Interview

“..งานที่ชอบ ทำด้วยใจ ยิ่งทำก็ยิ่งดี..” อัคนิษฐ พีชผล

อัคนิษฐ พีชผล
กรรมการผู้จัดการ
ฮิลล์ไซด์ คันทรี โฮม กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท
“ทำงานที่ชอบ ทำด้วยใจ ยิ่งทำก็ยิ่งดี”

ครอบครัวเราใช้ชีวิตแบบคนเมืองใหญ่ แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด จะได้ยินคุณพ่อคุณแม่คุยกันอยู่เสมอว่า อยากจะไปใช้ชีวิตในต่างจังหวัด ใฝ่ฝันอยากจะมีรีสอร์ทท่ามกลางธรรมชาติ ตอนนั้นผมยังเด็กๆ ยังไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่ความคิดความรู้สึกที่ทำให้เกิดความรัก ความผูกพันในธรรมชาติ และแนวทางในการใช้วิถีชีวิตที่เรียบง่าย ที่ได้ยินได้เห็นมาตลอดคงค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในจิตใจของผมอย่างไม่รู้ตัว

ช่วงก่อนปี พ.ศ.2540 ภาพรวมธุรกิจการทำสนามกอล์ฟดูเหมือนจะง่าย ปิดการขายกันตั้งแต่โครงการยังเป็นแค่แบบร่างในกระดาษก็ขายได้แล้ว เราเองก็คิดอยากจะทำเช่นนั้นบ้าง เอาแค่ขนาดเล็กๆ ที่ตัวสนามกอล์ฟสามารถเป็นธุรกิจหลักที่เลี้ยงตัวเองได้ก็พอ แต่ วิกฤติเศรษฐกิจในปี พ.ศ.2540 ทำเอาทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด สนามกอล์ฟคือภาระที่ทุกคนอยากจะขายไปให้พ้นความรับผิดชอบให้เร็วที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่ต้องการความดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา มีการลงทุนสูง ขณะที่ผลตอบแทนไม่คุ้มการลงทุน

วงการสนามกอล์ฟในบ้านเราได้มีการปรับตัวเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติ เช่นจากเดิมที่เคยต้องพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยี ความรู้ ทักษะ จากต่างชาติ ก็หันมาปรับปรุงคุณภาพให้ขยับขึ้นมาจนทดแทนกันได้ โดยมีค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผล ตำราที่ใช้ในภูมิอากาศแบบของเขาก็นำมาใช้กับของเราไม่ได้ ต้นทุนเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ ของเขาถูก ขณะที่ค่าแรงแพง ซึ่งตรงข้ามกับบ้านเรา

งานบางชนิดจึงใช้คนทำแทนเครื่องจักร ซึ่ง ละเอียดกว่า ดีกว่า จบในขั้นตอนเดียว ประหยัดกว่า จนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องค่าจ้างแรงงาน จึงได้นำเครื่องจักรมาผสมผสานมากยิ่งขึ้น โดยมีการดัดแปลงให้เครื่องทุ่นแรงที่มีราคาแพงเหล่านี้ ให้ใช้งานได้เหมาะสม เป็นการลดต้นทุน จนสามารถนำมาใช้ในพื้นที่ของบ้านเราได้อย่างจริงจัง

สำหรับธุรกิจของฮิลล์ไซด์ฯ จากเดิมที่คิดว่าจะมุ่งที่การทำสนามกอล์ฟเป็นหลัก ซึ่งเคยซื้อขายกันอย่างไม่ยากนัก พอเจอกับวิกฤติทุกอย่างเปลี่ยนไปทันที ข้อได้เปรียบของ ฮิลล์ไซด์ฯ อย่างหนึ่งก็คือ นอกจากสนามกอล์ฟ 18 หลุมแล้ว เรายังมีที่พักครบวงจรไว้ให้บริการด้วย การปรับตัวของเราคือ เสริมด้วยห้องพัก จัดเลี้ยง สัมนา ทำที่พักเป็นบ้านหลังที่สอง ให้ช่วยเสริมกับสนามกอล์ฟซึ่งเรายึดเป็นหลักอยู่ ช่วงใดที่มีนักกอล์ฟลดลง ก็จะไปเพิ่มในส่วนของการอบรม สัมนา โรงแรม อาหาร ที่พัก

