เส้นทางที่ยาวไกล สู่เส้นชัยที่ภาค “ภูมิ”
เส้นทางที่ยาวไกล สู่เส้นชัยที่ภาค “ภูมิ”
ภูมิ ภัทโรพงศ์ นักกอล์ฟอาชีพหนุ่มวัย 25 ปี จากโครงการไทยเบฟไทยทาเล้นท์ เจ้าของแชมป์กอล์ฟอาชีพออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์รายการ “บุญชู เรืองกิจ แชมเปี้ยนชิพ 2021” อีกหนึ่งนักกอล์ฟจากค่ายช้างที่ก้าวขึ้นสู้ทำเนียบการเป็นนักกอล์ฟแถวหน้าของเมืองไทยหลังคว้าแชมป์กอล์ฟอาชีพได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
“ภูมิ” หลายคนอาจไม่คุ้นกับชื่นนี้เท่าไหร่นัก เพราะเส้นทางการมาของเค้านั้นไม่ผ่านการเป็นนักกอล์ฟทีมชาติ เราจะมาได้ยินชื่นมากหน่อยก็ในช่วงปีถึงสองปีที่ผ่านมา หลังจากที่ภูมิเรียนจบจากสหรัฐอเมริกาและมาได้ทัวร์การ์ดของเอเชี่ยนทัวร์เมื่อปี 2019
เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟของภูมิเริ่มตั้งแต่อายุได้เพียง 7 ปี เมื่อคุณพ่อศรัณย์-คุณแม่พัชรวิลัย ภัทโรพงศ์ ก็เล่นกอล์ฟกันมาก่อนตั้งแต่ภูมิยังไม่เกิด การที่ภูมิได้ติดตามคุณพ่อ-คุณแม่ไปสนามกอล์ฟก็เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทดลองเล่นกอล์ฟ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้จับไม้กอล์ฟและสวิงตีลูกกอล์ฟจริงๆออกไป ความเป็นธรรมชาติของเด็กชายภูมิก็ส่งให้ลูกกอล์ฟลอยออกไปได้ลูกแล้วลูกเล่า จนโปรหันมาบอกกับคุณพ่อว่า “เด็กคนนี้น่าสนับสนุนให้เล่นกอล์ฟ…..”
ภูมิตัวน้อยฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องถึง 3 ปี ก่อนจะเริ่มออกสู่สังเวียนการแข่งขันเมื่ออายุได้ 10 ขวบ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการแข่งขันในเมืองไทยอยู่หลายปีที่สุดแล้วคุณพ่อ-คุณแม่ก็อยากให้ไปฝึกการใช้ชีวิตยังต่างแดน โดยเป้าหมายแรกคือที่ออสเตรเลีย เป็นการไปอยู่โรงเรียนประจำ มีเวลา เรียนครึ่งวัน ที่เหลือซ้อมกอล์ฟได้อย่างอิสระ
ความพองโตในหัวใจเกิดขึ้นตลอดช่วงที่มาเรียนที่ออสเตรเลีย การเทิร์นโปรเป็นนักกอล์ฟอาชีพนั้นไม่ไกลเกินเอี้อม เพราะเพื่อนๆที่เรียนอยู่ด้วยกันต่างมีเป้าหมายในเส้นทางสายอาชีพด้วยกันทั้งสิ้น ทำให้การเรียนมหาวิทยาลัยไม่ใช่เป้าหมายอีกต่อไป สำหรับภูมิในวัย 15 ปี
กลับกันพ่อ-แม่ มองว่าการเรียนและการซ้อมกอล์ฟอย่างที่เป็นอยู่นี้เป็นเรื่องที่ดีก็จริง แต่เรื่องอนาคตนั้นก็สำคัญเช่นกัน การเรียนให้จบในขั้นมหาวิทยาลัยจึงเป็นสิ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้ เหมือนกับนักกอล์ฟระดับโลกหลายคนที่ต้องผ่านการเรียนในมหาวิทยาลัย และเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการแข่งขันในระดับ NCAA
