สัพเพฯ กอล์ฟ

HongKong อีกนิด

HongKong อีกนิด

จากเกาะเล็กๆ ของประเทศ “จีน” กลายเป็นแหล่งทำมาหากินของ “อังกฤษ”อยู่ถึง 100 ปี ซึ่งก็แน่นอนรากฐานการดำเนินชีวิตของผู้คนบนเกาะนี้มันช่างแตกต่างกับแผ่นดินใหญ่มากมายนักเมื่อในอดีต ต่อเมื่อเมือง “HongKong”กลับเข้าสู่การดูแลของเจ้าของเดิมเมื่อครบสัญญา “HongKong”ก็ยังคงมีมนต์ขลังและเป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยเหมือนเดิมเช่นในอดีตที่ “อังกฤษ”ดูแลมา…

ครูไก่เคยไป“HongKong”ก็หลายครั้งหลายคราอยู่ แต่ทุกครั้งก็จะเดินทางโดยมี “ไกด์นำทาง”เสียทุกคราไป  ผิดกับคราวนี้เราไปแบบลุยกันเองโดยมีหัวหอกเป็นผู้ชำนาญการที่เคยร่ำเรียนมาเมื่อ 30 ปีมาโน่น หรือบางท่านก็เคยมาเที่ยวกันเองเมื่อสมัยเป็นวัยรุ่นเรียนจบกันใหม่ๆ ณ ปัจจุบันอายุอานามพี่ๆก็ปาเข้า 60 กลางแล้วทั้งนั้น แต่อดีตที่เคยมาเขาว่ามันก็ยังคงความเป็นเช่นเดิมอยู่หลายแห่งหลายที่…เช่นร้านอาหารที่เคยมีชื่อเสียงเมื่อครั้งก่อนในอดีตนั้น ผ่านมา 40 กว่าปีมันก็ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม หาได้ถูกแทนที่ด้วยอย่างอื่นไม่ สภาพของบ้านเมืองเก่ายังคงมีให้เห็นอยู่ทั่วไป ผมเดินเข้าไปในตรอกซอกซอยเล็กๆที่มีอยู่มากมายแถวๆโรงแรม แทบจะทุกตารางนิ้วจะมีธุรกิจขนาดเล็กอยู่ทุกที่ ไม่ขายของกระจุกกระจิกก็จะต้องเป็นอะไรสักอย่าง นี่คงจะเป็นวิถีชีวิตที่ต้องสู้เพื่อเอาตัวเองให้รอดในสังคมแบบนี้…

ร้านกาแฟที่อยู่ซอกเล็กๆของตึกก็มีให้เห็นอยู่มากเช่นกัน แต่แทนที่จะเป็นรถเข็นแบบของเรา เขากลับตกแต่งร้านได้น่ารักดีครับ…ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่เขานำมาแต่งร้าน หรือมุมอ่านหนังสือก็น่านั่งใช้ได้ครับ ส่วนราคาของค่าเช่าร้านที่ขนาดเล็กแบบนี้ก็เป็นหลักหมื่นเหรียญฮ่องกงกันเลยทีเดียว ถ้าเป็นเงินไทยก็ราว 40,000 กว่าบาทเข้าไปโน่น ก็อย่างที่เราทราบๆกันดีว่านี่คือ “เมืองแห่งการค้า” อะไรที่สามารถจะเป็นธุรกิจได้ ซอกเล็กซอกน้อยมันคือชีวิตของผู้คนเหมือนกัน

ผมเองเคยคิดอยู่เสมอว่า “เวลาไปเที่ยว ณ แห่งหนตำบลใดมักจะดูแต่ของที่เป็นเขาจัดไว้ให้ดู”อยู่เสมอ…แต่เมื่อครูไก่ได้พบและได้ฟังคำกล่าวของ “ไกด์”ชาวจีนคนนึงบอกว่า “เวลาเราไปเที่ยวที่ไหนก็ตามบนโลกใบนี้ เขาควรไปหาเวลาเรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวบ้านดูบ้าง” นั่นคงเป็นเรื่องจริงครับเพราะเมื่อผมมีเวลาพอที่จะเดินดูร้านรวงเล็กๆในตรอกซอกซอยดูบ้างมันก็ดีเหมือนกัน เพราะการเดินเที่ยวแบบนี้เราจะมองภาพของสถานที่นั้นๆได้ครบทุกมิติของเมืองหรือชีวิตจริงของคนที่เขาต้องต่อสู้กันอีกระดับหนึ่ง เพื่อปากท้องจริง…