คุณพ่อได้วางแผนไว้ล่วงหน้ากับการทำธุรกิจ นั่นคือเราต้องมีแผนสำรองไว้เสมอ เมื่อแผนหลักเจอปัญหา เราก็จะได้มีหนทางในช่องทางต่อๆ ไป ทำให้เราไม่ตัน ไม่ต้องหยุดชะงักอยู่กับที่ ทันทีที่เจออุปสรรคที่คาดคิดไว้ ก็สามารถดำเดินงานตามแผนสำรองได้ทันที ต้องยอมรับว่าเราเหนื่อยมาก ทุกสิ่งที่ได้มานั้นแทบจะไม่ได้เกิดจากคำว่าเฮงเลย ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานาชนิด ระดมมันสมองช่วยกันคิดช่วยกันทำกันมาตลอด และยังได้พันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาร่วมมือช่วยเหลือกัน อย่างเช่น สนามเพื่อนบ้านซึ่งมีเอกลักษณ์ตรงที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทย เป็นการเล่นในเชิงบู๊ ก็มาจับคู่กับสนามเราซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการเล่นในเชิงบุ๋น ทำให้เกิดความลงตัวในความท้าทายสร้างความหลากหลายให้กับนักกอล์ฟทุกระดับฝีมือ

สนามฮิลล์ไซด์ฯ ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบมาหลายครั้ง เพื่อให้ตรงใจกับความต้องการของนักกอล์ฟ ทำให้เล่นได้สบายขึ้นแต่ยังคงเสน่ห์ของความท้าทายเอาไว้อย่างครบถ้วน มีทางเลือกให้ได้ลุ้นว่าจะสู้หรือจะวาง เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาจะเห็นได้อย่างชัดเจน การตีตัด ถ้าทำสำเร็จจะได้รับรางวัลทันที แต่ถ้าพลาด บทลงโทษก็มาทันทีเช่นกัน อย่าง ในหลุมพาร์ 6 ระยะสามารถทำ 3 ออนได้ ถ้าแม่นพอ แต่ถ้าหลุดแต้มก็อาจจะไหล ซึ่งในสนามมีเลย์เอ้าท์ลักษณะนี้อยู่หลายหลุม หรือ หลุม 11 เป็นอุโมงค์ต้นไม้ มองลอดไปเห็นกรีน สวยมาก ผมเรียกประตูสวรรค์เลย แต่มีอุปสรรคตรงที่ตีสูงไม่ได้ จะติดต้นไม้ จะให้เล่นลูกต่ำตีเลียดก็จะง่ายไป เลยวางทรายดักไว้ บังคับให้เล่นพันช์ช็อตพุ่งต่ำทะลุช่องไปออน น้ำหนักก็ต้องพอดีๆ ไม่ให้หลุดทะลุเลยกรีนไป ซึ่งการเล่นที่ต้องอาศัยทักษะท้าทายแบบนี้ก็มีหลายหลุมให้ทดลองเล่นกัน

พื้นที่ของเราติดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่มีถนนกั้นเป็นขอบเขตชัดเจน ก่อนหน้านี้มักจะมีไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นบ่อยในหน้าแล้งจากฝีมือมนุษย์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลายอุทยาน เลยไม่ค่อยมีผู้ให้ความสนใจรักธรรมชาติมากนัก พอเราเข้ามาอยู่ มีการสร้างบ้านพักให้อำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้มาคอยสอดส่องดูแล ขณะที่ชาวบ้านเดิมเคยบุกเข้าไปในป่า ก็จ้างมาเป็นพนักงานของเรา ทำให้พื้นที่ป่าในแถบนี้ก็มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อมาอาศัยอยู่ที่นี่แบบเป็นบ้านถาวร เรากลายเป็นคนในพื้นที่ ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน ทั้งเราเอง เจ้าหน้าที่ และชาวบ้าน อยู่กันแบบญาติพี่น้อง มีอะไรก็ปรึกษาหารือกัน ไม่ได้มีกฏเกณฑ์เข้มงวดอะไรมากมาย ต้องอยู่แบบให้เขารักเราด้วย เขาอยู่ได้ เราก็อยู่ได้ แต่กว่าจะเข้าใจกัน ได้ใจกันและกัน ต้องใช้เวลานานพอสมควร

