ชีวิตที่เลือกได้
ชีวิตที่เลือกได้
จากเด็กสามน้ำสู่วัยหนุ่มใหญ่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแทบจะทุกระยะของลมหายใจ เฉียดตายมาก็หลายรอบ เก็บเกี่ยวความรู้ของชีวิตจริงมามากมายก่ายกองแล้วไม่เคยโหยหาความเห็นใจจากใครๆ ครูไก่เลือกชีวิตของตนเองจริงๆ เราออกแบบความเป็นอยู่ของเราเองมันจะผิดจะพลาดจะได้ไม่ต้องไปโทษใครเขา อีกข้อคือ “อัตชีวประวัติ”ของนักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่หลายคนที่รู้จักเราไม่อยากรู้เพราะมันคนละคนกับเรา บางทีพอไปรู้เรื่องรู้ราวของเขาเข้า… “ใจมันแกว่ง”ไม่นิ่งอยากได้อยากมีอย่างเขา แต่ลืมไปว่านั่นมันคือตัวหนังสือที่ได้ถูกแก้ไขแล้วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบกว่าจะออกมาให้ใครเขาอ่านกัน
เป็นไงครับความคิดแบบนี้มันจะเรียกว่า “สุดโต่ง”หรือเปล่า ไม่ว่าใครจะคิดจะพูดอย่างไรก็เป็นตัวเราเองวันยังค่ำเพราะจากเด็กสามน้ำที่เกิดจากน้ำจืดแล้วมาโตน้ำเค็มจากนั้นก็มาอยู่น้ำก๊อก คงไม่ต้องบอกว่าเจออะไรมาบ้าง ไอ้เรื่องโรคที่เขาชอบเป็นกันนั้นบอกได้เลยไม่ต้องมาคุย เราเป็นเด็กที่ไม่เคยซึมหรือเศร้าทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นเพราะความที่ขาดจากครอบครัวอันเป็นที่รักแต่เด็ก ขาดคนอบรมบ่มนิสัยโดยพ่อแม่ ขาดคนที่จะให้คำปรึกษาในยามที่เราต้องการและอีกมากมายที่เราอยากมีอยากได้ ถ้าคิดจะทำร้ายตัวเองจาก “โรคซึมเศร้า”ป่านนี้คงไปเกิดใหม่เสียนานแล้วครับ…
ขอกลับมาที่ปัจจุบันที่เมื่อเราอายุเข้าเกษียณตามงานราชการนั่นคือ 60 ปีบริบูรณ์ แต่อย่างที่ทราบครูไก่เองไม่เคยทำงานเข้าระบบใครเขา การวางแผนชีวิตที่ผ่านมามันเป็นงานที่ได้มาด้วยความสามารถของตัวเองโดยแท้ นั่นคือใครเห็นว่าเรามีอะไรดีก็เอาเราไปทำงานในสิ่งที่เขาคิดว่าเราทำได้ หลายงานที่โดดเข้าไปบางทีก็บอกตรงๆ นะ… “ตื่นกลัว”เหมือนกันไม่ใช่ว่าไม่กล้านะครับเพียงแต่กลัวว่าจะทำงานให้เขาไม่ดีพอเท่าที่เราคาดหวังไว้เท่านั้นเอง แต่ทุกงานที่ทำก็ดีบ้างด้อยบ้างสลับสับเปลี่ยนกันไป แต่ถึงปัจจุบันด้วยความรู้ที่ชีวิตได้ดำเนินมาถึงปัจจุบันต้องมีเฉียด 40 ปี สมองได้เก็บความรู้ความคิดไว้มากมายจริงๆ ถึงเวลาต้อง “ปล่อยของ”กันเสียที ในยามที่อายุเราเข้าไปป่านนี้ผมคิดว่ามันเต็มที่เต็มกังจริงๆ หลายคนคิดว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขในบางเวลาผมก็มีเอียงไปเชื่อเขาเหมือนกัน หากเราคิดเช่นนี้เราจะแก่ตามตัวเลขไปแต่หากเราคิดสลับกันนั่นคือ “อายุจะเท่าไหร่ก็ช่างมัน ฉันจะทำงานต่อไป” แบบนี้แหละคือที่ผมคิด…
ในยามที่เราต้องเลือกว่า “ชีวิตเลือกได้”เราต้องตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้ทั้งในโลกที่เป็นจริงนั่นคือจาก “คนเราเอง” กับทาง “โซเชียล”จะด้วยทางใดก็ช่างสุดท้ายก็มาตายที่ตัวเรา ความรู้ทั้งหมดจะมาตกผลึกที่เราตั้งมั่นที่จะทำโดยเอา 40 ปี ในชีวิตจริงเป็นตัวตั้งแล้วก็ทำ รับรองได้ว่าถึงแม้เราจะไม่ได้อย่างที่เราคิดแต่จิตจะไม่ตกไปอยู่ตาตุ่มแน่นอน เพียงนึกไว้เสมอว่าเรายังแรงที่จะทำงาน จัดความจำเป็นก่อนหลังอะไรสำคัญก็ทำก่อนส่วนที่ยังรอได้ก็รอก่อนพอมีโอกาสก็ลงมือ เช่นนี้เราจะวาดชีวิตให้สนุกสนานได้แค่ไหนก็สบายมาก…อายุไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ใจมันลุย…
ครูไก่