สุภาภรณ์ วัดล้อม
สุภาภรณ์ วัดล้อม
MSTD ENTERPRISE CO., LTD.
“Yes, we can!” คุณสุ (สุภาภรณ์ วัดล้อม) ส่งเสียงทักทายพร้อมกับชูกำปั้นแสดงพลัง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี อันเป็นเอกลักษณ์ที่พวกเราคุ้นเคยจนชินตา โดยเฉพาะเมื่อพบเจอกันในสนามกอล์ฟ
“คำนี้มีที่มาค่ะ” เธอเล่าต่อว่า สมัยเมื่อลุยงานหนัก “ไม่ว่าลูกค้าให้ทำอะไร เราทำให้ได้หมด” จนถึงขนาดมีคนขนานนามว่า “เธอนี่ Yes, we can! จริง ๆ เลยนะ” พอได้ยินประโยคนี้ คุณสุ ก็รู้สึกชอบคำนี้ทันทีเลย “รู้สึกประทับใจ และนำกลับมาใช้ในชีวิต ในธุรกิจ เพราะไม่ว่าจะเรื่องอะไร สิ่งที่เราทำไม่ได้ คือสิ่งที่เราไม่ทำ หรือไม่อยากทำ” คุณสุ ขยายความ ของประโยคเด็ด “ทุกครั้งที่ประชุม จะให้ท่องอยู่เสมอว่า 1. Yes, we can! 2. อ่อนแอก็แพ้ไป และ 3. ก้าวไกลไร้ลิมิต” ซึ่งกลายมาเป็นคำขวัญที่นำพาบริษัทก้าวสู่ความสำเร็จ ภายใต้สโลแกน “ผลิตภัณฑ์ทรงคุณค่า ส่งมอบตรงเวลา นำพาสิ่งแวดล้อมที่ดี บริการลูกค้าประทับใจ”

คุณสุ ก่อตั้ง บริษัท เอ็มเอสทีดี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มาตั้งแต่ ปี 2535 มีสินค้าหลักเกี่ยวกับการผลิตสายไฟ ปลั๊กไฟ ที่ใช้กับเครื่องไฟฟ้าครัวเรือ สายสัญญาณ ฯลฯ เริ่มจากตึกแถวสองคูหา จากนั้นได้ขยายกิจการเปิดเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ จ.สมุทรปราการ และได้ขยายบริษัทแห่งที่สองตั้งอยู่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรม กบินทร์บุรี และเมื่อปี 2562 นี้เอง ก็ได้เพิ่มโรงงานฉีดพลาสติกขึ้นอีกแห่ง ที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี นับเป็นโรงงานแห่งที่สามที่เธอสร้างมากับมือ และในปีหน้าก็จะเห็นการขยายบริษัทครั้งใหญ่อีกครั้ง
“เราตั้งใจทำบริษัทให้เป็นระบบสากล ได้มาตรฐาน แต่เวลาปกครองลูกน้องในบริษัท เราทำเสมือนเขาเป็นคนในครอบครัว คนที่อยู่กับเรา ต้องสบายใจ การทำงานยุคปัจจุบัน ถ้าเราไปบีบคั้นมาก เขาก็ไม่อยู่กับเรา ทำงานต้องทำด้วยหัวใจที่อยากจะทำ ต้องการให้คนที่อยู่ด้วย อยู่กันไปตลอด ไม่มีเกษียณ แต่เขาต้องเป็นคนดีด้วยนะ ส่วนคนไม่ดี เป็นมาเฟีย ต่อให้ไปตีกันนอกโรงงาน เราก็เอาออก” คุณสุ ใช้นโยบายบริหารแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เริ่มธุรกิจเล็ก ๆ จนขยายใหญ่โตในปัจจุบัน ทำให้ลูกน้องไม่มีใครอยากออกไปไหน พนักงานคนแรกตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ก็ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้
“โรงงานนี้เป็นของคนดี มีคุณธรรม ถ้าเป็นคนดี ก็มาอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ คุณไม่ต้องเก่งแบบที่สุด แต่ต้องเก่งแบบเป็นคนดีด้วย แล้วเราจะสามารถช่วยกันบริหารงานที่ทำให้ทุกคนอยู่ดี มีความสุข การจะหล่อหลอมหัวใจ น้อย ๆ นิ่ม ๆ ของคนให้คนมาอยู่กับเรา มันเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อใจเขาอยู่ เขาโอเคร เขาก็ทำได้ เราต้องดูแลให้เขารู้สึกว่า นี่คือกิจการของเขา หัวหน้าไลน์แต่ละชั้น จะคัดสรรจากเด็กเก่า ๆ อาจจะไม่ได้เก่งที่สุด แต่มีแววที่จะเก่งได้ ที่เหนืออื่นใดคือต้องเป็นคนดี คนขยัน เราจะสั่งสอนเสมอว่า ต้องเป็นหัวหน้าที่มีความเป็นกลาง ต้องดูแลลูกน้องด้วยความยุติธรรม”