เรื่องของ รร.ที่พักนี่เราต้องไปเสาะแสวงหาอาหารเช้ากันเองครับ ซึ่งเป็นเรื่องดีของกรุ๊ปเรา ก็อย่างที่บอกไว้แต่แรกเรามีผู้ชำนาญมากันหลายคน ดังนั้นอาหารเช้าแต่ละมื้อมันเลยกลายเป็นการ “ตะลอนกิน”กันเสียมากกว่า คือว่าเราจะกินกันไม่เต็มที่ในแต่ละร้าน สั่งมาพอทานกันเท่านั้นแล้วก็ไปต่ออีกร้าน…โดยเฉพาะ “โจ๊ก”ที่นี่ฝีมือเขาดีจริงครับ…ตัวเนื้อโจ๊กเนียนหอมดีมาก แล้วก็เครื่องในเราก็สั่งแยกกันมาใครชอบ “เนื้อ”หรือ “หมู”ก็ได้เขาจัดมาเป็นชิ้นๆน่า “เปิบ”ใช้ได้ นี่ถ้าไม่เลิกกินเนื้อวัวมาหลายปีดีดักแล้วคงบรรยายรสชาติได้ดีกว่านี้แต่นี่ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ..

บางร้านเนี่ยเราต้องเข้าแถวรอกินกันเลยครับ แต่เราก็รอกัน “ก็มันอยากกิน” จริงๆทำไงได้…พอได้ที่นั่งก็สมกับที่เราคอยทุกอย่างอร่อยๆจริงครับ แล้วร้านที่ว่ามานี่มันอยู่บนถนนเล็กๆ ร้านก็ไม่ได้ใหญ่โตมากมายอะไรหนักหนาแต่อย่างว่า “ฝีมือ” มันอยู่เหนือสิ่งอื่นใดโดยเฉพาะ “เรื่องกิน”…

พอเข้าช่วงบ่ายของวันอาทิตย์อันเป็นวันสุดท้ายของการเดินทางทริปนี้ ข้าวของเขาก็จัดการแบบสบายๆครับ ลำเลียงมาขึ้นรถบัสหน้า รร.เพื่อนำสัมภาระไปเช็คอินกันก่อน…เสร็จสิ้นก็มีเวลาเหลืออีกกว่า 2 ชม.ก็ตามวิถีของแต่ละคนใครจะเลือกซื้อหาอะไรก็ตามสบาย ส่วนผมได้กางเกงมา 2 ตัว แต่อนิจจังซื้อเอว 34 มาซะงั้น ซึ่งความจริง 32 ถึง 33 ก็โอแล้ว ลำบากต้องเอามาแก้กันอีกรอบก็ดีเหมือนกัน…เอวเราแท้ๆลืมมันซะงั้น พอถึงเวลาก็บ้ายบายการบินไทยมาแล้ว…

เราไปมา “การบินไทย”เท่านั้นครับบนเครื่องเราก็ซื้อของกันสนุกสนานพอดู ขนาดซื้อถึงมีของแถมเป็น “ไวน์ขาว” 1 ขวดจากหัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องมอบมาเป็นพิเศษ…นี่ไงน้ำใจบนความสูงเกือบ 40,000 ฟุตของคนไทย…

เป็นอันว่าจบทริปการเดินทางกันเองของครูไก่ที่ “HongKong” แต่เพียงนี้คราวหน้าเห็นว่าจะไป “JAPAN” กันอีก…แล้วแบบ “กันเอง”อีกแล้วครับก็เริ่มเก็บเงินกันแล้วเพื่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะคร้าบ…

“อ้อเกือบลืม”ฝากถึงสมาชิกที่ได้สิทธิการเดินทางไปกับ “GOLFTIME” ในรอบชิงที่เมืองจีนนะครับ ท่านใดที่อยากจะออกไปเสาะแสวงหาของแปลกๆใหม่ๆในที่คณะเรารับผิดชอบก็ขอให้แจ้งมาแต่เนิ่นๆนะครับ เพราะผู้นำทางของเรานี่เป็น “ผู้รอบรู้ตัวพ่อ”ของที่นี่กันเลยทีเดียวครับ…

ครูไก่ ลำพอง ดวงล้อมจันทร์