การทำธุรกิจโดยเฉพาะกับสิ่งมีชีวิตเช่นสนามกอล์ฟนั้นหยุดไม่ได้ ต้องอาศัยความต่อเนื่องและทุ่มเท ซึ่งกว่าจะปรับความเข้าใจกัน ผสมผสานอธิบายความคิดของเราและของเขาให้เข้าด้วยกันได้นั้นก็เหนื่อยพอสมควร อย่างเช่น เขาไม่มาทำงาน ก็คิดว่าแค่ไม่ได้ค่าจ้าง ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมาย ข้าว ปลา ก็ยังมีกิน ขณะที่สนามกอล์ฟ ถ้าไม่ได้รดน้ำหญ้า หรือตัดหญ้าตามเวลา ความเสียหายจะต่อเนื่องไปอีกหลายอย่าง จนลุกลามบานปลายได้ ซึ่งความไม่เข้าใจในบทบาท หรือละเลยหน้าที่ในสิ่งที่เขาคิดในมุมส่วนตัวว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยนั้น อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง เปรียบสนามกอล์ฟเสมือนกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยทุกส่วนประกอบในการขับเคลื่อน หากฟันเฟืองตัวเล็กๆ แค่ตัวเดียวมีปัญหา ทั้งระบบก็ย่อมต้องสะดุดไปด้วย เมื่อทำให้เขาเข้าใจ อธิบายถึงความสำคัญในแต่ละตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง รวมถึงการปรับทัศนคติ ทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ค่อยๆ สะสมความผูกพันมาเรื่อยๆ จนความรักใคร่สามัคคีเกิดขึ้น ทำงานกันอย่างมีความสุข งานทั้งระบบเดินหน้าไปต่อได้

สนามฮิลล์ไซด์ คันทรี โฮม จากเดิมเริ่มต้นแค่เพียง 9 หลุม ก็ขยับเพิ่มขึ้นมาเป็น 18 หลุม หญ้ากรีนที่เคยใช้พันธุ์ไม่เหมาะกับภูมิอากาศ ก็ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม ทั้งในเรื่องของความสนุกท้าทายและการบำรุงรักษา เครื่องมือ เครื่องจักร ก็ต้องมีการปรับปรุงดัดแปลงให้เหมาะ เพื่อให้อยู่ได้ ทำให้ประหยัดและใช้งานได้ทัดเทียม ที่อื่นอาจจะต้องจ้างฝรั่งค่าตัวแพงๆ แต่ที่นี่ผมทำเองทุกอย่าง ซ่อมเครื่องจักรเอง ต้องขับรถทุกประเภทเป็น เพื่อไม่ให้โดนหลอก เราจะรู้ได้เลยว่างานแต่ละชนิดจะใช้เวลาแค่ไหน ยากหรือง่ายเพียงไร แล้วก็ต้องหมั่นค้นคว้าหาความรู้จากทุกแหล่งแล้วนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของเรา ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดต้นทุน โดยที่ไม่ลดคุณภาพ

ผมเริ่มปลูกข้าวในสนามกอล์ฟที่หลุม 15 ให้นักกอล์ฟได้ตีข้ามทุ่งข้าว เป็นการปลูกแบบเล่นๆ เอาไว้โชว์ความสวยงาม วางหุ่นไล่กาไว้ด้วย เป็นสีสันให้กับนักกอล์ฟ เป็นจุดเริ่มของการปลูกข้าวครั้งแรกในพื้นที่สนามกอล์ฟ ใช้เนื้อที่ราว 5 ไร่ เป็นข้าวหอมมะลิ ผลผลิตที่ได้ก็ไว้กินเอง แล้วพอรู้ว่าดีก็แจกจ่ายกันไป จนได้ซื้อเครื่องสีข้าวขนาดเล็กเข้ามา และได้วางแผนไว้ว่าข้าวที่ได้ถ้ามีมากพอจะนำไปหุงให้กับลูกค้าหรือขายเป็นข้าวสารให้ผู้สนใจอีกด้วย