ถึงงานจะหนัก งานจะเหนื่อยแค่ไหน แต่เธอไม่เคยว่างเว้นเสียงหัวเราะ
“ไม่เคยใช้อารมณ์กับลูกน้องค่ะ ไม่ว่าจะเป็นใคร จะดี จะเลว ถ้ามีปัญหาจะเรียกมาคุยแบบมีเหตุผลได้ทุกคน เป็นเจ้านายที่มีแต่เสียงหัวเราะ จนคำอวยพรวันเกิด ลูกน้องยังบอกว่า อยากให้เจ้านายหัวเราะเสียงดัง ๆ” คุณสุ บอกพร้อมกับหัวเราะยืนยัน
แต่ถ้าชีวิตไม่หักเหในอดีต ปัจจุบันก็คงไม่ได้ก้าวมาไกล…
“เคยทำธุรกิจจนคิดว่าตัวเองสบายแล้วชีวิตนี้ ตอนนั้นมียอดซื้อขายที่มั่นคงมาโดยตลอด” แต่นั่นเกิดจากคู่ค้าหลักรายใหญ่เพียงรายเดียว จนเมื่อถึงวันที่เกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดวิกฤติครั้งใหญ่ ยอดขายตกลงจนแทบไม่มีเหลือ ทำให้ต้องลุกขึ้นมาดิ้นรนเพื่อให้ชีวิตไปต่อได้ ซึ่งอีกหนึ่งสิ่งที่เธออยากทำมาตลอดคือ การผลิตชุดสายไฟที่อยู่ภายในเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ (Wire Harness) เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฯลฯ โดยเริ่มจากการผลิตปลั้กไฟ
“ตอนนั้นไม่มีหนี้ ชีวิตก็ถือว่าสบาย ๆ แต่พอเริ่มสร้างโรงงาน ก็ตั้งใจเลยว่า ชีวิตนี้จะทุ่มเท เราต้องพาโรงงานให้ไปรอดได้แน่นอน แต่ก็แอบลุ้นในใจว่า ถ้าทำไม่สำเร็จ บ้านสำหรับครอบครัวเราก็ไม่เหลือ งานนี้เดิมพันด้วยชีวิตค่ะ” และนั่นจึงทำให้คุณสุ ทุ่มหมดหน้าตัก
นับว่าโชคดีมาก เพราะทุกจังหวะย่างก้าว มันสอดคล้องกันไปหมด เดินเข้าไปคุยกับเจ้าไหน ก็ได้เสียงตอบรับที่ดี ให้ความร่วมมือ ช่วงนั้นเดินทางไปโรงงานต่าง ๆ เยอะมาก เพื่อติดต่อหาลูกค้า
“แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะราคาของเราสู้เขาไม่ได้ ตอนนั้นก็ยังคิดไม่ตกว่าจะทำยังใจ ใจน่ะสู้เต็มที่ เราไม่เคยคิดว่าตัวเองเจ้าของ คิดว่าตัวเองเป็นพนักงานขาย เข้าไปคุยกับทุกแผนก ทุกคนคือเพื่อนพี่น้องเราหมด บนพื้นฐานของความจริงใจ เจอใครยกมือไหว้ ทำเองทั้งหมด ลุยแหลก ขอตัวอย่างแบบสินค้าที่จะผลิตมาได้ก็ดีใจแล้ว ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะผลิตยังไง วัตถุดิบจะหามาจากไหน ต้นทุนจะสู้เขาได้รึเปล่า แต่ใจสู้เกินร้อย และยังได้ที่พึ่งทางใจ กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพนับถือ โดยเฉพาะ เสด็จแม่พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ และ เสด็จพ่อ ร.5”
เมื่อกำลังใจดีแล้ว ปัญหาใหญ่ ๆ ก็ค่อย ๆ ได้รับการแก้ไข “ทุกเรื่องไม่มีง่ายเลย” เธอสู้ด้วยการอาศัยความจริงใจ ความตั้งใจ “ยอมเหนื่อย วิ่งส่งงานทีละไม่กี่ชิ้น ยอมให้เขาต่อว่า ทำงานกันแบบไม่มีเวลาพัก ยอมขาดทุน เพื่อให้งานสำเร็จ ต้องนั่งคุมเอง อยู่กับลูกน้องทั้งวันทั้งคืน คอยส่งข้าวส่งน้ำ ให้กำลังใจเขา”
รับงานมาแบบ รู้ทั้งรู้ว่าขาดทุน ก็ต้องทำ…