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของภูมิคือการย้ายข้ามฝากจากออสเตรเลีย มายังสหรัฐอเมริกา เพื่อมาเรียนในระดับไฮสคูล และร่วมแข่งขันกอล์ฟเยาวชนของ AJGA เพื่อเก็บคะแนนสะสมและทำอันดับที่ดีให้กับตัวเอง เพื่อเป็นการเปิดโอกาส หรือเป็นเหมือนกับโปรไฟล์ชั้นยอดให้ทีมกอล์ฟจากมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วสหรัฐฯเห็นถึงความสามารถ
ตลอด 3 ปีในชีวิตไฮสคูลของภูมิ เป็นการเรียนรู้คนละบทกับที่ออสเตรเลีย ที่นั่นทุกคนมีความตั้งใจในการเป็นนักกอล์ฟอาชีพในทันทีที่ทำได้ ส่วนที่อเมริกาทุกคนก็มุ่งหวังที่จะเป็นนักกอล์ฟอาชีพไม่แพ้กันแต่ต้องผ่านชีวิตในช่วงมหาวิทยาลัยเสียก่อน ดังนั้นในช่วงเป็นนักกอล์ฟเยาวชน เข้าร่วมการแข่งขันในรายการที่รับรองโดย AJGA เพื่อทำแร้งกิ้งให้ดีที่สุด
ภูมิอยู่ในอันดับที่ 30 กว่าๆของตารางคะแนน ทำให้มีมหาวิทยาลัยต่างๆให้ความสนใจส่งจดหมายเข้ามาหามากมายไม่น้อยกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ แต่ละแห่งก็มีข้อดีแตกต่างกันไปอยู่ที่การใช้ชีวิตของใครจะเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใด
ซึ่งในตอนนั้นภูมิชื่นชอบมากกับที่ JMU หรือ James Madison University ในแฮร์ริสันเบิร์ก, เวอร์จิเนีย เป็นการประทับใจตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งแวดล้อมของมหาวิทยาลัย จนกระทั้งได้รับเชิญไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัย ซึ่งภูมิบอกว่าการไปเยี่ยมตามคำเชิญของโค้ชในครั้งนั้น “โค้ชให้เกียรติผมมากๆ มีงานเลี้ยงต้อนรับ และที่สำคัญโค้ชได้ให้ข้อเสนอที่ดีมากๆ ผมก็เลยตอบรับในทันที”
ชีวิตในมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับภูมิ การได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ทั้งเรื่องของการเรียน กีฬา และการใช้ชีวิต ต้องทำอย่างไรให้ทุกอย่างอยู่ในจุดที่พอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป ทุกสิ่งต้องคอยค้ำจุนและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อะไรมากเกินไปอาจทำให้สิ่งที่เหลือแย่ไปด้วย ตลอดช่วงเวลาใน JMU ภูมิและเพื่อนๆช่วยกันสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนอันดับขยับขึ้นมาอยู่ที่ 50 ของตารางคะแนน
ชีวิตนักกอล์ฟมหาวิทยาลัยนั้นไม่ใช่ง่าย ทีมกอล์ฟชายมีทั้งสิ้น 8 คน ทุกคนต้องฝึกซ้อมตามที่ทีมโค้ชได้วางแผนไว้อย่างเคร่งครัด ซึ่งนอกจากฝึกซ้อม ใน 8 คนก็ต้องมีการคัดเลือกกันอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้เป็นตัวแทนของทีมเข้าร่วมแข่งขันรายการต่างๆ ซึ่งมีเดือนละ 2 ครั้ง นี่ไม่รวมเรื่องเรียนที่ต้องทำเกรดให้มากกว่า 2.00 เสมอ
หลังเรียนจบกลับมาเมืองไทย ภูมิ ภัทโรพงศ์ ฝึกซ้อมอย่าหนักโดยมีจุดมุ่งหมายที่เอชี่ยนทัวร์ซึ่งมาทำสำเร็จในปี 2019 จากนั้นชื่อของภูมิก็เริ่มชัดขึ้นในวงการกอล์ฟเมืองไทย หลังจากได้ร่วมการแข่งขันทัวร์ในประเทศ อีกทั้งรายการในเอเชี่ยน ดีเวลอปเม้นท์ ทัวร์ ที่เกือบจะได้แชมป์อยู่หลายต่อหลายครั้ง รวมถึงการทำสกอร์ 16 อันเดอร์พาร์ ในการแข่งขัน ก่อนพ่ายเพลย์ออฟให้กับ มิเกล คาร์บัลโล จากอาเจนติน่า
