท้ายแล้วก็ต้องการคนดูแลเหมือนกัน เป็นวัฏจักร วนเวียนกันไป, ตอนเป็นเด็กอ่อน เรามีพ่อแม่คอยดูแล พอแก่สุดเราต้องการลูก ต้องการพี่น้อง มาคอยดูแล ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ช่วง 2 ช่วง 3 คุณได้ดูแลพวกเขาเหล่านั้นหรือไม่ ใส่ใจกันอย่างไร เพราะนั่นจะส่งผลเมื่อถึงเวลาที่คุณต้องการให้พวกเขามาใส่ใจ อย่างที่คุณเคยปฏิบัติกับเขาบ้าง

ชีวิตที่แท้จริง : เราไม่ได้เอาอะไรมาเลย เกิดมาก็มาแต่ตัว ช่วงท้ายของบั้นปลายชีวิต ก็ต้องช่วยตัวเราเอง แปลว่าชีวิตจริง ๆ เราต้องไม่เป็นภาระใคร นั่นคือ ต้องพึ่งพาตัวเองได้ แต่จะทำได้นั้น ต้องมีการวางแผนตั้งแต่เริ่มต้น, ชีวิตช่วง 1 ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะยังต้องการให้คนช่วย พอช่วง 2 เริ่มเป็นตัวของตัวเอง ก็ต้องทำให้เต็มที่ มิเช่นนั้นแล้ว ช่วงบั้นปลายหลังเกษียณใครจะดูแล เพราะส่วนมากจะหงอยเหงา แล้วทำอย่างไรถึงจะมีความสุขกับชีวิต ก็ต้องคิดในอีกรูปแบบหนึ่ง คือ เรามาจากธรรมชาติ ก็ต้องอยู่ใกล้ธรรมชาติ ยังอยู่ใกล้เท่าไหร่ เราก็ไม่ไปยึดติด ต้องวางแผนเรื่องการเงิน สุขภาพพลานามัย จะอยู่อย่างไร ที่สุดแล้วการจะจากโลกนี้ไป ก็ต้องวางแผนทั้งสิ้น

ออกกำลังกาย : ที่ดีที่สุด คืออยู่ในกลางแจ้ง สมัยก่อนยังไม่มีอะไรมาก ก็ใช้วิธี วิ่ง เดิน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด พอมนุษย์เข้าใจเรื่องเหล่านี้ ก็พยายามคิดกีฬาที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย เพื่อให้ประโยชน์กับร่างกาย ส่วนกีฬาที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว เช่นพวกเกม นั่ง ไม่ได้ใช้ร่างกาย สมองก็ได้เคลื่อนไหว เป็นการผ่อนคลาย แต่ที่ดีที่สุดคือ ต้องได้ทั้งหมดทุกส่วน กอล์ฟ เป็นกีฬาที่เดินได้ยาวนานที่สุด ตั้งแต่เด็กจนถึงสูงวัย กีฬาอย่างอื่น เช่น ฟุตบอล เทนนิส แบดมินตัน ฯลฯ อาจจะเล่นได้แค่ช่วงเวลาหนึ่งสั้น ๆ แล้วก็ต้องหยุด เมื่อเป็นกีฬาที่เล่นได้ยาวนาน ก็ย่อมมีบทเรียน มีทริค ต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย ยังไงก็ไม่มีหมด นอกเหนือจากการออกกำลังกายแล้ว ควรจะนำสิ่งที่ทำนั้น กลับเข้าไปสู่การทำให้จิตมีความสงบสุขด้วย ดังนั้น เมื่อใดก็ตาม เมื่อคุณไม่มีสมาธิ ไม่มีจิตใจที่เป็นกลาง ต้องไม่มีความกังวลใด ๆ เกิดขึ้น ถึงจะเล่นได้ดี เห็นได้ชัดว่ากอล์ฟเป็นกีฬาที่คนหันมาให้ความสนใจกันเยอะ เหมาะกับคนทุกชั้น แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูง เพราะต้องใช้การดูแลมากมาย จัดการภาพบรรยากาศที่ดี ต้องการบำรุงรักษาต่อเนื่องยาวนาน ก็ต้องเลือกว่า ที่ไหน อย่างไร ถึงจะเหมาะกับตัวเอง ทำอย่างไร เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์

เกิดมาต้องทำงาน : ความหมายคือ ร่างกายต้องเคลื่อนไหว มีทั้งทำในส่วนร่างกายและสมอง เราไม่ควรจะหยุด ให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหว การออกกำลังสำคัญมาก ชีวิตทั้ง 4 ช่วง ต้องออกกำลังทั้งหมด แต่ต้องขึ้นอยู่กับ อะไรเหมาะกับ สภาพร่างกาย เวลา โอกาส บุคลิก บรรยากาศ ในชีวิตช่วงที่ 2 เป็นการทำงานด้วยตัวเราทั้งหมด ทำทุกอย่าง เป็นวัยทำงานที่ทำเต็มที่ แต่พอวันนี้ งานที่เป็นการปฏิบัติการ ก็ลดลงไป เปลี่ยนมาเป็นการทำงานด้านบริหาร เป็นที่ปรึกษา ดูแลเรื่องประชาสัมพันธ์ เป็นซีอีโอ เป็นกรรมการ อยู่หลายแห่ง งานที่ทำก็ไม่ได้หนักหนาอะไร เพราะเราใช้ประสบการณ์ ใช้สิ่งที่เราผ่านมา บวกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้คำชี้แนะ สร้างความเข้าใจกับคนที่ ขึ้นมามีอำนาจ แต่อาจจะไม่รู้ว่าธุรกิจทำกันอย่างไร ถ้าฟังแต่คนอื่นแล้วสั่งการ ก็อาจจะผิด ๆ ถูก ๆ คนที่รู้ไม่ได้ทำ คนมีอำนาจสั่งการกลับไม่รู้ มันถึงได้เกิดความวุ่นวาย และส่วนตัว ได้ทำรีสอร์ท บ้านสวนเขาล้อม ที่ มวกเหล็ก สระบุรี ก็ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ผมทำทุกอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคน ไม่ได้คิดว่าจะทำเพื่อสร้างรายได้อะไร มีบ้านเป็นหลัง ๆ สามารถมาพักผ่อนกันแบบครัวครัวได้สบาย ๆ รั้วติด ๆ กันก็มีทั้ง แวลลี่ การ์เด้น รีสอร์ท เป็นโรงแรมร่มรื่น เหมาะสำหรับประชุมสัมมนา และยังมี MAC Off Road Track สำหรับผู้ที่ชอบแนวผจญภัย กางเต็นท์ ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งหมดนี้อยู่ในพื้นที่ต่อเนื่องกันทั้งหมด