การปลูกข้าวของเราทำแบบเกษตรอินทรีย์โดยแท้จริง ไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี เราใช้แต่ปุ๋ยจากธรรมชาติ เพราะข้าวนี้เราปลูกเองกินเอง เมื่อเห็นช่องทางว่า การปลูกข้าวด้วยวิธีนี้ทำได้ไม่ยาก และมีชาวนาปลูกด้วยวิธีนี้ด้วยเช่นกัน วิธีการดูง่ายๆ ว่านาผืนไหนใช้การปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ก็คือ นาจะไม่สวยมากนัก ต้นข้าวจะขึ้นไม่ค่อยสม่ำเสมอ สีไม่สวย คันนามีวัชพืชขึ้น ถ้าไปดูที่บ้านเกษตรกรก็จะพบถังหมักปุ๋ยชีวภาพอีกด้วย ซึ่งองค์ประกอบทั้งหมดนี้จะรู้สึกขัดๆ กัน นั่นคือ นารกๆ ผลผลิตต่ำ แต่กลับได้ราคาดี เพราะคุณภาพข้าวที่ได้จากธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีสารเคมีใดๆ เจือปน ทำให้ปัจจุบันมีผู้ให้ความนิยมบริโภคข้าวประเภทนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ

ข้อดีของการปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ที่สำคัญคือต้นทุนต่ำ ทำให้ชาวนาไม่ต้องไปเป็นหนี้เป็นสิน การปลูกข้าวที่ใช้สารเคมี อาจจะทำให้ผลผลิตสูง แต่ต้นทุนก็สูงตามไปด้วย หักกลบลบหนี้แล้วอาจจะไม่คุ้มกัน แต่การปลูกแบบธรรมชาติ ถึงแม้บางครั้งอาจจะเกิดปัญหาจากฝนฟ้าตามธรรมชาติ แต่ความเสียหายก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก เพราะไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน ทุกอย่างมีพร้อมอยู่แล้ว เริ่มใหม่ได้อีกโดยไม่ยาก

ผมเริ่มนำโรงสีข้าวขนาดเล็กเข้ามาใช้กับข้าวเปลือกของเรา เพราะต้องการควบคุมคุณภาพข้าวให้ได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังได้เป็นกิจกรรมที่เราได้นำมาแสดงในรีสอร์ต บางครั้งมีเด็กนักเรียนเข้ามาดู ก็ทำให้เขาได้เรียนรู้ได้เข้าใจในเรื่องการผลิตข้าว แม้กระทั่งการใช้กระด้ง ซึ่งเป็นเครื่องมือมหัศจรรย์จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่สามารถทำได้สารพัด โดยเฉพาะการคัดข้าว ตั้งแต่ฝัดให้สะอาด ฝัดเพื่อคัดขนาด แต่เป็นทักษะเฉพาะตัวที่ต้องได้รับการฝึกฝน ก่อนที่จะมีเครื่องจักรมาช่วยทุ่นแรง ซึ่งยังไงก็ละเอียดสู้แรงงานฝีมือไม่ได้

ผมได้ทราบเรื่องกลุ่ม “ผูกปิ่นโตข้าว” ผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดจากการรวมตัวของคนที่มีใจรักในข้าว มองเห็นถึงปัญหาของชาวนา และมีความสามารถในการบริหารจัดการงานด้านการสื่อสาร โดยไม่หวังผลกำไร เป็นจิตอาสา ทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง มาช่วยจัดให้ผู้นิยมบริโภคข้าวอินทรีย์กับชาวนาได้มาพบกันโดยตรง โดยให้ชาวนาเป็น เจ้าบ่าว ลูกค้า คือ เจ้าสาว และ “ผูกปิ่นโตข้าว” เป็น แม่สื่อ คอยให้คำปรึกษา คอยดูแลคุณภาพข้าว มีการเก็บข้อมูลว่า ชาวนาคนไหน ปลูกข้าวชนิดไหน ผู้บริโภครายใด ชอบข้าวแบบไหน แล้วจะจับคู่ให้ ไม่ใช่แค่การซื้อขายข้าวเท่านั้น เขายังต้องการให้ชาวนากับคนกินข้าวได้มาพบกันจริงๆ อีกด้วย ทำให้เกิดความเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น

