Sport for Life

เรื่องราวของการทุ่มเท

เรื่องราวของการทุ่มเท

ด้วยเหตุที่ครูไก่เองนั้นเวียนว่ายอยู่ในวงการกีฬามายาวนาน เห็นสุขและทุกข์ของบรรดานักกีฬาและผู้ที่สนับสนุนมาเพียบ จากวันนั้นถึงวันนี้เฉียด 40 ปี เข้าไปแล้ว ทำให้เชื่อได้แบบสนิทใจเลยว่า “เราทุ่มเทไปในทิศทางที่มีความเสี่ยงน้อย”ที่สุด นั่นหมายถึงในทุกส่วนของที่เกี่ยวข้องจะต้องมานั่งจับเข่าคุยกัน ขอยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ นั่นคือ “ความได้เปรียบเสียเปรียบของรูปร่าง” กับกีฬาที่จะเล่นที่ยอดฮิตติดอันดับเมื่อสิบปีก่อนก็ต้อง “เทนนิส”ที่มีเจ้าบอลเป็นหัวหอกหลัก ความจริงพี่น้องครอบครัวนี้ถ้าเป็นไซส์คนไทยก็คือ “พ่อพันธุ์” ก็ว่าได้ พี่เบิ้มธนากรน่าจะเฉียด 180 c.m. กับเจ้าบิคคนกลางท่าทางเกิน 180 c.m. ทำให้เขาไม่เสียเปรียบใครๆ ในATP. TOUR มากมายนัก แต่อยากจะเรียนให้ทราบเลยว่าพี่ของเจ้าบอลทั้งคู่ฝีมือจัดอยู่ในขั้นเทพคนหนึ่งเหมือนกัน แต่ด้วยสรีระของร่างกายที่มีส่วนมากในระดับอาชีพชาย…เทนนิสนอกจากฝีมือไม่พอต้องมีร่างกายเป็นตัวตัดสินอีกต่างหาก…ขออีกคนนะ “ดนัย อุดมโชค” คนนี้ไม่มีใครกล้าบอกว่าเขาไม่เก่งขนาดเหรียญทอง “เอเชี่ยนเกมส์” เป็นรางวัลใหญ่ของการเล่นกับทีมชาติ แต่สุดท้ายปลายทางก็ต้องยอมให้ธรรมชาติเป็นผู้ชนะไป…

ลองส่องให้ทั่วๆ ในระดับอาชีพชายหากไม่มีน้ำหนัก เข้ามาเกี่ยวเราจะเอาชนะผู้คนในอีกซีกโลกลำบากยากเย็นมากจริงๆ จากคำพูดของเกจิหลายท่านเคยบอกว่า “ถ้าเราเก่งจริงเราก็ไปได้” ไม่ผิดครับระดับเด็กๆ เชื่อได้ว่าเรากล้าท้าได้ทั่วโลกแต่พอเข้าวัยทีนมนุษย์ที่เป็นฝรั่งมังค่าเขาจะมาแรงแซงไม่เห็นฝุ่น ส่วนเราก็ย่ำอยู่กับที่หรือโรยลงไปเท่านั้นเอง เมื่อกว่า 40 ปีก่อน เรามีการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่ชื่อ “บางกอกเทนนิสคลาสสิค”ครานั้นเรามีสองกุมารที่ถือว่าเป็นเต้อยู่ในเอเชีย นั่นคือ “สมบัติ – พนมกร” เราก็หวังว่าในประเทศคู่ต้องมีลุ้นเข้ารอบลึกๆ อยู่ ครั้งกระนั้นมีตัวของอินเดียที่เก่งเหลือเชื่อมาด้วย พวกนักเทนนิสเมืองภารตีชุดนี้ฝีมือล้ำเลิศกว่าเรามากมายนัก แต่พอปะมือเข้าจริงๆ ของเราไปไม่รอดสักคนทั้งเดี่ยวและคู่ ของเราไปตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่เสียด้วยซ้ำ แล้วผู้เล่นที่พากันเรียงแถวเข้ามาในรอบลึกๆ ล้วนเป็นวัยรุ่นที่เพิ่งผ่านเยาวชนมาไม่กี่ปีอายุไม่น่าจะเกิน 20 กันมั้ง…

แต่กับส่วนสูงบวกกับหนักหน่วงในการเล่นก็อย่างที่บอกเงินรางวัลเกือบทั้งหมดก็เป็นของชาวต่างชาติไปสิ้น แล้วไม่กี่ปีให้หลังนักเทนนิสเหล่านั้นพากันขึ้นไปเป็นมือต้นๆ ของโลกกันเข้าไปนั่น…อยากจะบอกว่าการที่เอาอะไรมาให้ลูกให้หลานเล่นแล้วตั้งเป้าเข้าสู่วงการ “อาชีพ” ยิ่งเป็นผู้ชายด้วยแล้วหลายชนิดกีฬามันต้องพึ่งพา “สรีระร่างกาย”ก็ดูเอาเองว่ามันคุ้มค่ากับการลงทุนลงแรงหรือเปล่า เพราะขึ้นชื่อว่าอาชีพทุกอย่างต้องลงตัวให้มากที่สุดถึงจะยืดอกอยู่ในถนนสายนี้ได้แบบสบายๆ ย้อนกลับมายังการแข่งขันเทนนิสรายการ “บางกอกเทนนิสคลาสสิค” ที่ว่ามาก่อนหน้ามันเป็นจัดการแข่งขันที่ถือว่าดีเลิศทั้งกระแสคนเล่นและสปอนเซอร์ เชื่อว่าปีหน้าคงจัดกันให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมเข้าไปอีก แต่อนิจจาก่อนแข่งขัน 1 อาทิตย์ ฝนตกกระหน่ำกรุงเทพฯ ขนาดอินดอร์ฯที่หัวหมากอันเป็นสังเวียนการจัดการ มันท่วมขนาดเอาเรือลงไปพายได้เลยจ้า…ดังนั้นจะลงทุนลงแรงอะไรให้ถูกที่ถูกเวลากันเสียหน่อยเราจะได้ไม่เสียใจกันภายหลังครับ…

ครูไก่