“เราเสนอราคายังไงก็ไม่ผ่าน จนต้องไปหาข้อมูลว่า ทำไม? เราแพ้คนอื่นตรงไหน? ไม่ดีตรงไหน? เขาก็ชี้แจงให้เราดูว่า จุดไหนที่ต้นทุนเราสูงกว่า จนได้ความรู้เพื่อมาขบคิดว่า จะใช้วิธีไหนในการปรับปรุง จัดการปัญหาลดต้นทุน เพื่อให้สู้กับคนอื่นได้ ทางออกคือ เรียกประชุมทุกฝ่าย ชี้ให้เห็นถึงการทำงานที่มีความสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ หาทางลด เพื่อเราจะได้มีกำไรเหลือ แล้วนำมาเป็นโบนัส ขึ้นเงินเดือน จะได้มีความสุขกันถ้วนหน้า หันมาใช้เทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาช่วย งานที่เคยทำหลาย ๆ คน ก็เหลือคุมเครื่องแค่คนเดียว แต่ก็พูดเสมอว่า ทุกคนไม่ต้องกลัว เครื่องจักรมายังไงก็ไม่ตกงานแน่นอน เพราะคนที่มีอยู่จะต้องไปทำตำแหน่งที่สำคัญกว่า เราไม่ทอดทิ้งลูกน้อง”
“หัวใจของเราคือการบริการ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ต้องรีบเข้าไปเคลียร์ วิ่งชนทุกปัญหา ส่วนราคาก็สู้” พอตั้งตัวได้ คุณสุ ก็ขยายสาขา เคลียร์หนี้สิน ซื้อเครื่องจักร จนรู้จักกันไปทั่วทั้งวงการว่าเป็นผู้หญิงที่ทั้งเก่งทั้งแกร่ง ใคร ๆ ก็อยากเจอตัว
“ใครมาทำงานกับ MSTD เรานับถือเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง ทุกคนเป็นเสมือนญาติ เรารักเขา เขาก็รักเรา ไปมาหาสู่ ปฏิบัติตัวกันเหมือนญาติ ไม่ใช่แค่การทำธุรกิจ กับลูกน้องเราไม่ใช่เป็นแค่เจ้าของ เจ้านาย แต่เป็นเหมือนแม่ให้ด้วย ใครมีปัญหาช่วยเหลือเต็มที่ โดยเฉพาะหากเป็นเรื่องจำเป็น ต้องดูแลพ่อแม่ ลางานไปได้เป็นเดือนเลย ขอให้เป็นเรื่องจริง ขอให้เป็นคนดี กลับมาเรายินดีรับกลับเข้าทำงาน”
นอกจากจะสร้างผลงานให้เป็นที่รู้จักแล้ว คุณสุ ยังใส่ใจที่จะนำสินค้าโอทอป ในย่านโรงงานไปเผยแพร่อีกด้วย ทำให้เวลาเดินทางไปพบใคร แม้กระทั่งแขกต่างประเทศ ก็จะติดปลาสลิดของดีจากสมุทรปราการ เป็นของฝากไปด้วย จนทุกคนรู้จัก สุภาภรณ์ซัง From Thailand กันหมด “ใครรู้จักเรา ก็จะรู้จักปลาสลิด สมุทรปราการ” (หัวเราะ)
เมื่อย้อนกลับมาคุยถึง กอล์ฟ เรื่องสำคัญ ที่ช่วยต่อยอดให้คุณสุ จนเดินทางมาถึงความสำเร็จในปัจจุบัน…
“ชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะเล่นกอล์ฟเลยค่ะ เพราะเราเป็นเด็กบ้านนอก โตขึ้นมาก็ทำแต่งาน กีฬาทุกชนิดแทบไม่รู้จัก การออกกำลังกายไม่มี ทำไม่เป็นด้วย” เธอเล่าพร้อมอมยิ้ม
“จนเมื่อแต่งงาน คุณพ่อของแฟน (คุณมาโนช วัดล้อม) ชอบเล่นกอล์ฟ ก็พาลูกชายไปออกรอบ ส่วนเราอยู่บ้านเพราะตอนนั้นไม่ได้สนใจ ยังทำแต่งาน จนตอนหลังแฟนเริ่มมีปัญหาด้านสุขภาพ ต้องไปออกกำลังกาย แล้วกอล์ฟก็เป็นกีฬาที่คุ้นเคยอยู่แล้ว โดยเริ่มไปแข่งกับชมรมกอล์ฟไทม์เป็นที่แรก เขาไปเล่นจนได้แฟนพันธ์แท้ จัดแข่งที่ไหนไปด้วยหมด ส่วนเราเองทำงานจนเครียดมาก ขอตามไปเพื่อพักผ่อนบ้าง แรก ๆ ตามไปขับรถกอล์ฟเล่น ไม่งั้นก็อยู่ที่คลับเฮ้าส์ นั่งดูสนามเขียว ๆ คิดงานไปเรื่อย ๆ ได้เงินได้ทองช่วงนี้มาก็เยอะ” คุณสุ หัวเราะร่วน