จากรายการนั้นภูมิก็เหมือนปลดล็อกให้กับตัวเอง ซึ่งแม้จะแพ้เพลย์ออฟและได้รองแชมป์ไปในครั้งนั้น แต่การทำสกอร์ 16 อันเดอร์พาร์ ในการแข่งขัน 4 วัน ทำให้กลับมามั่นใจในการเล่นอีกครั้ง และสร้างผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง
ความมุ่งมั่นหลังจากเรียนจบกลับมาคือการฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อหวังให้ผลงานในสนามดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่ได้ดั่งใจนัก จนกระทั่งออฟซีซั่นในช่วงโควิด ภูมิมีโอกาสได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้มา อ่านหนังสือต่างๆมากมาย โดยเฉพาะเรื่องราวของนักกีฬาที่เป็นต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็น ทอม เบรดี้ (อเมริกันฟุตบอล) ไมเคิล จอร์แดน,โคบี้ ไบรอัน (บาสเก็ตบอล) นักกีฬาเหล่านี้ทุกคนล้วนให้ความสำคัญไปกับสมรรถนะของร่างกาย การได้รับการฟื้นฟูอย่างเหมาะสม ไม่ใช่ร่างกายหนักเกินไป เพื่อความยาวนานของอาชีพนักกีฬา
คุณพ่อเล่าให้ฟังว่า “เมื่อก่อนภูมิซ้อมหนักมาก แข่งเสร็จก็ยังไปยืนซ้อมต่ออีก ยิ่งไปได้อย่างที่หวังก็จะยิ่งซ้อมหนักขึ้นๆจนกลายเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ร่างกายเหนื่อยล้า ไม่สามารถฟื้นฟูความแข็งแรงกลับมาได้ ตอนนี้เหมือนเป็นช่วงที่ลงตัว มีโค้ชเทรนเนอร์มาดูในเรื่องของความฟิต ในส่วนของกอล์ฟได้อรรณพ ตั้งกมลประเสริฐ มาดูแล ทำห้องซ้อมที่บ้านโดยใช้เทคโนโลยีของแทรคแมนเข้ามาช่วยวิเคราะห์วงสวิง”
ซึ่งล่าสุดที่การแข่งขันกอล์ฟอาชีพของออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์ รายการบุญชู เรืองกิจ แชมเปี้ยนชิพ 2021 ที่สนามแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ ภูมิ ภัทโรพงศ์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าแชมป์มาครอง ด้วยสกอร์ 4 วัน 27 อันเดอร์พาร์ โดยเป็นแชมป์แรกให้กับตัวเองในฐานะของนักกอล์ฟอาชีพ สร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเอง ครอบครัว และโครงการไทยเบฟไทยทาเล้นท์
หากจะให้พูดจริงๆนี่คือจุดเริ่มต้นของนักกอล์ฟจากโครงการไทยเบฟไทยทาเล้นท์ ที่เพิ่งจะปรุงแต่งส่วนผสมที่ลงตัวให้กับตัวเองได้สำเร็จเป็นครั้งแรก แต่อย่างที่ว่าไม่มีอะไรที่แน่นอนในเกมส์กอล์ฟ ไม่มีคำว่า 100% แต่คนที่ผิดพลาดน้อยที่สุดในการแข่งขันเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชนะ ทุกคนเล่นในสนามแห่งเดียวกัน อย่าให้คำว่า “ถ้า” มาเป็นข้อจำกัดในการพัฒนาตนเอง….
ภูมิ ภัทโรพงศ์ นักกอล์ฟอาชีพวัย 25 ปี เจ้าของแชมป์รายการบุญชู เรืองกิจ แชมเปี้ยนชิพ 2021 อีกหนึ่งนักกอล์ฟจากโครงการไทยเบฟไทยทาเล้นท์ ที่น่าจับตามอง