ชาวนาในยุคใหม่ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว บางคนอาจจะมีงานประจำแต่รักอาชีพการทำนา ก็จะเป็นชาวนาวันหยุด มีความรอบรู้ในเรื่องโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ทำให้มีความทันสมัยทันยุค หรือแม้กระทั่งชาวนาเต็มตัวแบบดั้งเดิม ปัจจุบันลูกหลานก็สามารถใช้โซเชี่ยลได้อย่างคล่องแคล่ว กลุ่มใหญ่จะอยู่ที่ จังหวัดอำนาจเจริญ ที่เหลือก็จากทั่วๆ ไป บางครั้งมีการชักชวนให้มาซื้อข้าวกันใกล้ๆ กรุงเทพฯ แล้วยังได้มาท่องเที่ยวที่นี่อีกด้วย ปัจจุบันผมก็เป็นชาวนาอยู่ในกลุ่มนี้ และยังมีการรวมกลุ่มกัน ช่วยเหลือส่งเสริมให้ใช้วิธีการปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ให้กับผู้สนใจ ชี้ให้เห็นว่าโดยรวมแล้วมีความคุ้มค่ากว่า ปลอดภัยกว่า ราคาดีกว่าการปลูกแบบทั่วๆ ไป และยังได้มีกิจกรรมต่อเนื่อง เช่นการท่องเที่ยว การเรียนรู้เชิงเกษตรอีกด้วย

เมื่อผ่านเรื่องข้าวได้ ก็หันมามองว่า ผักที่เรากินยังไม่เป็นเกษตรอินทรีย์ และความต้องการของเราก็ไม่แน่นอน บางวันใช้มากบางวันใช้น้อย จะซื้อมาตุนไว้ก็ไม่ได้ จึงต้องลงมือปลูกเอง โดยเน้นผักที่ปกติจะฉีดยาเยอะๆ เช่นถั่วผักยาว และผักที่นิยมรับประทานกัน ผักบุ้ง พริก ฯลฯ บังเอิญพบกับอาจารย์จาก มศว. นำสารสกัดจากพืชมาไล่แมลง ซึ่งก็ได้ผลทันที โดยไม่มีสารพิษตกค้าง แล้วก็ไม่ได้มีความยุ่งยากอะไรหากตั้งใจจะทำ

การสร้างแหล่งท่องเที่ยวนั้นผมเน้นย้ำอยู่เสมอว่า อย่าไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อสร้างอะไรก็ตาม ขอให้ใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์ ดึงความเด่น ความเป็นเอกลักษณ์มานำเสนอ อย่างการนำคนเมืองมาเที่ยวท้องไร่ท้องนา พาเข้าไปเดินลุยโคลน เดินยังไงไม่ให้จมปลัก แม้กระทั่งเสียงจากธรรมชาติที่ไม่เคยได้ยินในเมือง ทุกอย่างคือความตื่นเต้นทั้งนั้น เป็นเรื่องของการบริหารจัดการมากกว่าการลงทุน ไม่อยากเห็นการบูมขึ้นมาเร็ว แล้วก็หายไปอย่างเร็วด้วยเช่นกัน อยากให้เป็นวิถีชีวิตอย่างยั่งยืนมากกว่า

ผมทำงานที่ชอบ ทำด้วยใจ ยิ่งทำก็ยิ่งดี ยิ่งทำก็ยิ่งจะพิสูจน์ว่าเรื่องนี้จริง การหวังกำไรเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องการ แต่ต้องไม่มุ่งจนถึงกับเครียด และยังต้องมองหาทางออก หาแผนสำรองไว้เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพ่อเน้นย้ำสั่งสอนมาตลอด การทำงานของผมจะเน้นลงแรงให้เต็มที่ไม่กลัวเหนื่อย ทำทุกวัน ไม่มีวันหยุด บางคนยังถามเลยว่าจะทำไปทำไมมากมายนัก ไม่รู้จักเหนื่อยบ้างรึไง สำหรับผมยิ่งทำงานหนักกลับยิ่งมีความสุข เพราะทำงานแล้วเหมือนกับการได้เล่นสนุก มีให้เลือกเล่นหลากหลายรูปแบบ ทั้งท้าทาย ทั้งให้ความรู้ ยิ่งมองว่าการทำงานเป็นเหมือนงานอดิเรก ยิ่งทำแล้วก็จะยิ่งมีความสุขไปเรื่อยๆ ครับ

737ex_2