“พี่มาโนช ให้โปรมาสอนเราทั้งสองคน ทำให้ได้ไปเล่นกอล์ฟด้วยกัน แต่สำหรับเราแล้ว เรื่องงานเป็นหลัก เวลาไปตีกอล์ฟถืองานไปด้วย ต้องทำให้เสร็จก่อนออกรอบ โทรศัพท์มาก็รับ คุยธุระได้หมด ทำให้เกมกอล์ฟไม่แน่นอน เพื่อน ๆ ร่วมก๊วนก็ช่วยฝึกให้ อยากให้เราได้ถ้วย ถ้าตีได้ดีก็จะมีความสุข แต่ก็ไม่เคยซีเรียสอะไร”

“การตีกอล์ฟ ทำให้ชีวิตเรามาไกลเกินฝันมาก ทำให้มีธุรกิจกับคนทั่วโลกได้ เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่า เด็กบ้านนอกที่ไม่เคยเล่นกีฬา จะมาตีกอล์ฟกับคนไปทั่วได้ (หัวเราะ) กับลูกน้องเราก็สนับสนุนให้เขาเล่น เพราะเรารู้แล้วว่ากอล์ฟมีประโยชน์เยอะจริง ๆ บอกลูก ๆ เสมอว่า คุณสมบัติหนึ่งในการเป็นผู้บริหารคือ ต้องตีกอล์ฟ เพราะแม่ได้มากับตัวเอง เล่นกอล์ฟแล้วยังได้ธุรกิจ ได้เพื่อน ได้มิตรภาพ ยิ่งตีดียิ่งมีความสุข สุขภาพก็ดีด้วย”
สำหรับการดูแลสุขภาพใจ… “พยายามเป็นคนไม่คิดมาก ไม่ซีเรียส ปล่อยวาง มองว่าปัญหามีไว้แก้ ทุกอย่างมีทางออก ใครทำอะไรผิด เสียหาย ถ้ารู้สาเหตุที่แท้จริงแล้ว ขอให้จริงใจกัน ก็ไม่เคยให้ใครต้องชดใช้ เพราะคิดเสมอว่า เราสามารถหาได้มากกว่านี้” ความใจกว้าง ใจนักเลงแบบนี้นี่เอง เลยยิ่งทำให้มีคนรักและอยากมาอยู่กับเธอมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้จะทำงานจนแทบไม่มีเวลา แต่เรื่องสุขภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ…
“ไม่ค่อยรักตัวเอง แต่ก็พยายามรักค่ะ (หัวเราะ) ทุกเช้าออกกำลังกายบ้าง พยายามดูแลสุขภาพของตัวเอง เพราะต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่า เมื่อมีปัญญาหาเงินได้แล้ว ก็ต้องรักษาสังขารให้อยู่ใช้เงินและดูแลลูกหลานได้ด้วย เพราะความสุขในครอบครัวต้องมาเป็นอันดับแรก ถ้าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ชีวิตก็ไปไม่รอด จึงต้องดูแลเอาใจใส่ ลูก ๆ สามี ให้เขาอยู่กับเราแล้วมีความสุข ทั้งอาหารการกิน ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมร่วมกัน ไปทานอาหาร ไปท่องเที่ยวด้วยกัน กับแฟนก็พยายามไปเล่นกอล์ฟ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง และความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งในชีวิต ที่คนอื่นอาจจะมองว่าเราบ้าก็ได้นะ นั่นคือ อยากเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟค่ะ” คุณสุ เผยความฝันที่ทำให้เสียงหัวเราะของเธอดังกว่าทุกครั้ง
ก่อนจบบทสนทนา คุณสุ เผยเคล็ดลับในการครองชีวิตให้มีความสุขแถมท้าย ซึ่งนอกจากจะใช้กับคนใกล้ชิดแล้ว เธอก็ยังใช้วิธีนี้ในการครองใจทุกคนให้อยู่กันอย่างมีความสุขได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัว คุณสุ พิชิตใจได้อยู่หมัด…
“ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดที่เขาเป็นตลอดเวลาค่ะ ต้องรักและห่วงใยกัน ต้องให้อภัยซึ่งกันและกัน ต้องเชื่อใจกัน ไว้ใจกัน มีอะไรก็ต้องปรึกษากัน และไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ปัญหาใหญ่น้อยแค่ไหน ขอให้มั่นใจในตัวเองเสมอว่า Yes, we can! ทุกเรื่องเราทำได้ค่ะ!”