ไม่จีรัง : ชีวิตที่คิดว่าน่าจะสุขสบายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคล ขึ้นอยู่กับตัณหา ซึ่งหมายถึง ความอยากได้ใคร่มี, อยาก ไม่อยาก, ชอบ ไม่ชอบ, ซึ่งของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ความสุข ณ ปัจจุบัน ที่คิดว่าว่ามากมาย แต่อีกไม่นานก็หายไป แล้วจะเกิดทุกข์หรือสุขอีก ก็ไม่มีความหมาย เพราะนั่นคือความว่างเปล่า เราไม่ควรจะไปเกาะติดกับมัน ควรจะต้องทำตัวเองให้อยู่ในสภาพที่พร้อม พึ่งตัวเองได้มากกว่า ถ้าต้องการสุขภาพดี ก็ไม่ใช่ว่ารอให้เกษียณแล้วถึงจะมาทำ นั่นมันไม่ได้, สุขภาพดี ชีวิตในช่วงที่ 4 เป็นเหตุและปัจจัย ของช่วง 1-2 ก่อนหน้านั้น ถ้าทำไว้ไม่ดี ก็อย่าหวังว่าช่วง 4 จะดี

การศึกษา : ชีวิตคนต้องเรียน นั่นคือภาคทฤษฎี ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง แต่ถ้าไม่ลงมือลองทำ การเรียนก็ไร้ค่า คนที่จะตีกอล์ฟได้ดี ต้องเรียนทฤษฎี ต้องรู้จักอุปกรณ์ ต้องเข้าใจ กฎ กติกา และต้องฝึกวงสวิง เหมือนกับการเรียนหนังสือ แล้วในไปปฏิบัติให้ได้จริง และยังต้องลึกซึ้ง สามารถนำสิ่งที่เรียน มาใช้กับความสามารถทางกาย แล้วจะกลายเป็นความรอบรู้ ที่เรียกกันว่า ประสบการณ์ แต่ผมเรียกว่า ความเคยชิน ความคุ้นเคย เพราะถ้าคุณฝึกดีตั้งแต่แรก เข้าใจถ่องแท้ จนเกิดความเคยชิน เมื่อถึงเวลาต้องทำก็จะนิ่ง ไม่ตื่นเต้น สามารถปฏิบัติได้เลย เหมือนการทำงาน ไม่ว่าปัญหาจะหนักขนาดไหน เมื่อเตรียมตัวมาดี ก็แก้ไขได้ทุกแบบ

ความสุขหลังเกษียณ : คนเราจะเกษียณเมื่อไหร่ เป็นคำตอบที่ให้ไม่ได้เป๊ะ ๆ คนเราสมมติขึ้นมาเองว่า อายุขนาดนี้ ต้องเกษียณแล้วนะ ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ทางโลกคิดเอา แต่ในสภาพร่างกายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน อย่างผมตั้งเป้าหมายไว้ว่า ทำไปเรื่อย ๆ อย่าไปคิดว่า อายุมากแล้วจะทำอะไรไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของตัวเรา ณ ปัจจุบัน นั่นต้องดูว่า ก่อนหน้านี้เราทำอะไรมาก่อน การดูแลสุขภาพ ขึ้นอยู่กับทั้ง กายใน คือสภาพจิตใจ และกายนอก คือร่างกาย ต้องมีความพอดีกัน ท้ายที่สุดแล้ว ผมเลือกกีฬากอล์ฟ เพราะได้เดิน ไม่ต้องมีคู่แข่ง แข่งกับตัวเอง เล่นคนเดียวได้ กอล์ฟสนุกตรงความท้าทาย เป็นกีฬาที่ให้รางวัลสูงมาก เพราะให้กับความพยายาม เรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นได้ เช่น โฮลอินวัน อาจจะบอกว่าเป็นเรื่องของดวง เรื่องของโชค ก็น่าจะใช่บ้างในบางส่วน แต่เรื่องราวทั้งหมดในปัจจุบัน ล้วนเป็นผลมาจากการกระทำในอดีตทั้งสิ้น ความสุขทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องกอล์ฟ หรือเรื่องชีวิต ล้วนเป็นผลที่เกิดจากการวางแผนในอดีต ได้ประพฤติปฏิบัติ หรือฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ จนส่งผลให้มีความสุขในวันนี้ครับ